ok สู้ สู้
ไม่งั้นการเดินทางไปปฎิบัติธรรมที่นั่นนี่ เป็นครั้งคราวก็เป็นการหา เป้นการปรุง สุข รูปแบบหนึ่ง หากว่าไม่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ก็เป็นการหนีไปหาสุขปรุงดีปรุงสงบอย่างหนึ่ง หากนำมาใช้ไม่ได้ ok จริงเลย
อย่าให้ใครเขาว่าได้ ไปวัดปฎิบัติธรรมมากลับมาเหมือนเดิม เสียชื่อ ต้องสู้
การปฎิบัติธรรมคือการนำธรรมมะสู่วิถีชีวิตจริงนี่แหละ
การปฎิบัติธรรมคือที่บ้าน ที่ทำงาน ที่ไหนๆที่เราอยู่นี่แหละ
ไม่หนีและ
กล้าหาญ สู้ๆ เป็นคนพุทธต้องสู้
(ที่มาจากบันทึก หยุดวิ่งหา "ความพอใจ..." )
ถูกต้อง ๆ ต้องสู้ด้วย "ปัญญา"
ถ้าไม่มีใครมาด่าเรา เราก็ไม่ได้สร้าง "บารมี" อันเป็นทานบารมี ว่าด้วย "อภัยทาน" ขันติบารมี ว่าด้วย ความอดทน ปัญญาบารมี ว่าด้วย การใช้อุบายภาวนาเพื่อปล่อยและวางในโลกธรรม
คนที่มาว่าเรา ด่าเราหนึ่งครั้ง เราสามารถนำสิ่งนั้น เหตุการณ์นั้น ไปสร้างบารมีได้ทั้ง ๑๐ ประการ
อยู่ในวัดนี่สงบ ก็เพราะไม่มีอะไรมากระทบเฉย ๆ
ถ้าหากรู้จักธรรมะที่แท้จริงแล้ว "วัด" นั้นอยู่ทุกที่ ทุกหน ทุกแห่ง
เพราะวัดนั้นคือใจ ธรรมะคือข้อปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ ไปที่ไหน อยู่ที่ไหน ก็ต้องมี "ใจ" อยู่ที่นั่น
การหนีทุกข์ ไม่สามารถ "พ้นทุกข์" ได้เลย
การหนีทุกข์ เป็นเพียงการหลบจากทุกข์หนึ่ง ไปเจออีกทุกข์หนึ่ง
ทุกข์เก่าก็ไม่หาย แถมยังต้องเจอทุกข์ใหม่เข้ามาอีกด้วย
แต่ถ้าหากเราอยู่และสู้ ทุกข์ที่มีนั้นก็จะสามารถจางคลายหายได้
ทุกข์เก่าก็หาย ทุกข์ใหม่ก็ไม่มีเน๊อะ...
ท่านกล่าวถูก
"วัด" นั้นอยู่ทุกที่ ทุกหน ทุกแห่ง
เป็นพระ ก็ ทีใจ
พระธรรม ก็ที่ใจ
พระรัตนไตร ที่มีอยู่แล้วในตัวเรา ใจเรา ทุกคนจริงๆด้วย
สาธุ
ให้สู้ด้วยปัญญา ไม่หนี
ด้วยปัญญาบารมี ว่าด้วยการปฎิบัติในชีวิตประจำวัน
ด้วย การใช้อุบายภาวนาเพื่อปล่อยและวางในโลกธรรม
จะพากเพียรต่อไป