วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)
คุณปิยชัย ในฐานะประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านนาป้อใต้ (ต้นธงชัย) ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า เราน่าจะเอาข้อมูลมาศึกษากันดีกว่า อย่างกลุ่มของผมซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก (มีสมาชิกร้อยกว่าคนค่ะ) บัญชีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มของผมจ่ายเงินเข้ามาที่เครือข่ายฯแล้ว 55,000 กว่าบาท แต่ติดค่าเฉลียศพที่ต้องจ่ายอีกประมาณ 13,000 บาท รวมทั้งหมดแล้วผมต้องจ่ายเงินเข้าเครือข่ายฯ 69,000 กว่าบาท ผมรับมาจากเครือข่ายฯแล้วประมาณ 87,000 กว่าบาท ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ผมจ่ายเงินมาที่เครือข่ายฯประมาณ 60-70 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่ผมเสนออย่างนี้ก็เพราะว่าอยากให้แต่ละกลุ่มไปทำข้อมูลอย่างนี้มา เราจะได้รู้ว่าเราจะเดินต่อไปอย่างไร
ประธานบอกว่า ถ้าเรามีข้อมูลอย่างนี้ เราจะได้เอาข้อมูลมาพูดคุยกันว่าเราจะช่วยเหลือกันอย่างไร ผมจะพูดให้ฟังว่าการที่ไม่ส่งรายงานฐานะทางการเงินจะมีผลอย่างไร
1.ไม่รู้ยอดสมาชิกในแต่ละเดือนว่าจะต้องส่งค่าเฉลี่ยศพเป็นจำนวนเท่าไหร่
2.ไม่รู้ว่าเงินที่เก็บมาจากชาวบ้านอยู่ที่ไหนบ้าง กองทุนไหนพอหรือไม่พอก็ไม่รู้
แค่ 2 เรื่องนี้ถ้าเราไม่รู้เราก็ไม่รู้ว่าจะเดินต่อกันอย่างไรแล้ว การที่กติกาบอกว่าต้องส่งเงิน 20% มาที่เครือข่ายฯ ถ้าเงินค่าเฉลี่ยศพเกิน 12 บาท เราจะเอาเงินกองทุน 20% นี้มาจ่ายให้ เพราะ ตอนนี้เราจ่ายเงินค่าศพไปแล้วล้านกว่าบาท เราเรียกเงินคืนมาไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาทุกกลุ่มจ่ายเงินเกิน 12 บาท/หัว/คน/เดือน ทำให้เงินไม่พอ อยู่ไม่ได้ ต่อไปนี้ถ้าเดือนไหนจ่ายเงินเกิน 12 บาท/หัว/คน/เดือน เครือข่ายฯก็จะเอาเงินจากกองทุนกลางเฉลี่ยคืนให้ไปโดยที่ไม่ต้องกู้ ไม่ต้องยืม แต่ในการที่จะเอาเงินตรงนี้ออกไปได้มันจะต้องเป็นระบบ มันถึงจะแก้ปัญหาในเรื่องการเฉลี่ยความเสี่ยงได้ อันนี้ต้องเข้าใจ มันเป็นสูตรที่ในหลักการผมเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มที่บอกว่าเงินไม่พอ ต่อไปจะมาบอกว่าเงินไม่พอไม่ได้ เพราะว่า ท่านส่งเงินมาที่เครือข่ายแค่ 12 บาท/คน/เดือน
อ.ชวนพิศ ในฐานะประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านเอื้อม ได้แสดงความคิดเห็นต่อว่า ตอนแรกที่บอกว่าเงินไม่พอ มันไม่พอตรงส่วนที่เป็นกองทุนสวัสดิการชุมชน 50% ตอนนั้นเราไม่สามารถเอาเงินในกองทุนอื่นมาใช้ได้ แต่ตอนนี้ถ้าสามารถเอาเงินในกองทุนอื่นๆมาใช้ได้ เช่น กองทุนธุรกิจชุมชน เป็นต้น มันก็คงจะพอแน่นอน
ประธานได้ขยายความตรงนี้ต่อว่า ในกรณีของกองทุนธุรกิจชุมชนนั้น ที่กันเงินออกมาก็เพราะว่าต้องการให้เอาเงินมาลงทุนเพื่อที่จะก่อดอกออกผล ดอกผลที่ได้ก็ต้องมามาจัดสวัสดิการชุมชน แต่ถ้ากลุ่มไม่เอาไปลงทุนก็ต้องมาเอามาจัดสวัสดิการ
อ.ชวนพิศ แย้งว่า ในการลงทุนช่วงแรกๆ ต้องทำใจว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะขาดทุนหรือกำไร
ขณะที่ประธานบอกว่า เรื่องนี้แต่ละกลุ่มก็ต้องพิจารณากันให้ดี ถ้าคิดว่าจัดการไม่ได้ ก็ไม่ต้องเอาไปลงทุน เอามาจัดสวัสดิการเพียงอย่างเดียวก็ได้
วันนี้ขอตัดช่องน้อยจบแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะว่าจะรีบไปเข้านอนค่ะ พรุ่งนี้ยังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมากค่ะ นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ไม่มีความเห็น