ล้านนาเป็นอาณาจักรหนึ่งที่มีความรุ่งเรืองด้านศิลปวัฒนธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณ และด้วยผลพวงมาจากความเชื่อ ความเลื่อมใสที่มีต่อพุทธศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณีนี่เอง ที่ทำให้ชาวล้านนาพยายามสืบทอดภูมิปัญญาอันเป็นมรดกของชาติมาจนถึงทุกวันนี้ ก๋องปู่จา หรือ กลองบูชา ก็เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของชาวล้านนา ที่มีตำนานมาเป็นเวลากว่า1,300 ปี ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกเหตุต่างๆ ในสังคม
ในอดีตเสียงย่ำกลองจะดังกังวานขึ้นทุกครั้งก่อนที่จะออกไปรบทัพจับศึกกับศัตรู และจะเป็นเครื่องประโคมชัยที่ดังก้องเมื่อชนะศึกสงคราม หลังจากที่ผ่านการทำศึกแล้วจะไม่นิยมนำกลองไว้ที่บ้านจะนำไปไว้ที่วัด เพราะผ่านการทำศึกจะมีคราบเลือดและความเชื่อเกี่ยวกับผี คราวต่อมาเมื่อบ้านเมืองผ่านพ้นจากการทำศึก กลองไชยมงคลที่อยู่ที่วัดจึงได้มีการดัดแปลงเพื่อใช้ตีบูชาธรรม ซึ่งเป็นที่มาของกลองบูชานับตั้งแต่นั้นมา
พระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ วัดล้านนาญาณสังวราราม เล่าว่าการตีกลองบูชาก็เหมือนเป็นการตีเพื่อบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และเป็นการตีเพื่อบอกว่าเป็นเวลาฉันเพล เป็นการนัดประชุมบอกกล่าวให้ประชาชนได้มาประชุมอย่างพร้อมเพียง และตีเพื่อบอกกล่าวว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันพระเพื่อให้ประชาชนได้นำอาหารมาใส่บาตรพระสงฆ์
ลักษณะของก๋องปู่จา รูปร่างลักษณะแต่เดิมนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าเป็นอย่างไรแน่แต่ปัจจุบันเป็นกลองที่ตั้งอยู่กับที่ขนาดใหญ่มาก ชุดหนึ่งมี 4 ใบ คือ กลองแม่หรือกลองใหญ่หรือกลองตั้ง แล้วแต่ท้องถิ่นต่างๆจะเรียก
อ.เกรียงศักดิ์ สันเทพ อาจารย์สอนตีกลองบูชา ชมรม คนฮั๊กก๋องปู๋จา จังหวัดลำปางกล่าวว่าการใช้กลองบูชานั้น ตัวกลองจะต้อง ใช้ไม้เนื้อแข็ง ขุดเป็นโพรงขึ้นหน้าด้วยหนัง ก่อนหุ้มกลองต้องทำการบรรจุหัวใจกลองไว้ข้างในตัวกลอง แล้วจึงหุ้มกลองด้วยหนังวัวหรือหนังควาย ใช้น้ำแห้งลงอักขระโบราณ คาถาเมตตามหานิยม ผ้ายันต์ และของมีค่าที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ บรรจุรวมลงไปในน้ำเต้าแล้วนำไปแขวนไว้ในตัวกลองใบใหญ่
ปัจจุบัน ก็มีหลายหน่วยงาน ทั้งระดับชุมชน และระดับจังหวัดเล็งเห็นความสำคัของกลองบูชา หรือก๋องปู๋จา มากขึ้น ทางจังหวัดลำปางก็ ได้จัดตั้งชมรม คนฮั๊กกลองบูชา โดยปลูกฝังการอนุรักษ์วัฒนธรรมการตีกลองบูชาหรือ ก๋องปู๋จาให้แก่เยาวชนในพื้นที่สนใจในการตีกลองบูชา หรือก๋องปู่จา มาฝึกการตีกลองบูชา หรือก๋องปู่จา โดยกลุ่มเยาวชนคนรักกลองบูชา จังหวัดลำปางต่างก็ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้อนุรักษ์ การตีกลองบูชานี้ให้คงอยู่คู่ชาวล้านนา ตลอดไป
นับได้ว่า กลองบูชา หรือ ก๋องปู๋จา นั้น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมล้านนาที่ตกทอดสืบสานตำนานล้านนาไทยมาอย่างช้านาน มาถึงวันนี้มรดกล้ำค่าชิ้นนี้กำลังจะถูกลบเลือนจางหายไปจากใจของคนรุ่นลูกรุ่นใหม่ไป ถึงเวลาแล้วที่จะรักษา มรดกอันล้ำค่าชิ้นนี้ให้คงอยู่คู่ล้านนาไทยสืบไป
ขอบคุณความรู้ ดีดี จาก http://www.fm100cmu.com/blog/Lanna/content.php?id=195
น่าสนใจมากคะ
1. ครูน้อย
เมื่อ จ. 09 ก.พ. 2552 @ 15:05
ขอบคุณจ้าว..ตี้แวะมาชม..
ก่อนหุ้มกลองต้องทำการบรรจุหัวใจกลองไว้ข้างในตัวกลอง
หัวใจกลอง คือ อะไรครับ
ในน้ำเต้าแล้วนำไปแขวนไว้ในตัวกลองใบใหญ่
เหอ ๆ ๆ ปุ้ยก็ไม่รู้อ่ะ??
ว่าง ๆๆ จะไปถามคนที่ทำให้นะค่ะ..อิอิ
กำลังเข้าใจว่า เป็นพิธี บรรจุหัวใจ (ไม่ใช่เชิงวัตถุ แต่เชิงจิตวิญญาณ) ที่ทำให้กลองนั้นพิเศษกว่ากลองทั่วไป
อ่อ...ค่ะ ๆ ๆ
สวัสดีครับ
ได้รู้ประวัติความเป็นมาจึงทำให้รู้คุณค่าว่าควรแก่การอนุรักษ์ "กลองบูชา"
7. ผมคนโสตฯครับ
เมื่อ จ. 09 ก.พ. 2552 @ 18:34
สวัสดีครับ
ได้รู้ประวัติความเป็นมาจึงทำให้รู้คุณค่าว่าควรแก่การอนุรักษ์ "กลองบูชา"
................................................
ปุ้ยตอบ..สวัสดีค่ะ..ยินดีที่รู้จัก..ขอบคุณนะค่ะที่แวะเข้ามาชม..ช่วยกันอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านเฮานะค่ะ..
8. Moon smiles on Venus&Jupiter
เมื่อ จ. 09 ก.พ. 2552 @ 19:30
ขอบคุณค่ะ
.........
ปุ้ยตอบ..ไม่ต้องเกรงใจจ้า..ปุ้ยชอบเผยแพร่ความรู้เชิงอนุรักษ์..อิอิ ยินดีจ้า..
หัวใจกลองก็คือ น้ำเต้าแห้งที่ลงอักขระตัวล้านนารอบๆและมียันต์ต่างๆบรรจุข้างในแล้วนำผ้ามาปิดปากน้ำเต้าแล้วนำไปแขวนในกลอ
งก่อนทำการหุ้มหนัง
หัวใจกลองคือการลงคาถาไว้ในตัวกลอง
จะทำให้กลองศักสิทธิ์ขึ้น