การสลายการชุมนุมประท้วง
เมื่อครั่งที่ผมปฏิบัติหน้าที่ ประจำที่ทำการปกครองจังหวัดชุมพร (ฝ่ายปกครอง) ในตำแหน่งพนักงานปกครอง 5 (ผู้ช่วยจ่าจังหวัด) มีการชุมนุมประท้วงและปิดถนยนสายเอเชีย หมายเลข 41บริเวณสี่แยกทุ่งสววค์ (ทางเข้าตัวอำเภอละแม) เรียกร้องให้ทางราชการ รับผิดชอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอำเภอละแมยิงคนตาย แล้วนำศพไปทิ้งในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้ประชุมประท้วงประมาณ 100 คน มีการนำรถยนตืโลงศพปิดถนนไว้ ทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ รถติดเป็นแนวยาวประมาณสิบกิโลเมตร ทำให้ประชาชนที่เดินทางโดยใช้ถนนดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน
จังหวัดชุมพร โดยที่ทำการป้องกันจังหวัด ได้รับวิทยุรายงานแล้ว นำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อทราบและดำเนินการแก้ไขปัญหา ขณะเวลาประมาณ 17.00 น.ผมเลิกงานพอดี กำลังจะกลับที่พักได้พบท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ซึ่งกำลังเดินทางไปยังที่ที่มีเหตุการณ์ประท้วง ท่านออกปากชวนผมไปด้วย ระหว่างทางที่นั่งรถไป ท่านรองผู้ว่าฯได้สอบถามความเป็นมาของเรื่องที่ประชาชนชุมนุมประท้วงกัน ผมนั้นไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากไม่ได้เป็นงานในหน้าที่รับผิดชอบ ทราบเพียงว่าก่อนหน้านี้มีชาวบ้านที่บ้านเขาหลาง อำเภอละแม ถูกยิงตายแล้วพบศพที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาญาติผูตายกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของสภ.อ.ละแมเป็นผู้พาไปยิง
ท่านรองผู้ว่าฯทราบว่าผมเคยปฏิบัติหน้าที่ในกองร้อย อส.ร่วมดำเนินการทุกครั้ง จึงขอให้เสนอความเห็นว่าควรจะทำอย่างไรกับการชุมนุมและปิดถนนครั่งนี้ผมได้เสนอข้อคิดเห็นซึ่งนำมาจากประสบการณ์ในการทำงานในเรื่องดังกล่าว คือ
1.ซักซ่อมก่อนปฏิบัติการ แต่บางครั้งหากเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่สามารถซักว้อมล่วงหน้ได้ ก็ใช้วิธีมอบหมายหน้าที่กันระหว่างเดินทาง(ในรถ)
2. ให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าไปรวมตัวกับผู้ประท้วงเพื่อหาข่าว และศึกษาข้อมูลในรายละเอียดว่าใครเป้นแกนนำ ผู้ชุมนุมต้องการอะไรและมีข้อเสนออย่างไร
3. ใช้นกหวีดเป็นตัวช่วยในการทำงาน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และสร้างความสับสนให้แก่ผู้ชุมนุม
4. การสั่งการต้องมีความรัดกุม และต้องเตรียมวิธีดำเนินการอย่างน้อย 2-3 วิธี เวลาในการปฏิบัติต้องจำกัดแรวดเร็ว
5. ใช้สถานการณ์เป็นเครื่องมือในการสลายการชุมนุม
ในระหว่างเดินทาง ผมได้เล่าถึงประสบการณ์ในการสลายการชุมนุมประท้วง ให้ท่านรองผู้ว่าฯเป็ฯแนวคิดในการดำเนินการ เช่น เรื่องที่ชาวสวนกาแฟประท้วงต่อรองราคากาแฟ บริเวณที่หน้าศาลากลางจังหวัดชุมพรในขณะที่ผู้ชุมนุมรอพรรพวกจากอำเภอต่าง ๆเป็นเวลาเลิกงานพอดีผมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการใด ๆ แต่ผมบอกกับสมาชิก อส.ว่าที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในขณะนั้นว่า ให้อำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการที่กำลังจะเดินทางออกจากศาลากลางเพื่อกลับที่พักด้วย เพราะมีรถยนต์ของผู้ชุมนุมจอดกรีดขวางทางเข้า - ออกอยู่ สมาชิก อส.ก็ใช้อุปกรณืประจำตัว ก็คือ นกหวีด เพื่อเป็นสัญญาณบริการรถเข้าออกซึ่งมีทั้งรถของข้าราชการและประชาชนที่มารอฟังข่าวการชุมนุมอยู่ เมื่อรถคันแรกขยับออกไปคันต่อ ๆ มาก็เริ่มทยอยกันออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีเหตุผล ตัวแทนที่ปราศรัยอยู่บนเวทีได้พยายามประกาศให้อยู่ต่อ เนื่องจากยังหาข้อยุติไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาของผมขณะนั้นคือ นายมนัส เพ็งสุทธิ์ ผู้บังคับกองร้อย อส.ฯ ได้ใช้สถานการณ์นี้เป็นโอกาสในการสลายการชุมนุม โดยสั่งการให้สมาชิก อส. ที่รักษาความปลอดภัยในบริเวณศาลากลางจังหวัดทั้งหมด ออกมาปฏิบัติการโดยใช้นกหวีดที่ติดตัวอยู่เป่าให้สัญญาณอำนวยความสะดวก (ซึ่งมีทั้งรถของข้าราชการและชาวบ้าน) เสียงดังไปทั่วบริเวณ ปรากฎว่าสามารถทำให้รถยนต์ในศาลากลางจังหวัด ออกไปจากบริเวณหน้าศาลากลางได้ รวมทั้งเมื่อผู้มาชุมนุมสมทบเห็นรถยนต์ทยอยกันออกไป เข้าใจว่าการชุมนุมสิ้นสุดลงแล้ว ก็ไม่เข้าไปสู่บริเวณที่ชุมนุม บางคนก็ขับรถกลับไปเลยผู้ปราศรัยบนเวทีแม้จะพูดด้วยเครื่องขยายเสียง แต่ถูกกลบด้วยเสียงนกหวีด และรถยนต์แต่ละคันปิดกระจกติดแอร์ ไม่สามารถได้ยินเสียงผู้ปราศรัยได้การสลายการชุมนุมในครั้งนั้นสำเร็จลง โดยการหยิบฉวยโอกาส ใช้สถานการณืเวลาเลิกงานเป็นเครื่องมือในการทำงาน
อีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนายกนก ยสาระวรรณ ได้เรียกผมเข้าไปพบ แล้วสั่งการให้เตรียมกำลังสมทบ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวณชายแดน และทหารจากจังหวัดทหารบกชุมพร เพื่อสนับสนุนการดำเนินการ ของเทศบาลเมืองชุมพร ในการจัดระเบียบทางจราจรให้ขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ของแม่ค้าตลาดท่าน้ำ ที่วางขายบริเวณริมถนนปรมินทรมรรคา ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร ไปรวมกันไว้ที่ สภ.อ.เมืองชุมพร บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายรู้ข่าวก็รวมตัวกันชุมนุมประท้วง โดยมีสมาชิกสภาจังหวัดชุมพรในสมัยนั้นเป็นแกนนำ ผมได้รับมอบหมายจาก ผบ.ร้อย อส.จ. ชุมพร (นายมนัส เพ็งสุทธิ์) ให้หาข่าวจำนวนผู้ชุมนุมปรากฎว่ามีประมาณ 50 คน ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่มีจำนวน 80 คน ผมได้รับคำสั่งให้นำสมาชิก อส. 5 นาย ทำหน้าที่พิเศษ คือต้องเข้าไปนำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและราชินี กับธงชาติไทย ออกมาให้ได้โดยมิให้เกิดการเสียหาย ผมจะเป็นผ้ให้สัญญาณ ส่วนกำลังอื่น ๆ คือเจ้าที่เทศบาลตำรวจ ทหาร ให้ช่วยกันขนอุปกรณ์ของพ่อค้าแม่ค้าที่วางกีดขวางทางจราจรออกให้หมด เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการ ผมเป่านกหวีดให้สัญญาณ ทุกคนลงมือทำหน้าที่ของตนเอง โดยไม่มีการเจรจาต่อรองเนื่องจากได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าฯ ว่าให้สลายการชุมนุมให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว บรรดาพ่อค้าแม่ค้าไม่ทันรู้ตัว เมื่อถูกจู่โจมก็ใช้อาวุธในมือ เช่น ไม้คาน กระจาด กระป๋อง ฟาดกันนัวเนีย ทางด้านเจ้าหน้าที่ไม่มีอาวุธอะไร ใช้มือเปล่าเพื่อขนย้ายอุปกรณ์ของแม่ค้าขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้วอย่างเดียว กฏโดนกันไปคนละทีสองที ผมเองโดยไม้คานแม่ค้าไป 2 ที (ยังจำหน้าได้อยู่ว่าเป็นแม่ค้าคนไหน บังเอิญว่าสินค้าที่เขายายผมไม่ทาน เลยไม่ได้ไปอุดหนุน ) สุดท้ายก็สามารถสลายการชุมนุมได้สำเร็จ ต่อมาทางเทศบาลได้จัดสถานที่ให้พ่อแม่ค้าเหล่านั้น ขายกันในตลาดสดเทศบาล (ใกล้สถานีขนส่ง) ซึ่งเป็ฯตลาดสดที่มีผู้ซื้อขายกันจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการชุมนุมของชาวบ้านครั้งนี้ ผมเสนอแนวทางว่า จะต้องรู้จำนวนของผู้ชุมนุมที่แท้จริงว่ามีจำนวนเท่าไร ตามรายงานจำนวน 100 คนนั้น อาจรวมผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือผ้ที่ขับรถมาติดค้างเนื่องจากการชุมนุมอยู่ก็ได้ สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่มีตำรวจในท้องที่อำเภอละแม และสมาชิก อส.จ.มีทางป้องกันจังหวัดมาสมทบอีก รวมจำนวนเกือบ 100 นายเช่นกัน ท่านรองผู้ว่าฯ สั่งการให้ประสานหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ให้ดำเนินการให้เสร็จโดยเร้วเนื่องจากยิ่งนาน แระชาชนที่เดินทางโดยใช้เส้นทางนี้จะได้รับความเดือดร้อน
เมื่อถึงสี่แยกทุ่งสววค์ก็เป้นที่น่าตกใจมาก เพราะมีจักรยายนต์จอดรออยู่จำนวนมากโดยฉพาะรถที่ขึ้นมาจากใต้ มุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ ตรงกลางมีโลงศพตั้งวางอยู่บนโต๊ะประชากรที่ยืนชุมนุมอยู่รวมกัน 100 คน โดยประมาณ เมือ่ไปถึงนายอำเภอละแมและสว.สภอ.ละแม รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านรองผู้ว่าฯๆด้ขอเชิญนายอำเภอ สว.สภอ.ละแม และเจ้าหน้าที่ ตำรวจจำนวนหนึ่ง หารือเพื่อจะดำเนินการแก้ไขปัยหา ผมเสนอว่าผู้ที่ชุมนุมประท้วงจริง ๆในบริเวณนี้มีไม่มาก ถ้าไม่รวมคนมาดุการชุมนุมส เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนรถไปได้ ดังนั้นจึงต้องแยกเอาผู่ดูและผู้ที่อยู่ในสภาพจำยอม ออกจากบริเวณเสียก่อนเพื่อให้ทราบจำนวนผู้ชุมนุมที่แท้จริงเปรียบเทียบระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ว่ามีสัดส่วนเท่าในถ้ากำลังฝ่ายเจ้าหน้าที่มีมากกว่าหรือเท่า ๆกันก็จะสามรถดำเนินการได้ง่ายโดยจะใช้วิการแบบจู่ดจมอาจมีบาดเจ็บบ้าง ต้องระมัดระวังกันเอาเองถึงอบ่างไรพวกเจ้าหน้าที่ก้มีเครื่องแบบ เป็นทุนของแผ่นดินอยู่แล้ว หน้าที่ก้เป้นตัวช่วย ถ้าประชาชนจะทะอะไรก้ต้องคิดว่าถุกหรือผิดในการที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน ผมได้หาข่าวจากฝ่ายผู้ชุมนุมแล้ว ผู้ชุมนุมไม่มีอาวุ ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจดำเนินการทันทีผมถือโอกาสแบ่งหน้าที่กันทำงน โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสมาชิก อส.ชุดหนึ่ง มีหน้าที่นำหีบศพออกจากบริเวณถนน อีกชุดหนึ่งให้แจ้งรถยนตืทุกคันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเตรียมเคลื่อนตัวออกทีนทีเมื่อได้รับสัญญาณ ส่วนผมขอสนับสนุนรถดับเพลิงพร้อมด้วยเครื่องขยายเสียง เพื่อเจรจาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1ชุด เพื่อรักษาความปลอดภัยเมื่อทุกฝ่ายพร้อม ผมได้ประกาศให้ประชาชน ผู้ไม่เกี่ยวข้องกบการชุมนุมออกจากบริเวณที่มีการชุมนุมโดยเร็วที่สุด ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและสมาชิกที่ไม่เกี่ยวข้องออก ใช้เวลานี้ไม่เกิน 5 นที สามารถแยกคนออกไปได้ คงเหลือผู้ชุมนุมประท้วงจริง ไ เพียง 50 คคน จากนั้นผมให้สัญญาณกับชุดปฏิบัติการอีก 2ชุด คือชุดที่นำหีบศพออกจากบริเวณที่จอดอญุ่เดินทางได้ทุกอย่างดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้อย่างรวดเร็ว ผู้ประท้วงไม่ทันตั้งตัว มีการประทะกันเล็กน้อยไม้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพยืสวินต่อมาเป็นขั้นตอนการเจรจาต่อรองโดยท่านรองผู้ว่าฯ รับปากจะจะดำเนินการให้ความเป้นะรรมทั้งสองฝ่ายผู้ชุมนุมก็สลายตัวกันไปส่วนผมเองก็แอบ ๆอยู่ห่าง ๆปะปนกับเจ้าหน้าที่แล้วรีบขึ้นรถกลับบ้านพักทันที
ไม่มีความเห็น