มาฆบูชากับ"น่านฟ้า" ฉบับเดือนกุมภาพันธ์


พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขาร

        

          วันมาฆบูชาในอีกแง่หนึ่งคือวันที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร(บอกกับเราว่าท่านจะจากไปแล้ว)ภายหลังจากที่ได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนามาเป็นเวลา ๔๕ ปี เมื่อบริษัทของพระองค์มั่นคงดีและถึงเวลาที่ท่านจะจากไปแล้ว  พระพุทธองค์ได้ทรงถือเอาวันเพ็ญ เดือน ๓ซึ่งเป็นมาฆบูชาวันสุดท้ายที่ท่านทรงพระชนม์ชีพอยู่เป็นวันปลงอายุ

  

         เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระพุทธเจ้าของเรา  ขอนำความเลื่อมใสศรัทธาที่พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นมีต่อพระพุทธองค์ยกขึ้นเพื่อให้เราเห็นถึงความเป็นยอดคนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีในพระสูตร ดังนี้

     ธัมมเจติยสูตร  สูตรว่าด้วย เจดีย์คือพระธรรม  เป็นพระสูตรอยู่ในพระสุตตันตปิฎก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓ ชื่อมัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก์  พระสูตรนี้ทำให้ได้ทราบถึงความเคารพอย่างสูงสุดที่พระมหากษัตริย์มีต่อพระพุทธเจ้า  ความโดยย่อมีว่า  เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคประทับ ณ เมทฬุปนิคม แคว้นสักกะ  พระเจ้าปเสนทิโกศล มีพระราชกรณียกิจเสด็จไปยังนครนั้น และได้ถือโอกาสเสด็จเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า   ในการเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทรงมอบพระขรรค์และพระอุณหิส (กรอบพระพักตร์) แก่ทีฆการายนอำมาตย์ แล้วเสด็จดำเนินไปยังวิหารซึ่งปิดประตู   ค่อย ๆ เข้าไปสู่ระเบียงทรงกระแอมแล้วเคาะบานประตู  พระผู้มีพระภาคก็ทรงเปิดประตู จึงเสด็จเข้าไปสู่วิหาร หมอบลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ทรงจุตพิตพระบาทพระผู้มีพระภาคด้วยพระโอษฐ์ ทรงนวดฟั้นฝ่าพระบาทด้วยพระหัตถ์ประกาศนามของพระองค์.

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ทรงเห็นประโยชน์อะไรจึงทรงแสดงความเคารพอย่างยิ่งในสรีระนี้

พระเจ้าปเสนทิโกศล ตรัสตอบสรรเสริญว่า

๑. ไม่ทรงเห็นพรหมจรรย์อื่นจากพรหมจรรย์นี้ที่บริบูรณ์เห็นปานนี้ ทรงมีความรู้ด้วยญาณอันประจักษ์ในพระผู้มีพระภาคว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ดีโดยชอบ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์สาวกเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว

๒. ทรงเห็นภิกษุทั้งหลายพร้อมเพรียงไม่วิวาทกันเข้ากันได้ดี

๓. ทรงเห็นภิกษุทั้งหลายร่าเริงยินดี มีอินทรีย์แช่มชื่น คงจะได้บรรลุคุณพิเศษอันโอฬาร

๔. พระสาวกเตือนกันและกันมิให้ส่งเสียงเอ็ดอึงแม้ไอจาม ในขณะที่พระผู้มีพระภาคแสดงธรรม แสดงว่าทรงฝึกหัดได้ดี โดยไม่ต้องใช้อาชญาและศัสตรา

๕.-๘. ทรงเห็นบัณทิตผู้เป็นกษัตริย์,พราหมณ์,คฤหบดี,สมณะ ผูกปัญหาถามเพื่อเอาชนะพระสมณโคดม  แต่แล้วก็กลายเป็นสาวกของพระสมณโคดมไป

๙. ช่างไม้ชื่ออิสิทันตะ กับปุราณะ รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่ก็ไม่แสดงความเคารพในพระองค์เท่าในพระพุทธเจ้า  ช่างไม้สองคนทราบว่าพระพุทธเจ้าอยู่ทางไหนก็นอนหันศีรษะไปทางนั้น หันเท้าไปทางพระเจ้าปเสนทิโกศล

๑๐. ตรัสชี้ให้เห็นว่าพระผู้มีพระภาคและพระองค์ก็เป็นกษัตริย์เหมือนกัน มีอายุ ๘๐ เหมือนกัน เป็นชาวโกศลเหมือนกัน เพราะเหตุนี้จึงทรงแสดงความเคารพอย่างยิ่งในพระผู้มีพระภาค

 

เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จจากไปแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภาษิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ธัมมเจดีย์ ทรงถือว่ามีประโยชน์และเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ทรงสอนให้ภิกษุทั้งหลายเล่าเรียนทรงจำไว้

ในวันมาฆบูชาปีสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขารและจากไปเมื่อถึงวันวิสาขบูชาในปีเดียวกันนั้น   แม้จะไม่มีโอกาสได้เห็นพระพุทธองค์  แต่สักการะอย่างสูงสุดที่พระเจ้าปเสนทิโกศลมีต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าก็เป็นต้นแบบให้เราได้มอบทั้งกายและใจหมอบลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้ า  และยึดเอาพระธัมมเจดีย์นี้เป็นหลักปฏิบัติเพื่อเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ต่อไป

 

                                                        

 

คำสำคัญ (Tags): #มาฆบูชา
หมายเลขบันทึก: 239835เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2009 13:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • สวัสดีครับท่าน
  • เป็นบทความที่ดี ให้ความรู้ถึงความเป็นมาในการแสดงความเคารพบูชาพระพุทธเจ้า คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบประวัติความเป็นมาของธัมมเจดีย์
  • ขอบพระคุณ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท