บทสรุป
การที่พระยามิลินท์และพระนาคเสนต่างมีศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองเชื่อที่ต่างกันจึงทำให้ทั้งสอง มาประยุทธ(รบ)กันด้วยเป้าหมายที่ต่างกัน พระนาคเสนเพื่อบูชาธรรมในฐานะเป็นศิษย์ตถาคต ส่วนพระยามิลินท์ด้วยเหตุผล คือชัยชนะ จะด้วยในฐานะของผู้ปกครอง หรือนักรบที่ต้องการกำราบทุกสำนัก ไม่ว่าจะสำนักการเมืองที่กำราบหมดแล้วจนได้เป็นผู้ปกครอง จึงหันมากำราบนักบุญ ประหนึ่งว่าพระนาคเสนเป็นผีบุญสำนักหนึ่งที่กษัตริย์ต้องมาปราบ ในฐานะที่ไม่ขึ้นตรงต่อกษัตริย์หรือมีแนวทางต่อ “ศรัทธา” ถึงไม่มีพฤติกรรมจะกระด้างกระเดื่องต่อการปกครอง แต่มีผลเป็นศูนย์รวมศรัทธาของศาสนิก ผลของการประยุทธ์กันด้วยธรรม ด้วยปรัชญา ด้วยแนวคิดการยอมรับกันและกันก็เกิดขึ้น พระราชายอมรับสถานะของพระภิกษุสงฆ์ผู้สมาทานต่อแนวทางแห่งสันติ จึงทำให้กษัตริย์ผู้ปกครองไม่มองว่าภัยคุกคามต่อสถานะของผู้ปกครอง พร้องทั้งสนับสนุนให้อีกด้วยในที่สุด
หากนำแนวคิดของความสันติดังกล่าวมาประยุกต์ในบริบทของสังคมจะทำให้เห็นว่าผู้ปกครองที่เข้าใจธรรม ก็จะเป็นผู้ปกครองที่มีทศพิธราชธรรม และก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดในฐานะพระราชาผู้ทรงธรรม ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันด้วยเหตุผลในการยอมรับกันและกัน พร้อมทั้งจะทำให้ เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ไม่ต้องแสวงหาพฤติกรรมที่เรียกว่าสมานฉันท์ หรือแสวงหาพฤติกรรมที่จะเป็นประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น
เพราะเราในฐานะเป็นชาวพุทธ ชาวไทยไม่ได้แสวงหาความเข้าใจพฤติการณ์เชิงสังคมอย่างที่ควรจะเป็นจึงได้แต่แสวงหาพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับหลักแห่งความเป็นสากล
มาอ่านธรรม ก่อนนอนค่ะ
ผู้ปกครองที่เข้าใจธรรม ก็จะเป็นผู้ปกครองที่มีทศพิธราชธรรม
ฝันดีนะคะ ขอบคุณค่ะ
รักในธรรมะ สุข สงบ งาม
รักในกฎหมาย ยุติธรรม ค้ำจุนโลกา :)
"""
สุขสันต์วันแห่ง รัก รอบจักรวาลค่ะ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านธรรมะ ไว้พิจารณาตนค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)