เตรียมบวชให้แม่
“จะบวชวัดไหน จะบวชเมื่อไหร่” เป็นคำถามที่ผมได้รับจากทุกคนที่รู้ว่าผมจะบวช ในตอนแรกผมก็ยังงงๆ อยู่ เพราะไม่รู้อะไรเลยเรื่องการบวช กำหนดเวลาที่บอกแม่ไว้ในตอนแรกนั้นเป็นเดือนธันวาคม เพราะเป็นเดือนที่ผมคาดว่าพอจะลางานได้สะดวกที่สุด ประกอบกับมีวันหยุดหลายวันช่วงปลายปีจะได้ไม่ต้องลางานมาก ส่วนวัดในตอนแรกผมก็คิดว่าจะเป็นวัดใกล้บ้านที่ได้ไปถวายสังฆทาน เหตุผลอีกส่วนหนึ่งก็เพราะผมเห็นแม่บนสวรรค์ที่นั่น
แต่เมื่อพี่สาวผมได้สอบถามเพื่อนฝูงหลายคนก็ได้รับคำแนะนำว่า วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ซึ่งก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากบ้านผม มีการจัดการเรื่องการบวชเรียนให้พระใหม่ค่อนข้างดี ผมจึงเบนเข็มมาบวชที่วัดพระราม ๙ นี้ เพราะเคยทราบจากเพื่อนฝูงที่เคยบวชว่าบางวัดนั้น พระใหม่ไม่ได้ทำอะไร นอกจากจำวัดหรือนอนกลางวัน ดึกๆ ก็นอนดูทีวีในกุฎิ หากเลือกวัดไม่ดี วันเวลาที่อุตส่าห์บวชเรียนก็ต้องเสียเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย ผมจึงค่อนข้างกังวลในเรื่องนี้พอสมควร
จะด้วยเหตุบังเอิญหรือโชคชะตานำพาก็ตามแต่ วันที่ผมไปติดต่อที่วัดพระราม ๙ ตอนต้นเดือนพฤศจิกายน ก็พอดีเป็นวันที่มีพิธีอุปสมบทพระใหม่ในช่วงบ่าย พระที่รับเรื่องการขออุปสมบท (ซึ่งมาทราบชื่อท่านภายหลังว่า หลวงพี่ริน) ให้ผมกรอกในใบสมัคร พร้อมกับสอบถามว่าจะบวชเมื่อไหร่ ผมตอบท่านว่าขอบวชปลายเดือนธันวาคมได้หรือไม่ หลวงพี่รินบอกว่าไม่ได้ เพราะทางวัดมีกำหนดวันบวชให้พระใหม่บวชเป็นหมู่คณะพร้อมกันในแต่ละเดือน ซึ่งเดือนธันวาคมนั้นจะเป็นช่วงต้นเดือนและมีผู้ประสงค์จะขอบวชจำนวนมาก มีบางรูปต้องการบวชถวายให้ในหลวงด้วย ส่วนเดือนมกราคม ยังไม่ทราบกำหนดวัน ต้องรอพระอาจารย์กำหนดอีกครั้งหนึ่ง
ขณะนั้นในใจผมยังสับสนว่าจะบวชเดือนธันวาคมตามกำหนดเดิมที่ลั่นวาจาไว้กับแม่ดี หรือจะขยับไปเป็นเดือนมกราคม เพราะช่วงต้นเดือนธันวาคมนั้น การงานน่าจะยังไม่เรียบร้อยนัก และยังมีธุระเกี่ยวกับลูกที่ผมไม่อยากละทิ้งในหน้าที่ของพ่ออีก ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าขยับไปบวชเดือนมกราคม จะว่าเสี่ยงก็เสี่ยง เพราะยังไม่ทราบว่าเป็นวันใดด้วย (ซึ่งในภายหลังผมพบว่าตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว)
ผมสอบถามหลวงพี่รินว่าต้องเตรียมตัวเตรียมของอะไรบ้าง คำตอบที่น่าประหลาดใจจากหลวงพี่รินคือ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ตั้งใจท่องบทขอบรรพชาอุปสมบทให้ได้เท่านั้น พร้อมกับให้กระดาษหนึ่งแผ่นที่มีบทสวดเต็มทั้งสองหน้ากับแผ่นซีดีหนึ่งแผ่นมาฟังประกอบ หลวงพี่รินเน้นว่าพยายามท่องให้ได้ตามเสียงและสำเนียงการอ่านในแผ่นซีดี เพราะมีหลายคำที่ไม่อ่านเหมือนเสียงปกติ
ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น...ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง...กลับบ้าน ผมจัดการแปลงไฟล์เสียงจากแผ่นซีดีเข้าเครื่อง mp4 เปิดฟังช่วงเดินทางนั่งรถไฟฟ้า BTS เช้าและเย็น ไปและกลับจากบ้านกับที่ทำงาน คำอ่านนั้นเป็นภาษาบาลี ไม่มีความหมายที่เราจะผูกพันเชื่อมโยง อาศัยการหมั่นเพียรขยันท่อง เมื่อมานึกย้อนหลัง ผมคิดว่าการฟังจากแผ่นซีดีนั้นช่วยให้ท่องจำได้เร็วขึ้นมาก ประกอบกับความตั้งใจขยันท่อง แม้แต่ตอนเดินไปกินข้าวตอนพักกลางวัน ผมก็ท่องไปด้วยในใจหรือออกเสียงเบาๆ หรือบางวันที่ต้องขับรถยนต์ ผมก็ท่องออกเสียงดังๆ ในรถ เพราะไม่รบกวนใครแน่ ตกดึกก่อนนอนหรือเช้าวันหยุดก็มาท่องออกเสียงหน้าโต๊ะพระบูชาที่บ้านอีกรอบ จนกระทั่งคิดว่าขึ้นใจดี ผมก็รู้สึกว่าพร้อมไปซ้อมกับพระท่านที่วัด
ราวปลายเดือนพฤศจิกายน ผมไปซ้อมท่องบทขออุปสมบทครั้งแรก ไม่พบหลวงพี่ริน แต่พบพระอาจารย์บุญยืน ได้รับคำชี้แนะเรื่องการออกเสียงผิดพลาดไปหลายจุดหลายที่ ส่วนการจดจำบทนั้น มีพลาดเล็กน้อย ผมรับข้อติติงด้วยใจห่อเหี่ยว เพราะรู้สึกว่าหมั่นท่องมามาก แต่ยังพลาดอีก ปลอบใจตัวเองว่าอาจด้วยตื่นเต้นพอสมควรกับการมาซ้อมครั้งแรก แต่ที่เป็นกังวลคือถึงวันนี้แล้วก็ยังไม่ทราบว่าวันบวชเป็นวันไหน
ขอคั่นจังหวะตรงนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนว่า วัดพระราม ๙ เป็นวัดธรรมยุติ บทสวดขอบรรพชาอุปสมบท แม้จะเป็นคำบาลี แต่ให้ออกเสียงตามภาษามคธแบบดั้งเดิม คำที่หลายคนอาจคุ้นเคยเวลาสวดมนต์ เช่น ภะคะวะโต ตัว ค จะเปลี่ยนออกเสียงเป็น ก (ถ้าจะให้ถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซนต์เลยต้องออกควบ กง มีเสียง งะ ติดมาด้วย) คือเป็น ภ๊ะ-ก๊ะ-วะ-โต หรือ สะระณัง คัจฉามิ ก็ออกเป็น สะระณัง กั๊จฉ้ามิ อีกตัวหนึ่งคือ พ ออกเป็น บ เช่นปกติเราออกเสียง พุทธัง ก็ต้องเปลี่ยนเป็น บุ้ดธัง เป็นต้น
ตัวที่ออกเสียงยากที่ผมทำไม่ได้ในการซ้อมครั้งแรกคือ จ๊ะ ต้องออกเสียงเป็น จย คือควบ จะยะ แบบรัวเร็วๆ รู้สึกว่าตัวเองลิ้นแข็ง ออกเป็นเสียง จ อย่างเดียว ต้องฝึกอยู่หลายวันทีเดียวกว่าจะได้ แต่ที่ยากสุดคือ คำว่า “เวระมะณี” ในบทอาราธนาศีล (เช่น ปาณาติปาตา เวรมณี) ในบทขออุปสมบทนี้จะไม่ออกเสียงท้ายว่า นี แต่ต้องออกเป็น “เว-ระ-มะ-นาย-นี” หรือคล้ายๆ กับ “นาย-อี” โดยตรง “นาย” ให้ลากเสียงยาวๆ แล้วค่อยขึ้นเสียงเป็น “นี” ตรงนี้ก็ฝึกอยู่หลายครั้งทีเดียวกว่าจะแม่น เพราะเราจะหลุดเสียงเป็น “นี” อย่างที่คุ้นเคยกันมา
อีกสองอาทิตย์ถัดมา ผมมาซ้อมท่องบทอุปสมบทครั้งที่ ๒ แม้จะเตรียมตัวมาอย่างดี ก็มามีที่ผิดในเรื่องเสียงสูงต่ำหลายจุด ครั้งนี้หลวงพี่รินช่วยชี้แนะจนผมเข้าใจว่าที่ผิดนั้นเพราะอะไร จึงนำกลับมาแก้ไขได้ถูกต้อง การมาซ้อมครั้งที่ ๒ นี้ได้ทราบวันบวชชัดเจนแล้วว่าเป็นวันที่ ๔ มกราคม มีผู้ขอบวช ๙ รูป ที่สำคัญยังได้รับคำชมจากหลวงพี่รินว่าท่องได้เยี่ยมแล้ว ไม่ต้องมาซ้อมอีก ให้มาวันซ้อมใหญ่ในเวลา ๖ โมงเย็นวันที่ ๒ มกราคมได้เลย (ปกติวันซ้อมใหญ่จะกำหนดไว้ก่อนวันบวช ๓ วัน แต่เนื่องจากกรณีของผมนั้นเป็นคืนวันที่ ๑ มกราคม ทางวัดจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ ๒ ให้)
ผมออกจากวัดด้วยหัวใจพองโต คิดว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ ขวางกั้นผมกับวัดแล้ว
สาธุ อนุโมทนาค่ะ
ชอบสวดแบบมนต์แบบ ธรรมยุติและชอบฟังพระท่านสวดแบบธรรมยุติเช่นกันค่ะ
หน่อยกับหนืด ( จืดสนิท ) มาขออนุโมทนา ด้วยค่า
รวมอนุโมทนาด้วยครับ