หน้า ๑
นิราศช่องสามหมอ
มองน้ำใสไหลเย็นเป็นซัดสาด
ระหว่างช่องภูขาดซัดสาดไหล
ให้หมู่คนหมู่มิตร เดินทางไกล
อาบน้ำไหล อาบน้ำเย็น เห็นหมู่ปลา
คุณปู่ด้วงย่าดี คนกราบไหว้
คนหลั่งไหล หลั่งมา กราบย่า
กราบปู่ด้วง ทุก พุธ ยามจากลา
ไป เสาะแสวงหาความมั่งมีมาสร้างตน
กลิ่นสุคนธ์กลิ่นธูปเทียนหอม
กลิ่นลั่นทม กลิ่นจำปีทั่วห้องหน
ยามเช้า เช้า บานเบิกหน้า หล้าแห่งคน
ไม่สับสนจะจากไปหาเงินทอง
หน้า ๒
ร้านส้มตำเรียงรายทั้งไก่ย่าง
ยลน้องนางส้มตำ มีเจ้าของ
นางวางจัดส้มตำวางเคียงครอง
คู่นวลน้องวางจัดผักบุ้งนา
วางวานว่าเอาอะไรอีกครูขา
ครูพณาใจสั่นพาหวั่นไหว
จากไปแล้วหายลับว่าจะไป
ถามครูว่าครูอยู่ไหนไม่มาเลย
หูได้ยินยลบอกเธอยิ้มให้
โรยกลิ่นไอส้มตำทำเมินเฉย
คิดว่าเงินยี่สิบบาทไม่ขาดเลย
รวมน้ำเอย รวมหม่ำ ซ้ำ ขย้ำมือ
หน้า ๓
ก่อนจากไปคราไครใคร่บอก
ว่าคิดถึงเจ้าดอกจึงยึดถือ
ขนบธรรมเนียมลาไกลใครฤๅ
ครูคนสุดท้ายยึดถือ เปรียบบ้านตน
เป็นบุญกรรมผลกรรมซ้ำสอง
ข้างสองฟากทางแสงส่องสว่างไสว
เดินหนังสือส่งสองข้างฝั่งไป
เห็นมาลัยพวงร้อย รอยยิ้มยวล
มองรถเข็น เธอร้องขายไข่ปิ้ง
ไข่เขย่า ไข่ขาวย่าง หอมหวาน
ยี่สิบบาทสามลูกเป็นจัดจาน
ยิ้มเย้าหวานมา อีกนะท่านพี่ชาย
อิ่มแล้วนั่งฝั่งชมฟากฝั่งขวา
เรียงรายมาเป็นหน่อไม้อีลอกหลาย
พร้อมย่านางเครื่องปรุงจัดเรียงราย
คนทั้งหลายต่างเยื่องย้ายซื้อชม
หน้า ๔
เป็นตลาดสามแยกทางสามแพร่ง
ยามค่ำแลงยามใดก็สุขสม
ทั้งของซื้อของขายน่าภิรมย์
จะเลือกซื้อเพื่อชื่นชมก็ยังมี
กระบุงกระมองใบตองซาด
กระจัดกระจาดของใช้เพื่อเป็นศรี
ยามจัดบ้านอีสานแท้ยังคงมี
ให้เป็นศรีเรือนเจ้าใคร่คู่ครอง
มองแผ่นป้ายโฆษณาให้ชวนเชื่อ
หม่ำรสเลิศเหลือเชื่อน้ำลายไหล
ส่วนผสมตับย่างม้ามย่างไฟ
กระเทียมไทย พริกไทยโทนรสดี
ผสมเนื้อวิตามินและแร่ธาตุ
คุณค่าอาหารหลักครบถ้วนถี่
ควรปิ้งย่างรูปรสอาหารดี
บำรุงที่ร่างกายจิตใจงาม
หน้า ๕
อันคำเล่าโบราณกาลก่อน
จะเดินป่าพาจรต้องมีหลาม
ต้องเตรียมเนื้อยัดใส่ปล้องไผ่งาม
เกลือลงซ้ำกระเทียมไร่ใส่ดีปรี
ยามผัวจะจากบ้านไปไกลจิต
ให้หวนคิดนวลนางสงวนศรี
รีบจัดให้หลามนั้นควรมี
ยามตัวพี่จากไปไกลตา
ยามเดินย่างกลางป่าพรรณนาไม้
อยู่กลางไพรใคร่ได้เนื้อเป็นหนักหนา
หวังเพื่อเจ้าอยู่บ้านกับลูกยา
ได้อิ่มหมีปรีดาพาสุขนัก
ภูแลนคาทอดยาวเห็นทิวไม้
มีประวัติว่าไว้ให้ตระหนัก
ให้คนรู้เป็นตำนานมานานนัก
คนประจักษ์ว่ารู้เป็นนิทาน
หน้า ๖
หมาบักทอกแปดศอกไม้ลืมตา
เดินตามหามารดาไม่เรียกขาน
เดินเลาะเลียบเชิงผามาช้านาน
หิวก็หิวทรมานสงสารตน
ตีนสัมผัสเพิงผาพอไปได้
เท้าปีนป่ายหินโพรงด้วยกุศล
เทพอารักษ์สงสารหมาหน้ามน
อยู่กับเท้าสี่ตนเป็นกำลัง
พลังเทพเหยียบยันพังทลาย
เป็นช่องหมายรอยเยียบไว้เบื้องหลัง
ให้คนรู้เล่าขานเป็นจีรัง
เรียกช่องสามหมอดั่งฟังนิทาน
แม้นคำร้อยคำเรียกเพียงเพรียกหา
เป็นตำราบทเขียนเพียรเล่าขาน
เป็นบทรู้บทภูมิปัญญาทาน
สืบตำนานภูแลนคาให้หล้ารู้
หน้า ๗
คิดถึงวันก่อนเก่ามีเจ้าอยู่
ได้เคียงคู่อยู่ป่าพณาสวรรค์
ปลูกมะเขือปลูกพริก ปลูกเผือกมัน
เก็บฟืนบั่นเป็นท่อนก่อนกล่อมนอน
อยู่กับลูกพักเพิงผาท้าชีวิต
ค่ำคืนคิดเสียงนกแสกมาหลอกหลอน
เสียงนกเค้าฮูกฮูกกอดลูกนอน
เมียขวัญอ่อนคุดคู้กับลูกยา
จักจั่นเรไรพร่ำร้องเรียก
ใจก็พรั่นเพลงเพรียกเรียกหา
รีบปลุกน้องกลอยใจให้ตื่นมา
ดูดนมแม่จ๊ะจ๋าจะสายแล้ว
แม่ขายผักของป่าทั้งหนอไม้
กระเจียวไพรผักหวานเพื่อลูกแก้ว
ทั้งเห็ดหอมกลางป่ามัดมันแกว
เธอคือแก้วกลางดงพงไพร
หน้า ๘
เดินหนังสือพิมพ์ส่งวันส่งสาร
เพื่อได้อ่านแขกมาพาสงสัย
ก่อนหิวข้าวได้อ่านสบายใจ
เงินทองได้ซื้อนมเลี้ยงลูกมา
จนบัดนี้อยู่ดีมีความสุข
ทั้งลาภยศสรรเสริญสุขก็มาหา
ได้เป็นครูข้างดอยภูแลนคา
ใจพรรณนาอยู่ภูผาตลอดวัน
แม้นเป็นสุขกายใจนั้นก็ใช่
ใครหนอใครก็เข้าใจในคำหวาน
วันวิสุทธ์ บริสุทธิ์ ตลอดกาล
แต่ดวงมาลย์แทบสลายมลายลง
ยามจากไกลใครเล่าเฝ้าสงสาร
ไม่เบิกบานแต่ศิษย์ครูเสริมส่ง
มองโรงเรียนช่องสามหมออ่อนล้าลง
เคยอยู่คงว่าจะเป็นครูบ้านไพร
หน้า ๙
ด้วยหัวใจเปี่ยมล้นด้วยคุณค่า
บาทบาทาทรงเสริมส่งให้สดใส
โรงเรียนกลับเลิกล้มทนสลดหดหู่ใจ
เหตุไฉนใครลิขิตชีวิตเรา
เคยเห็นหมู่กระรอกวิ่งหยอกเย้า
กระแตเจี๊ยกใต้ร่มเงายามแสดเผา
จับคู้ร้องเรียกขานประจานเรา
ไม่มีคู่เคลียเคล้าก็เศร้าตรม
หมู่วิหคบินมาถลาเล่น
โพระดกเหลืองอ่อนดูคู่เหมาะสม
น่าอิจฉาจับคู่ชู้ชื่นชม
คลายเศร้าตรมอยากเป็นนกวิหคลอย
ยามย่างเดินย่างเหยียบพงหนาม
ระยะยามเช้าผักหวานมือน้อยสอย
เด็ดเก็บยอดเพลินเดินเล่นเพื่อคนคอย
เพื่อลูกน้อยได้ดื่มนมแทนแม่เรา
หน้า ๑๐
หมู่ใบตองเหลืองอ่อนระยิบระยับ
ว่าจะพับใบตองยามขลาดเขลา
เมื่อยามจนคุ้มราคาคุณค่าเรา
ว่าขลาดเขลาเพราะไม่กลัวว่าอับจน
สักวันหนึ่ง คนดีศรีของแม่
คอยเหลียวแลคอยอุ้มอ้อมยามสับสน
แม้จะทุกข์ก็จะสู้ครูของคน
ไม่มีจนเพราะมีแม่กำลังใจ
ขอพักแรมผ่อนกายไว้ตรงนี้
จะชั่วดีเจ็ดยามหายสงสัย
เพลินความชอบความดีตลอดไป
จิตสดใสไม่เศร้าตรมชมดอกไม้
ว่าชีวิตดั่งสายน้ำไหล
ชมพฤกษ์ก็จะสมภิรมย์หมาย
ชมภูเขาว่า ผาแดงยามแลงกลาย
แดงสดใสสะท้อนแสงเต็งรังยิ้ม
หน้า ๑๑
ท้าวผาแดงนางไอ่ใครใคร่รู้
คู่คุดคู้ อ่อนล้าแก้มพิมพ์พริ้ม
คู่สุขสมเพียรยามยากโอ้แม่พิมพ์
ขอรอยยิ้มแก้มน้องนางอยู่กลางไพร
เสียงนกแต่ดแต้แต้ต้อยต้อยตีวิด
บรรเจิดบิดกายกล้าถลาไถล
ลงสู่ดินเหินฟ้าว่ากลับกลาย
ยืนชูคู่ขาเดียวดายอยู่บนดิน
ไม่จับไม้โบยบินไม่เคยหลับ
แต๊ดแต้หลับคล้ายอยู่คู่สมถวิล
คล้ายล่อหลอกบินเป็นเงาพรึบพรึบบิน
เหมือนอยู่คู่ห่วงถิ่นถวิลนาง
นกอีจู้ว่าจู้ชู้ชูชื่น
ยามค่ำคืนหลับสนิทคล้ายคลายเงา
ยามแดดส่องแสงแดดแผดร่มเงา
อีจู้เคร้าเฝ้าเรียกจู้ชู้ชี้ชม
หน้า ๑๒
นกขมิ้นเหลืองอ่อนแรงอ่อนหล้า
อยากจะว่าเพียรหาคู่พอสุขสม
ต้องขาดคู่ไม่อยู่อย่างภิรมย์
ยามค่ำตรมนอนเดียวดายขาดรังนอน
นกกระปูดตาแดงร้องปูดขัน
เร่งพนันแย่งคู่พอสู่สม
อารมณ์ได้หมายชู้ชี้คู่ชม
แผ่ภิรมย์แตกลูกหลานประจานใคร
ดูดุเหว่าฟังเสียงวอนร้องเรียก
เป็นเสียงเพรียกขับขานเป็นไฉน
บอกไม่ถูกบอกไม่ได้อยู่กับใคร
คอยลอบไข่วางไว้ใครเล่าฟัก
เจ้านกเขาใหญ่ชวาเบิกบานยิ่ง
พรึบพรึบบินครองคู่อยู่เป็นหลัก
คู่ไม้ใหญ่คู่ประดู่เพียงคู่รัก
เยาะหยอกรักทักเล่นเป็นวิวาห์
หน้า ๑๓
ชวาแดงแลงเย็นบินเป็นฝูง
ระยางยูงถลาเล่นฉวัดเฉวียน
ฝูงคู่อยู่คู่เย้าทุกเช้าเวียน
ชมเพลินเรียนวิหคอยู่คู่ภูงาม
ภูผาแดงแลนคาเป็นหว่างช่อง
ภูขาดปล่องช่องฝางเป็นเขตขาม
อุทยานแห่งฟ้าภูแสนงาม
ท่องลำนำชมเถื่อนถ้ำสุขยิ่งเอย
ครูบ้านไพร
(นายประยุทธ เม็นไธสง)
ครูอันดับ คศ. 2 ชำนาญการ
โรงเรียนบ้านหนองแวง
28/06/2548
หน้า ๑
นิราศหนองพีพ่วน
หนองพีพ่วนถิ่นนี้มีมนต์ขลัง
ป่าเต็งรังลมหวนชวนใจหาย
หืนหอบหับสิ้นสลายมลายไป
ด้วยกลิ่นไอแดนดงพงพรรณนา
บ้านเคยอยู่เคยนอนเอาะอ้อนนัก
คิดถึงรักอยู่บ้านดวงบุหงา
โอ้ดวงดอกเต็งรังได้ผ่านมา
ดวงหยี่หวาหมู่ชวนชมลั่นทมงาม
ถึงยามนี้ยามนั้นกาลครั้งหนึ่ง
คะนึงคิดวันผ่านมาพาสวนสนาม
ลูกเสือน้อยเนตรนารีเยือนถิ่นงาม
ลงสวนสนามที่นี้แปดปีแล้ว
มาวันนี้ต่างตามาให้เห็น
พายุเย็นไอแดดไม่แผดแผ้ว
หมู่ยูงแว่วแผดเสียงสำเนียงใส
ยูงลำแพนกรีดหางระหว่างไพร
ใครหนอใครส่งสำเนียงเคียงคู่เธอ
จะลาร้างแรมไกลคู่ไพรพฤกษ์
ใจให้นึกอาจารย์สองต้องเสนอ
ผลงานนี้ปวดหัวแล้วนะเออ
จึงเสนอผลงานอาจารย์งาม
(ประเมิน...)
หน้า ๒
ประเมินผลภายนอกภายในใยไม่รู้
ขนลุกซู่จะมาตรวจ “มือที่สาม”
ไม่เคยเห็นหน้าตามาเป็นยาม
คุณทำตามมาตรฐานนั้นอย่างไร
ไม่มีใครบอกได้ฉายให้เห็น
อยู่หรือเป็นทำงานแบบไหนไหน
ดูผลงานดารดาษครูพงไพร
หนองพีพ่วนโรยใจใฝ่ให้นำ
อยู่หรือเป็นงานนี้ต้องมีแน่
ต้องครวจแน่ใจคิดอย่าถลำ
นำตามเพียร ตามรู้ คู่ผู้นำ
ท่านอาจารย์ชาญวิทย์ย้าต้องทำไป
เราเปลวเทียนต้านลมลอยลู่
ความเป็นครูไม่สมเสื่อมสลาย
หยิ่งในเกียรติศักดิ์ค่าควรคู่ครูไทย
ขอหทัยดวงใจน้องครูครองธรรม
ได้บทเรียนเขียนอ่านสะอ้านจิต
ใยต้องคิดถึงบทบาทมือที่สาม
ใจจะสู้ชูเด็กน้อยให้คล้อยตตาม
คู่ป่างามฉาบไออุ่น กรุ่นดวงใจฯ
อ.หนุ่ย,ครูบ้านไพร,นามไพร
ผู้ประพันธ์
11/06/2546
หน้า ๓
สภาพเดิมดินแดนถิ่นนี้ เป็นป่าดงดิบ ป่าดิบแล้ง ป่าไม้เบญจพรรณ มีไม้จำพวก มะค่าโมง ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน ไม้ยาง ไม้ยางแดง ไม้แดง ไม้พลวง ไม้ซาด เป็นต้น และพวกสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้าง เสือโคร่ง เสือดาว เสือดำ หมูป่า กวาง เลียงผา สัตว์เล็กสัตว์ใหญ่นกนานาพันธุ์ ลิง ค่าง บ่าง ชะนี เมื่อมีการให้สมปะทานป่าไม้คงเหลือแต่ป่าหญ้าและผืนดินที่แห้งผาก
สภาพปัจจุบัน
ได้มีการสร้างเขื่อน ชื่อเขื่อนลำประทาวไหลลงน้าตกตาดโตน โดยวิธีผันน้ำ มีการสร้างโรงงานพลังไฟฟ้า ปล่อยน้ำไหลไหลลงสู่แถบหมู่บ้านนาแก นาหนองทุ่ม ยังความอดมสมบูรณืให้ผืนนาแถบนี้ ดงท่ามะไฟหวานเดิม ที่กล่าวข้างต้น มีแต่ผืนหญ้า และพื้นดินที่เสื่อมสภาพ ก็ยังดีมีแหล่งน้ำเขื่อนลำประทาว ประทังชีวิต ชาวตำบลท่ามะไฟหวานปัจจุบัน
อ.หนุ่ย,ครูบ้านไพร,นามไพร
ผู้อธิบาย
11/06/2546
ความนำ
นิราศช่องสามหมอ นี้ ผู้แต่งได้แต่งขึ้นเองจากชีวิตจริง
การบอกเล่า การสังเกต เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นคุณค่าของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมของทางสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น แก่งค้อ คอนสวรรค์ (นครกาหลง) ซึ่งเป็นวิถีชีวิต นิราศช่องสามหมอนี้ ผู้แต่งหวังว่าเป็นสื่อการเรียนรู้เชิงบูรณาการได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ อาจารย์ขวัญไทย แสนเรียน อาจารย์เนาวรัตน์ พงไพบูลย์ บุคคลชาวแก่งค้อ ชาวช่องสามหมอ ชาวคอนสวรรค์ ชาวชัยภูมิ คณะครูโรงเรียนบ้านหนองแวง
นักเรียน ประชาชน ชาวหนองแวง ไว้อย่างสูงยิ่ง จึงขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้
ครูประยุทธ เม็นไธสง(ผู้ประพันธ์)
ครูบ้านไพร
28/06/2548
ความนำ
ทุ่งแลนคา เป็นเขตคาม อำเภอแก้งคร้อ (แก่งค้อ) ภูเขียว เกษตรสมบูรณ์ คอนสาร บ้านแท่น มีเทือกเขาแลนคาล้อมรอบ ประกอบกับ แนวเขาภูผาแดง อยู่ทางทิศตะวันออก ภูแลนคาแนวยาวจากตะวันตกมาทางทิศตะวันออกจะประจบกับภูผาแดง แต่เป็นช่องเขาขาดเรียกว่า “ช่องสามหมอ”
บทกลอนนี้ข้าพเจ้าแต่งขึ้นเองไม่ได้คัดลอกใครอื่นแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมทางภาษา ถ้าทุกคนสามารถสื่อภาษาด้วยคำ “หวาน” โดยวิธีใดก็ตาม สังคมนั้นๆจะอยู่อย่างเป็นสุขยิ่งตลอดกาล
นายประยุทธ เม็นไธสง
ครูบ้านไพร
05/07/2548
หน้า ๑
นิราศช่องสามหมอ
มองน้ำใสไหลเย็นเป็นซัดสาด
ระหว่างช่องภูขาดซัดสาดไหล
ให้หมู่คนหมู่มิตร เดินทางไกล
อาบน้ำไหล อาบน้ำเย็น เห็นหมู่ปลา
คุณปู่ด้วงย่าดี คนกราบไหว้
คนหลั่งไหล หลั่งมา กราบย่า
กราบปู่ด้วง ทุก พุธ ยามจากลา
ไป เสาะแสวงหาความมั่งมีมาสร้างตน
กลิ่นสุคนธ์กลิ่นธูปเทียนหอม
กลิ่นลั่นทม กลิ่นจำปีทั่วห้องหน
ยามเช้า เช้า บานเบิกหน้า หล้าแห่งคน
ไม่สับสนจะจากไปหาเงินทอง
หน้า ๒
ร้านส้มตำเรียงรายทั้งไก่ย่าง
ยลน้องนางส้มตำ มีเจ้าของ
นางวางจัดส้มตำวางเคียงครอง
คู่นวลน้องวางจัดผักบุ้งนา
วางวานว่าเอาอะไรอีกครูขา
ครูพณาใจสั่นพาหวั่นไหว
จากไปแล้วหายลับว่าจะไป
ถามครูว่าครูอยู่ไหนไม่มาเลย
หูได้ยินยลบอกเธอยิ้มให้
โรยกลิ่นไอส้มตำทำเมินเฉย
คิดว่าเงินยี่สิบบาทไม่ขาดเลย
รวมน้ำเอย รวมหม่ำ ซ้ำ ขย้ำมือ
หน้า ๓
ก่อนจากไปคราไครใคร่บอก
ว่าคิดถึงเจ้าดอกจึงยึดถือ
ขนบธรรมเนียมลาไกลใครฤๅ
ครูคนสุดท้ายยึดถือ เปรียบบ้านตน
เป็นบุญกรรมผลกรรมซ้ำสอง
ข้างสองฟากทางแสงส่องสว่างไสว
เดินหนังสือส่งสองข้างฝั่งไป
เห็นมาลัยพวงร้อย รอยยิ้มยวล
มองรถเข็น เธอร้องขายไข่ปิ้ง
ไข่เขย่า ไข่ขาวย่าง หอมหวาน
ยี่สิบบาทสามลูกเป็นจัดจาน
ยิ้มเย้าหวานมา อีกนะท่านพี่ชาย
อิ่มแล้วนั่งฝั่งชมฟากฝั่งขวา
เรียงรายมาเป็นหน่อไม้อีลอกหลาย
พร้อมย่านางเครื่องปรุงจัดเรียงราย
คนทั้งหลายต่างเยื่องย้ายซื้อชม
หน้า ๔
เป็นตลาดสามแยกทางสามแพร่ง
ยามค่ำแลงยามใดก็สุขสม
ทั้งของซื้อของขายน่าภิรมย์
จะเลือกซื้อเพื่อชื่นชมก็ยังมี
กระบุงกระมองใบตองซาด
กระจัดกระจาดของใช้เพื่อเป็นศรี
ยามจัดบ้านอีสานแท้ยังคงมี
ให้เป็นศรีเรือนเจ้าใคร่คู่ครอง
มองแผ่นป้ายโฆษณาให้ชวนเชื่อ
หม่ำรสเลิศเหลือเชื่อน้ำลายไหล
ส่วนผสมตับย่างม้ามย่างไฟ
กระเทียมไทย พริกไทยโทนรสดี
ผสมเนื้อวิตามินและแร่ธาตุ
คุณค่าอาหารหลักครบถ้วนถี่
ควรปิ้งย่างรูปรสอาหารดี
บำรุงที่ร่างกายจิตใจงาม
หน้า ๕
อันคำเล่าโบราณกาลก่อน
จะเดินป่าพาจรต้องมีหลาม
ต้องเตรียมเนื้อยัดใส่ปล้องไผ่งาม
เกลือลงซ้ำกระเทียมไร่ใส่ดีปรี
ยามผัวจะจากบ้านไปไกลจิต
ให้หวนคิดนวลนางสงวนศรี
รีบจัดให้หลามนั้นควรมี
ยามตัวพี่จากไปไกลตา
ยามเดินย่างกลางป่าพรรณนาไม้
อยู่กลางไพรใคร่ได้เนื้อเป็นหนักหนา
หวังเพื่อเจ้าอยู่บ้านกับลูกยา
ได้อิ่มหมีปรีดาพาสุขนัก
ภูแลนคาทอดยาวเห็นทิวไม้
มีประวัติว่าไว้ให้ตระหนัก
ให้คนรู้เป็นตำนานมานานนัก
คนประจักษ์ว่ารู้เป็นนิทาน
หน้า ๖
หมาบักทอกแปดศอกไม้ลืมตา
เดินตามหามารดาไม่เรียกขาน
เดินเลาะเลียบเชิงผามาช้านาน
หิวก็หิวทรมานสงสารตน
ตีนสัมผัสเพิงผาพอไปได้
เท้าปีนป่ายหินโพรงด้วยกุศล
เทพอารักษ์สงสารหมาหน้ามน
อยู่กับเท้าสี่ตนเป็นกำลัง
พลังเทพเหยียบยันพังทลาย
เป็นช่องหมายรอยเยียบไว้เบื้องหลัง
ให้คนรู้เล่าขานเป็นจีรัง
เรียกช่องสามหมอดั่งฟังนิทาน
แม้นคำร้อยคำเรียกเพียงเพรียกหา
เป็นตำราบทเขียนเพียรเล่าขาน
เป็นบทรู้บทภูมิปัญญาทาน
สืบตำนานภูแลนคาให้หล้ารู้
หน้า ๗
คิดถึงวันก่อนเก่ามีเจ้าอยู่
ได้เคียงคู่อยู่ป่าพณาสวรรค์
ปลูกมะเขือปลูกพริก ปลูกเผือกมัน
เก็บฟืนบั่นเป็นท่อนก่อนกล่อมนอน
อยู่กับลูกพักเพิงผาท้าชีวิต
ค่ำคืนคิดเสียงนกแสกมาหลอกหลอน
เสียงนกเค้าฮูกฮูกกอดลูกนอน
เมียขวัญอ่อนคุดคู้กับลูกยา
จักจั่นเรไรพร่ำร้องเรียก
ใจก็พรั่นเพลงเพรียกเรียกหา
รีบปลุกน้องกลอยใจให้ตื่นมา
ดูดนมแม่จ๊ะจ๋าจะสายแล้ว
แม่ขายผักของป่าทั้งหนอไม้
กระเจียวไพรผักหวานเพื่อลูกแก้ว
ทั้งเห็ดหอมกลางป่ามัดมันแกว
เธอคือแก้วกลางดงพงไพร
หน้า ๘
เดินหนังสือพิมพ์ส่งวันส่งสาร
เพื่อได้อ่านแขกมาพาสงสัย
ก่อนหิวข้าวได้อ่านสบายใจ
เงินทองได้ซื้อนมเลี้ยงลูกมา
จนบัดนี้อยู่ดีมีความสุข
ทั้งลาภยศสรรเสริญสุขก็มาหา
ได้เป็นครูข้างดอยภูแลนคา
ใจพรรณนาอยู่ภูผาตลอดวัน
แม้นเป็นสุขกายใจนั้นก็ใช่
ใครหนอใครก็เข้าใจในคำหวาน
วันวิสุทธ์ บริสุทธิ์ ตลอดกาล
แต่ดวงมาลย์แทบสลายมลายลง
ยามจากไกลใครเล่าเฝ้าสงสาร
ไม่เบิกบานแต่ศิษย์ครูเสริมส่ง
มองโรงเรียนช่องสามหมออ่อนล้าลง
เคยอยู่คงว่าจะเป็นครูบ้านไพร
หน้า ๙
ด้วยหัวใจเปี่ยมล้นด้วยคุณค่า
บาทบาทาทรงเสริมส่งให้สดใส
โรงเรียนกลับเลิกล้มทนสลดหดหู่ใจ
เหตุไฉนใครลิขิตชีวิตเรา
เคยเห็นหมู่กระรอกวิ่งหยอกเย้า
กระแตเจี๊ยกใต้ร่มเงายามแสดเผา
จับคู้ร้องเรียกขานประจานเรา
ไม่มีคู่เคลียเคล้าก็เศร้าตรม
หมู่วิหคบินมาถลาเล่น
โพระดกเหลืองอ่อนดูคู่เหมาะสม
น่าอิจฉาจับคู่ชู้ชื่นชม
คลายเศร้าตรมอยากเป็นนกวิหคลอย
ยามย่างเดินย่างเหยียบพงหนาม
ระยะยามเช้าผักหวานมือน้อยสอย
เด็ดเก็บยอดเพลินเดินเล่นเพื่อคนคอย
เพื่อลูกน้อยได้ดื่มนมแทนแม่เรา
หน้า ๑๐
หมู่ใบตองเหลืองอ่อนระยิบระยับ
ว่าจะพับใบตองยามขลาดเขลา
เมื่อยามจนคุ้มราคาคุณค่าเรา
ว่าขลาดเขลาเพราะไม่กลัวว่าอับจน
สักวันหนึ่ง คนดีศรีของแม่
คอยเหลียวแลคอยอุ้มอ้อมยามสับสน
แม้จะทุกข์ก็จะสู้ครูของคน
ไม่มีจนเพราะมีแม่กำลังใจ
ขอพักแรมผ่อนกายไว้ตรงนี้
จะชั่วดีเจ็ดยามหายสงสัย
เพลินความชอบความดีตลอดไป
จิตสดใสไม่เศร้าตรมชมดอกไม้
ว่าชีวิตดั่งสายน้ำไหล
ชมพฤกษ์ก็จะสมภิรมย์หมาย
ชมภูเขาว่า ผาแดงยามแลงกลาย
แดงสดใสสะท้อนแสงเต็งรังยิ้ม
หน้า ๑๑
ท้าวผาแดงนางไอ่ใครใคร่รู้
คู่คุดคู้ อ่อนล้าแก้มพิมพ์พริ้ม
คู่สุขสมเพียรยามยากโอ้แม่พิมพ์
ขอรอยยิ้มแก้มน้องนางอยู่กลางไพร
เสียงนกแต่ดแต้แต้ต้อยต้อยตีวิด
บรรเจิดบิดกายกล้าถลาไถล
ลงสู่ดินเหินฟ้าว่ากลับกลาย
ยืนชูคู่ขาเดียวดายอยู่บนดิน
ไม่จับไม้โบยบินไม่เคยหลับ
แต๊ดแต้หลับคล้ายอยู่คู่สมถวิล
คล้ายล่อหลอกบินเป็นเงาพรึบพรึบบิน
เหมือนอยู่คู่ห่วงถิ่นถวิลนาง
นกอีจู้ว่าจู้ชู้ชูชื่น
ยามค่ำคืนหลับสนิทคล้ายคลายเงา
ยามแดดส่องแสงแดดแผดร่มเงา
อีจู้เคร้าเฝ้าเรียกจู้ชู้ชี้ชม
หน้า ๑๒
นกขมิ้นเหลืองอ่อนแรงอ่อนหล้า
อยากจะว่าเพียรหาคู่พอสุขสม
ต้องขาดคู่ไม่อยู่อย่างภิรมย์
ยามค่ำตรมนอนเดียวดายขาดรังนอน
นกกระปูดตาแดงร้องปูดขัน
เร่งพนันแย่งคู่พอสู่สม
อารมณ์ได้หมายชู้ชี้คู่ชม
แผ่ภิรมย์แตกลูกหลานประจานใคร
ดูดุเหว่าฟังเสียงวอนร้องเรียก
เป็นเสียงเพรียกขับขานเป็นไฉน
บอกไม่ถูกบอกไม่ได้อยู่กับใคร
คอยลอบไข่วางไว้ใครเล่าฟัก
เจ้านกเขาใหญ่ชวาเบิกบานยิ่ง
พรึบพรึบบินครองคู่อยู่เป็นหลัก
คู่ไม้ใหญ่คู่ประดู่เพียงคู่รัก
เยาะหยอกรักทักเล่นเป็นวิวาห์
หน้า ๑๓
ชวาแดงแลงเย็นบินเป็นฝูง
ระยางยูงถลาเล่นฉวัดเฉวียน
ฝูงคู่อยู่คู่เย้าทุกเช้าเวียน
ชมเพลินเรียนวิหคอยู่คู่ภูงาม
ภูผาแดงแลนคาเป็นหว่างช่อง
ภูขาดปล่องช่องฝางเป็นเขตขาม
อุทยานแห่งฟ้าภูแสนงาม
ท่องลำนำชมเถื่อนถ้ำสุขยิ่งเอย
ครูบ้านไพร
(นายประยุทธ เม็นไธสง)
ครูอันดับ คศ. 2 ชำนาญการ
โรงเรียนบ้านขุมปูน
28/06/2548
ภาคผนวก
สงวนลิขสิทธิ์เผยเเพร่โดย
นามไพร ประยุทธ