(หำ) รัสปูติน (ไข่) ทักษิณ บทวิพากษ์ว่าด้วยความเชื่อ


จงเชื่ออย่างมีเหตุมีผล บนฐานของการ "ตรึกตรอง" แล้ว

http://learners.in.th/blog/botkvam/242689  เป็นบทความของ โมโนย พจน์

    ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปยังเซนต์-ปีเตอร์สเบร์ก รัสเซีย ให้ได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับรัสปูติน “หำ” ที่คาดว่าจะเป็นของเขาถูกตัดแช่ไว้  รวมไปยังสถานที่จริงที่เกี่ยวข้องกับเขา พร้อมทั้งมาหาข้อมูลเพิ่มเติม  ทำให้เห็นอย่างหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา คือคำว่า “ความเชื่อ” หรือหลักศรัทธาที่ปรากฏมีอยู่ในทุกศาสนา ที่ปลายทางของความเชื่อในหลักศาสนาเป็นไปตามเป้าประสงค์ปลายของแต่ละศาสนานั้น ๆ ซึ่งเป็นไปเพื่อความดีงามและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม แต่ในส่วนของรัสปูตินเอง บทบาทของเขาเป็นผู้สร้างตนมาจาก “ความเชื่อ” แต่ความเชื่อนั้นก่อให้เกิดสอง “มุมมอง” มุมหนึ่งคือผู้สื่อสารกับพระเจ้า พร้อมกับการดลบันดาลให้ตามที่ตัวเองประสงค์ กรณีพระโอรสของพระเจ้าซาร์ป่วยและหายจากเจ็บป่วย ความเชื่อเหล่านั้นสัมพันธ์ไปถึงการยอมพลีร่างกายเพื่อบูชาต่อความเชื่อนั่น นางกำนัล หญิงชั้นสูง ราชินี เป็นส่วนหนึ่งของการ “พลี” ต่อรัสปูตินในฐานะตัวแทนของพระเจ้า รวมไปถึงอำนาจแฝงที่สามารถสั่งปลดถอน หรือเนรเทศคนที่เป็นปฏิปักษ์กับตนเองผ่านราชินีและกษัตริย์   อีกมุมหนึ่งคือการหลอกลวง ทำร้าย และสร้างความเสื่อมเสียแก่ระบบกษัตริย์  การปกครอง  การยุติความเชื่อของรัสปูติน  ซึ่งในความเป็นเป็นจริงอาจเป็นเรื่องจริง ลวง หลอก อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาร พ่อหมด หมอผี หรือผู้สื่อสารกับพระเจ้าก็ตาม จึงเกิดขึ้น การประหัตประหารจึงเป็นบทจบของความเชื่อที่รัสปูตินสร้างขึ้น

          ย้อนกลับไปที่ประเทศไทย ภาพของคนที่ถูกทำให้เชื่อ ในลักษณะต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในสังคมอย่างกว้างขวาง ภาพ “ความขัดแย้ง”  อดีตนายกถูกทำให้เชื่อว่า เป็นผู้มาปลดปล่อย “ความยากจน”  ให้คนไทย “มั่งมี”  อีกด้านหนึ่งภาพของ “ซาตาน” ที่จะมาล้มล้างระบบ “ศูนย์กลางแห่งศรัทธา” ในสังคม พร้อมการนำเสนอด้วยสื่ออย่างป็นระบบ จนกระทั่งเป็น “ปรากฏการณ์สน(ธิ)ตะพาย” ขัดแย้งเผชิญหน้า “เหลือง-แดง” ในสังคมไทยอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน  รวมไปถึงภาพของเกจิคณาจารย์ เจ้าลัทธิ  ที่ปั้นดินให้เป็นวัตถุมีฤทธิ์  ที่มีไว้ประหนึ่งชีวิตบรรลุถึง “นิพพาน” จนผู้นับถือต้องวิ่งหา “วัตถุมีฤทธิ์” ตามความเชื่อ โดยมีมูลค่าที่ต้อง “จ่าย” มากน้อยเป็นไปตามเงื่อนไขของความเชื่อนั้น   

ในทัศนะผู้เขียน(เชื่อ)ว่า เหล่านี้คือปรากฏการณ์แห่งความเชื่อ และถูกทำให้เชื่อ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จริง ถูก ผิด แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏก็คือเมื่อมีผู้กระทำให้เชื่อ จะด้วยวิธีการใดก็ตาม โฆษณาชวนเชื่อ อิงแอบ สื่อ การให้ข้อมูลเท็จ บอกไม่หมด   จนกระทั่งมีคนเชื่อ   พฤติกรรมทางความเชื่อได้ถูกขับเคลื่อนออกมาทางกายภาพ ถ้าดีมีประโยชน์ก็คงก่อให้เกิดความสุขสงบในการอยู่ร่วมกัน แต่ถ้าผลเป็นตรงกันข้าม...ก็คงไม่มีคำอธิบาย....!!  

          พฤติกรรมความเชื่อของลัทธิจิม โจนส์ ฉายา “ศาสดาเถื่อน” ที่นำสาวกดื่มยาพิษฆ่าตัวตายหมู่  933 ศพ ใน พ.ศ.2521  ด้วยความเชื่อว่า “วิญญาณจะเป็นหนึ่งเดียวในภาพหน้า เป็นนิรันดร์ในดาวดวงอื่น”  รวมถึงลัทธิโอมชิรินเกียว ที่มีสาวกนับถือในญี่ปุ่นและรัสเซีย กับความเชื่อเรื่อง “โลกาวินาศ” จนมีผลให้สาวกได้ปล่อยแก๊สซาริน ที่สถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 มีผลให้ผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บกว่า 6,000 คน   การนำความเชื่อและศรัทธาไปสร้างพลังขับเคลื่อนกลุ่มจนกระทั่งกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ความตาย ความรุนแรง การด่าทอ และมุ่งหวังต่อชีวิตอีกฝ่ายที่คิดต่าง เห็นต่างคงเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปไหมสำหรับผู้ถูกทำให้เชื่อ

ชาวพุทธมีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเชื่ออย่างไร ต้องย้อนกลับไปก่อนว่า “พุทธะ” ศัพท์นี้แปลว่ารู้  ตื่น และเบิกบาน  คำว่ารู้จึงหมายถึง “ปัญญา” ดังนั้นปัญญาจึงควรเป็นคำตอบให้กับสังคมแห่งศรัทธา หรือการแสวงหาความเชื่อ ถ้าคิดจะเชื่อต้องเจ้าใจคำว่า “พุทธะ” เมื่อเข้าใจแล้ว “ปัญญา” คือบทจบของความเชื่อนั้น และที่สำคัญยิ่งต้องก่อให้เกิดความสุขสงบเย็นเป็นปลายทาง

ในเรื่องของความเชื่อ จึงต้องศึกษาอย่างรอบด้าน ไม่ใช่พูดอะไรก็เชื่อ เพราะความเชื่ออย่างขาดเหตุผล ไร้วิจารณญาณได้กลายเป็น “หายนะ” เชิงสังคมมาแล้วในหลาย ๆ สังคม หากเอาฐานข้อมูลของพุทธ “กาลามสูตร”(องฺ.ทุก.20/66/255-262) คือ เหตุการณ์ของ “วิกฤติของความเชื่อ” ชาวบ้านใน “กาลามะ” (คงเหมือนชาวไทยในยุคนี้) สับสนกับสภาพข้อมูลข่าวสาร ที่ปรากฏในแต่ละวัน จนสับสนไปหมด ว่าอันไหนจริง ลวง หลอก ว่าตกลงจึงไปทูลถามพระพุทธเจ้า  และได้คำตอบว่าใช้ปัญญาของตัวเอง พร้อมบทสรุปที่ว่า “อย่าปลงใจชื่อ” เพียงเพราะเขาเป็น สื่อมวลชน   เจ้าลัทธิ เป็นด็อกเตอร์ เป็นนายก อดีตนายก  เป็นนักวิชาการ เป็นเหลือง เป็นแดง แต่ให้ศึกษาข้อมูลและฟังความจากรอบด้านเสียก่อน แล้วจึงนำไปสู่การตัดสินใจเชื่อและปฏิบัติตาม  เพราะมิฉะนั้นเราผู้เชื่อจะกลายเป็นผู้ได้รับ “วิกฤติ” จากความเชื่อด้วยตัวเอง อาจเสียทั้งเวลา เงินทอง ทรัพย์สิน อาจรวมไปถึงชีวิตด้วยก็ได้   เพราะเชื่อรัสปูตินว่าเป็นผู้สื่อสารกับพระเจ้า ราชวงศ์โรมานอฟจึงเพิ่มปฏิกิริยาเร่งการล่มสลายของระบบกษัตริย์ที่ปกครองรัสเซียมากว่า 300 ปี พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่  2 พร้อมราชวงศ์อื่นถูกโทษประหารชีวิตตายยกครอบครัว  เพราะเชื่อจิม โจนส์  กว่า 900 ชีวิตจึงตาย เพราะเชื่อลัทธิโอมชีรินเกียวจึงมีผู้ตายและบาดเจ็บกว่า 6 พันชีวิต เพราะเชื่อ(เสื้อ)เหลือง และแดง การเผชิญหน้า แตกแยก และประหัตประหารกันจึงมีในสังคมไทย  ทั้งที่เป็นคน “ไทย” ด้วยกัน....!!!

องคุลีมาลบอกให้พระพุทธเจ้า “หยุด”  พระพุทธเจ้าตอบกลับมาว่า “เธอนั่นแหละหยุด”  และตรัสต่อไปว่า  ”เราหยุดแล้ว หยุดเบียดเบียนผู้อื่น หยุดการประหัตประหารผู้อื่น”(ม.ม.13/347/421) ลองถามตัวเองดูบ้างก็น่าจะดีเหมือนกันนะว่าเราหยุดแล้วหรือยัง ถ้าต่างฝ่ายต่างหยุด ลดอัตตาตัวตนที่มันหลอก ๆ ออกเสีย แล้วหยุดเอาประเทศชาติและสังคมไทยเป็นตัวประกันเพียงเพราะสนอง “อัตตา” ของตนเองแล้ว  สังคมประเทศชาติก็คงจะเดินต่อไปข้างหน้าได้ “เพราะหยุดจึงก้าว” อย่างนั้นจะดีกว่าไหม ?

ผู้เขียนไมได้บอกว่าอย่าให้เชื่อใคร  หรือต้องเชื่อใคร  แต่ให้เชื่ออย่างมีปัญญา และเป็นการเชื่อที่ผ่านการ “ตรึกตรอง” ด้วยข้อมูลอย่างรอบด้าน มีเหตุมีผล ตามหลัก “พุทธะ” โดยมี “ปัญญา” เป็นบทจบ แล้วจึงนำไปสู่การเชื่อ หรือทำตามความเชื่อนั้น  โดยปลายทางของความเชื่อนั่นต้องก่อให้เกิดความสงบเย็น ตามหลักของชาวพุทธที่ว่า ความสุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี  แต่ถ้าเชื่อแล้วทุรนทุราย เร้าร้อน  ด่าทอ ประหัตประหาร  การเชื่อ หรือศรัทธานั้นหลักชาวพุทธไม่ได้สอนแน่นอน  

ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่ามาพูดทีหลังว่า “รู้สึกตัวเมื่อสายเสียแล้ว” หรืออาจประโยคเสริมความต่อไปว่า “รู้ว่าเขาหลอกก็เต็มใจให้หลอก”

หากเป็นอย่างนั้นก็ต้องขอบอกว่า เรื่องของคุณ เธอ ท่าน และมรึง.....!!!!                                                                                              

หมายเลขบันทึก: 238220เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2009 20:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อื้มมมม   น่าคิดมากๆ ความเชื่อเป็นเหตุ ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท