Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์ก (Kohlberg)


            โคลเบิร์ก (Lawrence  Kohlberg) ได้ศึกษาวิจัยพัฒนาการทางจริยธรรมตามแนวทฤษฎีของพีอาเจต์ แต่โคลเบิรก์ได้ปรับปรุงวิธีวิจัย การวิเคราะห์ผลรวมและได้วิจัยอย่างกว้างขวางในประเทศอื่นที่มีวัฒนธรรมต่างไป วิธีการวิจัย จะสร้างสถานการณ์สมมติปัญหาทางจริยธรรมที่ผู้ตอบยากที่จะตัดสินใจได้ว่าถูก” “ผิด” “ควรทำ” “ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด  เพราะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง  การตอบจะขึ้นกับวัยของผู้ตอบเกี่ยวกับความเห็นใจในบทบาทของผู้แสดงพฤติกรรมในเรื่องค่านิยม  ความสำนึกในหน้าที่ในฐานะเป็นสมาชิกของสังคม ความยุติธรรมหรือหลักการที่ตนยึดถือ 

            โคลเบิร์ก  ให้คำจำกัดความของจริยธรรมว่า จริยธรรมเป็นความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความถูกผิด และเกิดขึ้นจากขบวนการทางความคิดอย่างมีเหตุผล  ซึ่งต้องอาศัยวุฒิภาวะทางปัญญา  

           โคลเบิร์ก เชื่อว่าพัฒนาการทางจริยธรรมเป็นผลจากการพัฒนาการของโครงสร้างทางความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับจริยธรรม  นอกจากนั้น โคลเบิร์ก  ยังพบว่า  ส่วนมากการพัฒนาทางจริยธรรมของเด็กจะไม่ถึงขั้นสูงสุดในอายุ 10 ปี แต่จะมีการพัฒนาขึ้นอีกหลายขั้นจากอายุ 11-25 ปี  การใช้เหตุผลเพื่อการตัดสินใจที่จะเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง จะแสดงให้เห็นถึงความเจริญของจิตใจของบุคคล  การใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ของสังคมใดสังคมหนึ่งโดยเฉพาะ  แต่เป็นการใช้เหตุผลที่ลึกซึ้งยากแก่การเข้าใจยิ่งขึ้นตามลำดับของวุฒิภาวะทางปัญญา 

            โคลเบิร์ก ได้ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของเยาวชนอเมริกัน อายุ 10 -16 ปี และได้แบ่งพัฒนาการทางจริยธรรมออกเป็น 3 ระดับ (Levels) แต่ละระดับแบ่งออกเป็น 2 ขั้น (Stages) ดังนั้น พัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์กมีทั้งหมด 6 ขั้น คำอธิบายของระดับและขั้นต่างๆ ของพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์ก มีดังต่อไปนี้

 

            ระดับที่ 1 ระดับก่อนมีจริยธรรมหรือระดับก่อนกฎเกณฑ์สังคม (Pre - Conventional Level) ระดับนี้เด็กจะรับกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของพฤติกรรมที่ดี ไม่ดีจากผู้มีอำนาจเหนือตน เช่น บิดามารดา ครูหรือเด็กโต และมักจะคิดถึงผลตามที่จะนำรางวัลหรือการลงโทษ

            พฤติกรรม ดี คือ  พฤติกรรมที่แสดงแล้วได้รางวัล

            พฤติกรรม ไม่ดี คือ พฤติกรรมที่แสดงแล้วได้รับโทษ

โดยบุคคลจะตอบสนองต่อกฎเกณฑ์ซึ่งผู้มีอำนาจทางกายเหนือตนเองกำหนดขึ้น  จะตัดสินใจเลือกแสดงพฤติกรรมที่เป็นหลักต่อตนเอง  โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น  จะพบในเด็ก 2-10 ปี  โคลเบิร์กแบ่งพัฒนาการทางจริยธรรม ระดับนี้เป็น 2 ขั้น คือ

 

            ขั้นที่ 1 การถูกลงโทษและการเชื่อฟัง (Punishment and Obedience Orientation)  เด็กจะยอมทำตามคำสั่งผู้มีอำนาจเหนือตนโดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อไม่ให้ตนถูกลงโทษ ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อหลบหลีกการถูกลงโทษ เพราะกลัวความเจ็บปวด  ยอมทำตามผู้ใหญ่เพราะมีอำนาจทางกายเหนือตน

            โคลเบิร์ก อธิบายว่า ในขั้นนี้เด็กจะใช้ผลตามของพฤติกรรมเป็นเครื่องชี้ว่า  พฤติกรรมของตน ถูกหรือผิดเป็นต้นว่า  ถ้าเด็กถูกทำโทษก็จะคิดว่าสิ่งที่ตนทำ ผิด  และจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งนั้นอีก  พฤติกรรมใดที่มีผลตามด้วยรางวัลหรือคำชม เด็กก็จะคิดว่าสิ่งที่ตนทำถูก และจะทำซ้ำอีกเพื่อหวังรางวัล

 

            ขั้นที่ 2 กฎเกณฑ์เป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ของตน  (Instrumental Relativist Orientation) ใช้หลักการแสวงหารางวัลและการแลกเปลี่ยน  บุคคลจะเลือกทำตามความพอใจตนของตนเอง  โดยให้ความสำคัญของการได้รับรางวัลตอบแทน  ทั้งรางวัลที่เป็นวัตถุหรือการตอบแทนทางกาย วาจา และใจ  โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของสังคม ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อต้องการผลประโยชน์สิ่งตอบแทน  รางวัล และสิ่งแลกเปลี่ยน  เป็นสิ่งตอบแทน

            โคลเบิร์ก อธิบายว่า  ในขั้นนี้เด็กจะสนใจทำตามกฎข้อบังคับ  เพื่อประโยชน์หรือความพอใจของตนเอง หรือทำดีเพราอยากได้ของตอบแทน หรือรางวัล ไม่ได้คิดถึงความยุติธรรมและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น  หรือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น  พฤติกรรมของเด็กในขั้นนี้ทำเพื่อสนองความต้องการของตนเอง  แต่มักจะเป็นการแลกเปลี่ยนกับคนอื่น เช่น ประโยค ถ้าเธอทำให้ฉัน  ฉันจะให้.......

 

            ระดับที่ 2 ระดับจริยธรรมตามกฎเกณฑ์สังคม (Conventional Level)  พัฒนาการจริยธรรมระดับนี้  ผู้ทำถือว่าการประพฤติตนตามความคาดหวังของผู้ปกครอง บิดามารดา กลุ่มที่ตนเป็นสมาชิกหรือของชาติ เป็นสิ่งที่ควรจะทำหรือทำความผิด เพราะกลัวว่าตนจะไม่เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น  ผู้แสดงพฤติกรรมจะไม่คำนึงถึงผลตามที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง  ถือว่าความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีเป็นสิ่งสำคัญ  ทุกคนมีหน้าที่จะรักษามาตรฐานทางจริยธรรม

           โดยบุคคลจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคมที่ตนเองอยู่  ตามความคาดหวังของครอบครัวและสังคม  โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นขณะนั้นหรือภายหลังก็ตาม  จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคมโดยคำนึงถึงจิตใจของผู้อื่น  จะพบในวัยรุ่นอายุ 10 -16 ปี โคลเบิร์กแบ่งพัฒนาการทางจริยธรรม ระดับนี้เป็น 2 ขั้น คือ

 

            ขั้นที่ 3 ความคาดหวังและการยอมรับในสังคม สำหรับ เด็กดี (Interpersonal  Concordance of “Good boy , nice girl” Orientation) บุคคลจะใช้หลักทำตามที่ผู้อื่นเห็นชอบ  ใช้เหตุผลเลือกทำในสิ่งที่กลุ่มยอมรับโดยเฉพาะเพื่อน เพื่อเป็นที่ชื่นชอบและยอมรับของเพื่อน  ไม่เป็นตัวของตัวเอง  คล้อยตามการชักจูงของผู้อื่น  เพื่อต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ดี  พบในวัยรุ่นอายุ 10 -15 ปี ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อต้องการเป็นที่ยอมรับของหมู่คณะ การช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อทำให้เขาพอใจ  และยกย่องชมเชย ทำให้บุคคลไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง  ชอบคล้อยตามการชักจูงของผู้อื่น  โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อน

            โคลเบิร์ก อธิบายว่า  พัฒนาการทางจริยธรรมขั้นนี้เป็นพฤติกรรมของ คนดีตามมาตรฐานหรือความคาดหวังของบิดา มารดาหรือเพื่อนวัยเดียวกัน พฤติกรรมดีหมายถึง  พฤติกรรมที่จะทำให้ผู้อื่นชอบและยอมรับ  หรือไม่ประพฤติผิดเพราะเกรงว่าพ่อแม่จะเสียใจ

 

            ขั้นที่ 4 กฎและระเบียบ (“Law-and-order” Orientation) จะใช้หลักทำตามหน้าที่ของสังคม โดยปฏิบัติตามระเบียบของสังคมอย่างเคร่งครัด  เรียนรู้การเป็นหน่วยหนึ่งของสังคม  ปฏิบัติตามหน้าที่ของสังคมเพื่อดำรงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์ในสังคม พบในอายุ 13 -16 ปี ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อทำตามหน้าที่ของสังคม  โดยบุคคลรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของเขาในฐานะเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมนั้น  จึงมีหน้าที่ทำตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่สังคมกำหนดให้ หรือคาดหมายไว้

            โคลเบิร์ก อธิบายว่า  เหตุผลทางจริยธรรมในขั้นนี้ ถือว่าสังคมจะอยู่ด้วยความมีระเบียบเรียบร้อยต้องมีกฎหมายและข้อบังคับ  คนดีหรือคนที่มีพฤติกรรมถูกต้องคือ  คนที่ปฏิบัติตามระเบียบบังคับหรือกฎหมาย  ทุกคนควรเคารพกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นระเบียบของสังคม

 

            ระดับที่ 3 ระดับจริยธรรมตามหลักการด้วยวิจารณญาณ หรือระดับเหนือกฎเกณฑ์สังคม  (Post - Conventional Level)  พัฒนาการทางจริยธรรมระดับนี้  เป็นหลักจริยธรรมของผู้มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป  ผู้ทำหรือผู้แสดงพฤติกรรมได้พยายามที่จะตีความหมายของหลักการและมาตรฐานทางจริยธรรมด้วยวิจารณญาณ  ก่อนที่จะยึดถือเป็นหลักของความประพฤติที่จะปฏิบัติตาม  การตัดสินใจ  ถูก ผิด” “ไม่ควรมาจากวิจารณญาณของตนเอง  ปราศจากอิทธิพลของผู้มีอำนาจหรือกลุ่มที่ตนเป็นสมาชิก กฎเกณฑ์กฎหมาย  ควรจะตั้งบนหลักความยุติธรรม  และเป็นที่ยอมรับของสมาชิกของสังคมที่ตนเป็นสมาชิก  ทำให้บุคคลตัดสินข้อขัดแย้งของตนเองโดยใช้ความคิดไตร่ตรองอาศัยค่านิยมที่ตนเชื่อและยึดถือเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจ  จะปฏิบัติตามสิ่งที่สำคัญมากกว่าโดยมีกฎเกณฑ์ของตนเอง  ซึ่งพัฒนามาจากกฎเกณฑ์ของสังคม  เป็นจริยธรรมที่เป็นที่ยอมรับทั่วไป  โคลเบิร์กแบ่งพัฒนาการทางจริยธรรม ระดับนี้เป็น 2 ขั้น คือ

 

            ขั้นที่ 5  สัญญาสังคมหรือหลักการทำตามคำมั่นสัญญา (Social Contract Orientation)  บุคคลจะมีเหตุผลในการเลือกกระทำโดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนหมู่มาก  ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น  สามารถควบคุมตนเองได้  เคารพการตัดสินใจที่จะกระทำด้วยตนเอง  ไม่ถูกควบคุมจากบุคคลอื่น  มีพฤติกรรมที่ถูกต้องตามค่านิยมของตนและมาตรฐานของสังคม  ถือว่ากฎเกณฑ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงได้  โดยพิจารณาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก  พบได้ในวัยรุ่นตอนปลายและวัยผู้ใหญ่  ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อทำตามมาตรฐานของสังคม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน โดยบุคคลเห็นความสำคัญของคนหมู่มากจึงไม่ทำตนให้ขัดต่อสิทธิอันพึงมีได้ของผู้อื่น  สามารถควบคุมบังคับใจตนเองได้  พฤติกรรมที่ถูกต้องจะต้องเป็นไปตามค่านิยมส่วนตัว  ผสมผสานกับมาตรฐานซึ่งได้รับการตรวจสอบและยอมรับจากสังคม  

             โคลเบิร์ก อธิบายว่า  ขั้นนี้เน้นถึงความสำคัญของมาตรฐานทางจริยธรรมที่ทุกคนหรือคนส่วนใหญ่ในสังคมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ถูกสมควรที่จะปฏิบัติตาม  โดยพิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของบุคคลก่อนที่จะใช้เป็นมาตรฐานทางจริยธรรม  ได้ใช้ความคิดและเหตุผลเปรียบเทียบว่าสิ่งไหนผิดและสิ่งไหนถูก ในขั้นนี้การ ถูกและ ผิดขึ้นอยู่กับค่านิยมและความคิดเห็นของบุคคลแต่ละบุคคล  แม้ว่าจะเห็นความสำคัญของสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบุคคล  แต่เปิดให้มีการแก้ไข  โดยคำนึงถึงประโยชน์และสถานการณ์แวดล้อมในขณะนั้น

 

            ขั้นที่ 6 หลักการคุณธรรมสากล  (Universal Ethical Principle Orientation) เป็นขั้นที่เลือกตัดสินใจที่จะกระทำโดยยอมรับความคิดที่เป็นสากลของผู้เจริญแล้ว  ขั้นนี้แสดงพฤติกรรมเพื่อทำตามหลักการคุณธรรมสากล โดยคำนึงความถูกต้องยุติธรรมยอมรับในคุณค่าของความเป็นมนุษย์  มีอุดมคติและคุณธรรมประจำใจ  มีความยืดหยุ่นและยึดหลักจริยธรรมของตนอย่างมีสติ  ด้วยความยุติธรรม และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน  เคารพในความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล  ละอายและเกรงกลัวต่อบาป  พบในวัยผู้ใหญ่ที่มีความเจริญทางสติปัญญา

           โคลเบิร์ก อธิบายว่า  ขั้นนี้เป็นหลักการมาตรฐานจริยธรรมสากล  เป็นหลักการเพื่อมนุษยธรรม  เพื่อความเสมอภาคในสิทธิมนุษยชนและเพื่อความยุติธรรมของมนุษย์ทุกคน  ในขั้นนี้สิ่งที่ ถูกและ ผิด  เป็นสิ่งที่ขึ้นมโนธรรมของแต่ละบุคคลที่เลือกยึดถือ

 

อ้างอิง

แพรภัทร  ยอดแก้ว. งานวิจัยเรื่อง พฤติกรรมทางจริยธรรมกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของนักศึกษามหาวิทยาลัยสยาม. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยสยาม, 2551.

สุรางค์  โคว้ตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , 2548.

ชุมศรี ชำนาญพูด. พฤติกรรมเชิงจริยธรรมของนักศึกษาพยาบาลตามจรรยาบรรณวิชาชีพการพยาบาลในวิทยาลัยพยาบาลสังกัดกองงานวิทยาลัยพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข, ชลบุรี: วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, มหาวิทยาลัยบูรพา, 2536.

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 236980เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2009 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ขอบคุนมากน้ะ ..

จ่ะเอาไปอ่านสอบ

.

.

: )

ขอบคุณมากคะ จะขออ่านสอบ

ขอบคุณครับ..จะเอาไปส่งอาจาน

ขอบคุณมากสำหรับเนื้อหานี้

ขอเอาเนื้อหานี้ไปศึกษาและไปอ่านสอบน่ะค่ะ

ขอบคุณมากคร้าบบบบบ...จะเอาไปประกอบรายงานน่ะ

ขอบคุณทุกคนนะคะ

ที่เข้ามาอ่าน

แล้วเอาไปใช้

และแสดงความคิดเห็น

ยินดีอย่างยิ่งค่ะ

ขอบคุณนะคะ

จะขอนำไปใช้การประกอบ ทำผลงานทางวิชาการ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ...

ยินดีอย่างยิ่งค่ะ

เชิญเอาไปใช้ได้เลยค่ะ

ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็น

ขอบคุณนะค่ะ

จาได้เป็นความรู้เพิ่มเติมอ่านสอบ

อยากได้คำถามที่แสดงถึงเป็นความขัดแย้งเชิงจริยธรรมที่ผู้อ่านต้องตัดสินใจสัก 5 ตัวอย่างมีมั๊ยครับ

ขอขอบคุณ

ขอบคุณมากนะคะ ได้ใช้ประโยชน์เยอะเลยค่ะ

มีของท่านอื่นอีกมั้ยคะเนี่ย

ขอบคุณนะค่า

ขอบคุณครับอาจารย์แพรภัทร คนสวยใจบุญ ผมจะนำไปทำรายงานส่งอาจารย์ครับ

ขอบคุณนะคะสำหรับข้อความเป็นความรู้ที่ดีมากอยากให้นำทฤษีของบุคคลอื่นมาลงอีกบ้าง

จิรวัฒน์ โพธิ์สวรรค์

ผมขออนุญาตใช้ข้อความนี้อ้างอิงในในงานวิจัยของผมหน่อยนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่า ข้อความนี้มันอยู่ในหน้าที่เท่าไร ของงานวิจัยของอาจารย์ ยังช่วยตอบผมทีนะครับ ไม่อยากผิดจรรยาบรรณของนักวิจัยที่ดี ขอบคุณมากนะครับ ผมต้องการด่วนนะครับ

ขอบคุณค่ะ เอาไว้ใช้ประกอบการเรียน

ขอบคุณมากค่ะเอาไว้ประกอบการเรียน

ขอบคุณมากนะคะ

ขอเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์นะคะ

ขอบคุณนะคะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ

ขอบคุณนะค่ะ จะนำไปใช้ในการประการทำรายงานค่ะ

ขอบคุณนะคะ

จะเอาไปส่งอาจารย์ แต่อยากได้กิจกรรมที่นำมาประยุกต์ใช้ในการสอนด้วยจังเลยค่ะ

มีประโยชน์มากค่ะ สำหรับผู้กำลังสนใจ

ขอบคุณนะคะจะเอาเนื้อหาไปสอบสภาอิอิ จากเด็กนนท์

เนื้อหาดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วเข้าใจ เดี่ยวจะไปยืมที่ห้องสมุด ม สยามค่ะ

ขอบคุณคร๊ะ สำหรับเนื้อหามีประโยชน์มากๆ ใช้อ้าอิงในรายงานคร๊ะ

ขอบคุณข้อมูลนะคะ

 

ขอบคุณนะคะ

จะนำเนื้อหาไปทำรายงานค่ะ

ขอบคุณค่ะ

มีงานส่งอาจารย์แล้ว

 

ขอบคุณนะคะ  จะเอาไปทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ

ผมขออนุญาตใช้ข้อความนี้อ้างอิงในในงานวิจัยของผมครับ แต่ผมไม่รู้ว่า ข้อความนี้มันอยู่ในหน้าที่เท่าไร ของงานวิจัยของอาจารย์ ยังช่วยตอบผมทีนะครับ ไม่อยากผิดจรรยาบรรณของนักวิจัยที่ดี ขอบคุณมากนะครับ


ขอบคุณค่ะพี่แบ่งปัญสาระดีๆ


ขอบคุณมาก ๆ ครับอาจารย์ ผมกำลังเขียนไอเอส นิติป.โท อยู่ครับเรื่องนี้เลย

ขอบคุณมากค่า ขอเอาไปส่ง อาจารย์นะคะ 

ຂອບໃຈຫຼາຍໆເດີ້ ມັນເປັນປະໂຫຍດສຳລັບນ້ອງຫຼາຍ 

ขอบคุณมากๆๆๆครับ ขออนุญาตนำไปอ้างอิงใน ISครับ

ขอบคุณมากครับ ขออนุญาตนำไปใช้ในการอ้างอิง การศึกษาอิสระ


นาย ศราวุฒิ ลือกายา

ขอบคุณมากครับ

นาย พิทักพงษ์ ลาลุน

เนื้อหาดีครับ เข้าใจง่าย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท