ครูชายแดนใต้ขอระบายความในใจ


ครูชายแดนใต้ขอระบายความในใจ

 

วันนี้ได้อ่านบทความหนึ่ง เลยเอามาฝากเพื่อนครูกัน จากสำนักข่าวมุสลิมไทย  www.muslimthai.com


วันครูปีนี้ ครูบางคนในชายแดนใต้ขอระบายความรู้สึกที่มีต่อการดำเนินชีวิตที่ไม่ปกติเหมือนชาวบ้านคนอื่น รวมทั้งสิ่งที่อัดอั้นอยากบอกไปถึงผู้รับผิดชอบในเรื่องต่างๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ครูทุกคนในชายแดนใต้ เนื่องจากพวกเขาเป็นครูที่มีชีวิตและสอนหนังสือท่ามกลางความเสี่ยงในทุกด้านมากกว่าครูในพื้นที่อื่นของประเทศไทย พวกเขาเหล่านี้ต้องเผชิญภาวะความเครียด ความกลัว ที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้ เงื้อมมือของมัจจุราชได้คร่าชีวิตครูในแผ่นดินแห่งนี้ไปกว่าร้อยชีวิตและจะมีครูคนไหนเป็นเหยื่ออีกเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดเดาได้

สำหรับครูคนนี้ ศาตนันท์ธร ไชยณรงค์ แห่งโรงเรียนเทศบาล 1(บ้านจะบังติกอ) อ.เมือง จ.ปัตตานี บอกกับผู้สื่อข่าวมุสลิมไทยว่าครูในพื้นที่นี้ทุกคนล้วนเผชิญอันตรายจากผู้ประสงค์ร้ายได้เท่ากัน

“ไม่ว่าจะเป็นครูในเมืองหรือครูต่างอำเภอ ทุกคนมีความเสี่ยงในชีวิตเหมือนกัน เพียงแต่ครูต่างอำเภอต้องเสี่ยงในเรื่องระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนที่ไกลกว่า ขณะที่ครูในเมืองมีอันตรายเช่นกันแต่เสี่ยงน้อยกว่า สิ่งที่ครูทุกคนต้องมีคือ สติ ไม่ประมาท ก่อนออกจาอกบ้านทุกวันผมต้องดูเหตุการณ์และคิดหาทางไปโรงเรียนเอง เมื่อเข้าไปในโรงเรียนแล้วไม่อยากออกไปไหนอีกนอกจากเรื่องฉุกเฉินจำเป็นจริงๆ จนถึงเวลาเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน ไม่ออกไปไหนตอนกลางคืนอีก ถ้าจะไปตลาดหรือซื้อของจะวางแผนก่อนไปแล้วซื้อให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เลี่ยงไปตลาดที่คนเยอะๆ หรือซื้อร้านใกล้บ้านดีกว่าเพราะไม่มีใครช่วยชีวิตเราได้นอกจากตัวเอง”

เขาเชื่อว่าทุกคนในพื้นที่แห่งนี้มีความกลัวในการใช้ชีวิตที่เป็นอยู่มิใช่เฉพาะแต่ครูเท่า อยู่ที่ใครจะจัดการกับความกลัวและดำเนินชีวิตให้อยู่รอดอย่างไรมากกว่า

“ถามว่ากลัวมั้ย ผมยอมรับว่ากลัวและเครียดกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เมื่อก่อนหลังเลิกเรียนได้ซ้อมดนตรี ซ้อมกีฬาให้เด็ก แต่เดี๋ยวนี้เข้าสอนเก้าโมงเช้า บ่ายสองโมงกว่าก็เตรียมตัวกลับกันเพราะไม่มีใครอยากกกลับเย็นและกลับพร้อมๆ กัน เวลาที่มีให้เด็กก็ลดน้อยลง จึงปรับเป็นการทำกิจกรรมระหว่างการเรียนการสอนให้มีความสนุกสนานทั้งครูและเด็ก เราได้คลายเครียดไปด้วย หรืออย่างช่วงค่ำเมื่อก่อนได้ออกไปกินน้ำชา พูดคุยกับเพื่อนๆ ก็ต้องงดเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”


ศาตนันท์ธร ไชยณรงค์ แห่งโรงเรียนเทศบาล 1(บ้านจะบังติกอ)

ครูศาตนันท์ธรยังได้ฝากข้อคิดไปยังรัฐบาลชุดนี้ของนายอภิสิทธิ์และเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า การส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากลงมาในพื้นที่ไม่ได้ส่งผลดีอย่างที่คาดหวัง

 

“อยากให้รัฐและเจ้าหน้าที่มีบทลงโทษและจริงจังในการจับกุมผู้ที่กระทำผิดและมีหลักฐานชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่ หากสามารถทำในสิ่งเหล่านี้ได้อย่างจริงจังเชื่อว่าเป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้ เหมือนเด็กดื้อที่ต้องสั่งสอน ต้องตีแล้วให้ผู้ปกครองรับทราบ เมื่อใครทำผิดก็ต้องได้รับผิด ในส่วนของการพิจารณาให้เงินเสี่ยงภัยต่อครูในพื้นที่คนละ 2,500 บาทต่อเดือนแต่ครูสังกัดเทศบาลในปัตตานีไม่ได้รับการพิจารณาเพราะทางจังหวัดบอกว่าทางกระทรวงการคลังไม่ได้พิจารณาตรงนี้ จึงอยากให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ใหม่เพราะครูในสังกัดเทศบาลก็คือครูในพื้นที่ชายแดนใต้ที่มีความเสี่ยงในชีวิตเช่นเดียวกัน”

 

ส่วน นูรียะ อนุภักดิ์ ครูจากโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านปากน้ำ) เธอสอนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลอ.เมืองปัตตานีแต่บ้านพักของเธออยู่ที่อ.มายอ ระยะทางไกลไม่น้อยทีเดียวที่เธอต้องไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียนในแต่ละวัน เธอไม่มีชุดรปภ.ครูช่วยดูแลความปลอดภัยระหว่างทาง สิ่งที่เธอทำได้คือ ดูแลและรักษาชีวิตด้วยตัวเอง

“สอนที่โรงเรียนเทศบาล 3 มานานไม่คิดย้ายไปไหนแม้จะเกิดเหตุการณ์มากขึ้นก็ตาม ช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ ก็เครียดเหมือนกัน ต้องปรับตัวปรับใจ หมั่นขอดุอาอฺ ละหมาดฮายัต ละหมาดก่อนเดินทางทุกวัน มอบหมายทุกสิ่งทุกอย่างแก่อัลลอฮฺให้ช่วยดูแลเรา จนรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้นและใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สิ่งที่ทำให้รักในอาชีพนี้คือความรักที่มีต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กมุสลิมที่มีจำนวนน้อยของโรงเรียนเพื่อให้เขาได้เข้าใจหลักการของศาสนาและเข้ามาอยู่ในแนวทางที่ดี”


นูรียะ อนุภักดิ์ ครูจากโรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านปากน้ำ)

การเดินทางมาสอนในเมืองทุกวันของนูรียะเธอต้องจัดตารางเวลาและเส้นทางที่คิดว่าปลอดภัยเองและไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน สิ่งที่เธอขอให้มีการพิจารณาสำหรับครูในพื้นที่แห่งนี้เป็นเรื่องของการเลื่อนวิทยฐานะ

“จะใช้พาหนะในการไปสอนไม่ซ้ำกันทั้งรถประจำทาง รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์แล้วแต่ความคล่องตัวในแต่ละวัน สิ่งที่อยากขอให้ผู้ที่รับผิดชอบดูแลเป็นพิเศษสำหรับครูในสามจังหวัดคือ การปรับเลื่อนวิทยฐานะ เพราะครูในพื้นที่นี้ต้องเชิญทั้งสถานการณ์และความเครียดที่ไม่เหมือนครูในภาคอื่นทำให้การทำวิทยฐานะไม่สะดวกและคล่องตัว หากครูคนไหนมีผลงานที่เข้าขั้นขอให้พิจารณาด้วยเหตุผลและกรณีพิเศษเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกเรา และให้ผู้บริหารในทุกระดับมีความเป็นธรรมในการดุแล เอื้อเฟื้อมีน้ำใจ ดูแลครูทุกคนด้วยความเท่าเทียมกันมากกว่านี้”

 สิ่งที่ครูได้นำเสนอไปและสิ่งอื่นๆ ที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลและผู้รับผิดชอบควรพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ครูได้ทำหน้าที่ “เรือจ้าง” ที่มีประสิทธิภาพ ได้ประสิทธิผลต่อเยาวชนในพื้นที่แห่งนี้ไปนานๆแม้เป็นเสียงบางส่วนบางคนของครูในพื้นที่ หากความเป็นจริงถ้าเป็นไปได้ ครูทุกคนอยากระบายถึงความในใจและส่งเสียงไปยังผู้รับผิดชอบให้มองลงมาและเห็นถึงความต้องการของครูที่มิได้มากมายอะไร - สำนักข่าวมสุลิมไทย/เลขา เกลี้ยงเกลา

 

หมายเลขบันทึก: 236565เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2009 18:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 14:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

มาเป็นกำลังใจให้คุณครูค่ะ

สวัสดีครับ มาให้กำลังใจคุณครูทุกท่าน เช่นกันครับ

สวัสดีค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ขอเป็นกำลังใจไห้ครูใต้ทุกท่าน

เพราะว่าหนูเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเทศบาล1 บ้านจะบังติกอ

เป็นห่วงอาจาร์ยทุกท่านค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท