"อลหม่านบ้านทรายทอง" เป็นคำอธิบายถึงความวุ่นวายที่พึ่งผ่านไป


คิดดี ต้องทำดีด้วย ถึงจะได้ดี

เหตุการณ์คือ ลูกค้ามาซื้ออาหารสุนัข และนำแมวจรจัดมา 2 ตัวมาเพื่อให้หมอตรวจและฉีดยาคุม ด้วยความที่ไม่ใช่แมวที่เลี้ยงดังนั้น เจ้าของจึงจับแมวไม่อยู่ แมวหนีไปข้างบ้านและข่วนเจ้าของเลือดออกที่แขน เจ้าของตกใจคุมสติไม่อยู่ หมอบอกใจเย็นๆ และให้ไปจับแมวอีกตัวโดยบอกเทคนิคการจับแมวด้วยว่าต้องทำอย่างไร ตกลง  เจ้าของจับแมวให้หมอฉีดยาในรถ โอ!! ในรถมีน้องหมาพุดเดิ้ลอีกตัว อา....รู้แล้วว่าทำไมเจ้าเหมียวถึงวิ่งหนี...เสร็จแล้วไปตามหาเจ้าเหมียวที่วิ่งหนีไปข้างบ้าน พอดีเลย  เหมียวหนีไปเจอหมาเลยหมอบขอความช่วยเหลือ เพื่อนบ้านใจดีมาก คิดว่าเป็นแมวของหมอจึงจับไว้และกำลังจะนำมาส่ง  ...เดินไปคุยทักทายด้วย (ข้างบ้านเป็นปั๊มน้ำมัน)  เจ้าของแมวก็ถอยรถเพื่อจะไปรับเหมียวใส่รถ (กลัวหนีไปอีก) เอ้า ถอยไปชนป้ายเหล็ก (เฮ้อ! คุมสติไม่อยู่จริงๆ)  พอเก็บน้องเหมียวใส่รถ  ขับรถกลับมาให้หมอฉีดยาต่อ

คราวนี้วุ่นกว่าเก่า หมอฉีดยาเสร็จ เจ้าของเปิดประตูลงมาจ่ายสตางค์ เหมียววิ่งออกมาจากรถจะหนีเข้าไปในคลีนิคอีกฝั่งหนึ่งแต่ต้องเบรคเพราะมี The gang ทั้ง 7 ของหมอคุมพื้นที่อยู่ เหมียวจึงซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องรถ แต่หาตัวไม่เจอ  หมอเก่งจัง! ต้องขอชม  เพราะหมอไปเอากุญแจรถมาเปิดฝากระโปรงขึ้น  อ่ะ.ฮ้า  เหมียวซ่อนตัวอยู่ในนี้เอง แต่จับอยาก ยากมาก และหมอก็ต้องเสียเลือดให้เหมียวไปด้วยอีกคน

อย่านึกว่า เหตุการณ์จะจบแค่นี้  วุ่นกว่าเดิมอีก เพราะเจ้าของเหมียวควบคุมไม่ได้เลย...เหมือนเดิม วิ่งหนีอีกแต่คราวนี้เหมียวหนีเข้ามาในร้าน  ของหล่นหมด ดีที่น้องจ้อย(พุดเดิ้ลสีขาว)..ไม่ทำอะไรเพราะโดนแขวนไว้บนที่สูง(จับนั่งบนกระสอบอาหารหมา)  เหมียวก็แอบอยู่ในซอกเล็กๆ สูงๆ ทำไง ...เจ้าของไม่รู้จะทำอย่างไรดี..สุดท้ายก็เป็น หมอ..ปีนขึ้นไปหิ้วคอแมวตรงหลังคอและไม่ให้แมวไปเกาะอะไรได้เรียกว่า "หิ้วต่องแต่ง" และต้องให้ยืมกรงไปขังแมว เพื่อสังเกตุอาการป่วย 14 วัน ถ้าป่วยภายใน 14 วัน ทุกคนที่โดนข่วนต้องไปฉีดกันพิษสุนัขบ้า


ความคิดเห็นของเหตุการณ์นี้คือ..คิดดี..เป็นผู้ใจบุญ เก็บแมวจรจัดมาเลี้ยง และยังคิดดีต่อว่าควรจะนำมาฉีดยาคุมเพื่อควบคุมประชากรแมว..เป็นผู้ที่คิดดีมาก ..หายากเหมือนกันเพราะโดยทั่วไปจะเพียงให้ข้าวให้น้ำ  ไม่มีใครคิดถึงการฉีดยาคุม,ทำหมันเพื่อควบคุมจำนวนแมวจรจัดเลย..

แต่การกระทำนี่สิ..จะว่าอย่างไรดี..ไม่รู้..คือเจ้าของแมวพูดเองว่า "ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้...แทนที่ทำบุญจะได้บุญ กลับจะได้บาปเสียนี่"  ขอเสริมความคิดเห็นว่า " ขาดความเฉลียว ".. ก็นี่หละที่ว่าบางทีความรู้ไม่ช่วยอะไร..เพราะท่านนี้เป็นอาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่ง..ก็มีคล้ายกรณีนี้เหมือนกัน...เก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงแล้วมีอาการป่วย..พี่เค๊าเป็นชาวสวนปลูกผักปลูกข้าวโพด  นำแมวใส่กระสอบขับมอเตอร์ไซค์มาหาหมอ..และอีกกรณีหนึ่งเจ้าของจับแมวไม่ได้เหมือนกันแต่พี่เค๊าให้คนจับใส่ถุงผ้าที่ใช้กับเครื่องปั่นผ้า  และแมวมันก็ไม่ตื่นตกใจมากหมอก็ฉีดยาได้โดยไม่ต้องเอาแมวออกจากถุงผ้า..(สงสัยต้องซื้อถุงผ้าให้อาจารย์เพื่อช่วยให้อาจารย์ไม่ท้อถอยในการคิดดี..อืม :)

อ้อ..อีกอย่างที่จริงบอกอาจารย์ว่าควรไปฉีดยากันบาดทะยัก..แต่ทำไมนะ..จะพูดกันว่า.."แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก"..ว่าจะเล่าเรื่อง..คนเหยียบหอยเชอรี่แล้วถูกตัดขาจัง..สาเหตุเพราะประมาทนี่แหละ..ว่านิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก...แต่ไม่ได้เล่าเพราะปรึกษาหมอแล้วว่ามันคนละเรื่อง..

เอาล่ะ..มาลุ้นกันว่า..น้องแมวที่ถูกขังสังเกตุอาการจะเป็นไง

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 235791เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2009 19:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อาจารย์มารายงานผลแล้วว่าแมวมันไม่ป่วย

และมันเริ่มเชื่องแล้ว

และขอซื้อกรงที่ยืมไปด้วย

อาจารย์มากับเ พื่อน เล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟัง

อย่างสนุกสนาน และโชว์รอยข่วนจางๆ ที่มือดูด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท