ชาญชัยของบแสนล้าน
ลงเซาส์เทิร์น ซีบอร์ด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 15 มกราคม 2552 16:20
http://www.bangkokbiznews.com/home/news/business/business/2009/01/15/news_7086.php
อุตสาหกรรมชง ครม.เศรษฐกิจเดินหน้า เซาส์เทิร์น ซีบอร์ด ของบ 100,000 ล้านบาท นำร่องโครงการที่นครศรีธรรมราช
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังมอบนโยบายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่า เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐกิจพิจารณาโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือ เซาส์เทิร์น ซีบอร์ด วงเงินลงทุนกว่า100,000 ล้านบาท ในพื้นที่ อ. ท่าศาลา อ.สิชล และ อ. นาบอน จ.นครศรีธรรมราช แบ่งเป็นพัฒนาพื้นที่และท่าเรือ 20,000-30,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการสร้างถนน ไฟฟ้า รถไฟ ประปา และสาธารณูปโภคอื่น เนื่องจากมีความสำคัญต่อภาคการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน
ทั้งนี้ จะหารือร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุม ครม.ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายละเอียดจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เช่น เรื่องสิทธิพิเศษ กรอบเงินลงทุนที่ชัดเจนในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่นๆ ที่รับผิดชอบ โดยจะเน้นโครงการปิโตรเคมีและพลังงานก่อน
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานความคืบหน้าของโครงการลงทุนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่ภาคเอกชนยังเดินแผนต่อไปแม้ภาวะเศรษฐกิจจะชอลอตัว เช่น โครงการลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือน้ำลึกของเอกชน 2 ราย ที่มาบตาพุด วงเงิน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 3,000 ล้านบาทเริ่มก่อสร้างปี 2552-2553 และ บริษัทระยอง เทอร์มินัล จำกัด 4,000 ล้านบาทก่อสร้างปี 2552-2553 นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการ การนิคมแห่งประเทศไทย( กนอ.) กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเลือกจังหวัดนครศรีธรรมราชนำร่องก่อนเพราะผลการศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่ามีความเหมาะมากสุดโดยที่ผ่านมา กนอ.ได้งบประมาณ 15 ล้านบาท ในคัดเลือกพื้นที่ และ การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่คาดว่าคาดว่าจะเสร็จภายในเดือน ก.พ. 2552 โดยโครงการที่ลงทุนจะเป็นปิโตรเคมีและพลังงาน ส่วนโครงการเหล็กต้องรอผลศึกษาอีกครั้งหนึ่งก่อน
สำหรับงานในปี 2552 ของกนอ.ได้ตั้งเป้าการขายพื้นที่ 2,000-2,500 ไร่ ลดลงจากปีก่อนที่มียอด 3,000 ไร่ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ยังมีภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อิเล็กทรอนิกส์ และ ผลิตโรงรถยนต์ ที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงานอีกครั้งหลังจากเดิมที่มีแผนชะชอลงทุนไปก่อน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการสร้างช่วงนี้กว่าจะเสร็จก็เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งสามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้ทันที ขณะเดียวกันได้เห็นชอบผู้ร่วมพัฒนานิคมฯเพื่อขยายพื้นที่เพิ่มเติม 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท ซี.เอ.เอส แอสเซท จำกัด ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สินสาคร จ. สมุทรสาคร พื้นที่ 88 ไร่ , บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ. ชลบุรี เนื้อที่ 373 ไร่ และ บริษัทอีสเทิร์นอินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จ. ระยอง 432 ไร่นอกจากนี้บริษัท304 อินดัสเตรียล ปาร์ค 5 จำกัด ได้ยื่นขอร่วมร่วมจัดตั้งนิคมอุตาหกรรมสุวรรณภูมิ ที่อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 1,183 ไร่ โดยระยะแรกจะพัฒนา 318 ไร่ ใน 5 อุตสหสาหกรรมก่อน เช่น อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและประกอบรถยนต์, เกษตรและผลิตผลจากการเกษตร, บริการและสนับสนุน, รวมถึงอุตสาหกรรมเบา
งานที่ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์ปั้มลม