วิธีสอนแบบแก้ปัญหา
ความหมาย
วิธีสอนแบบแก้ปัญหา เป็นวิธีสอนที่ให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ( Scientific Method ) ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่มีขั้นตอน มีเหตุผล มีการรวบรวมข้อมูล มีการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล ดังนั้น จึงอาจเรียกวิธีสอนแบบนี้ว่า วิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์
ลักษณะเด่น
การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหามีลักษณะเด่น คือ ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติกิจกรรม มีชิ้นงานที่เป็นรูปธรรม ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพื่อน ได้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา และตระหนักรู้ในปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้เรียนได้ฝึกคิดด้วยตนเองและพัฒนาทักษะการคิดของผู้เรียนอย่างเป็นลำดับขั้นตอน โดยผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แนวคิดสำคัญ
การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา มีแนวคิดหลักการจากนักการศึกษาทั้งของไทยและต่างประเทศ ได้แก่
· พระธรรมปิฎก
· บลูม
· เลวิน
· ทอแรนซ์
· ออซูเบล
· เพียเจต์
· บรุนเนอร์
การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา มีแนวคิดสำคัญ คือการนำปัญหามาใช้ใน
กระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนได้เผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์จริงร่วมกันคิดหาทางแก้ไขปัญหา เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย การเรียนรู้แบบแก้ปัญหานี้จะช่วยพัฒนาผู้เรียนในด้านต่างๆ ได้แก่ การฝึกทักษะการสังเกต การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การตีความและสรุปความ การคิดแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน มีเหตุผล ฝึกการทำงานกลุ่ม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์ซึ่งกันและกันระหว่างผู้เรียน โดยผู้เรียนจะเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาการคิดด้านต่างๆ ไปด้วยกัน ได้แก่ ด้านความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การคิดวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า
ความมุ่งหมาย
1. มุ่งทักษะการสังเกต การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ตีความ และสรุป
2. มุ่งทักษะการแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์อันเป็นวิธีที่มีเหตุผลซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการที่ผู้เรียนจะนำวิธีการไปใช้ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวันได้
3. มุ่งฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์พิจารณาเหตุผล และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4. มุ่งฝึกความเชื่อมั่นในตนเอง มีความคิดอิสระ และการทำงานร่วมกับกลุ่มเพื่อน
ขั้นตอนการสอนแบบแก้ปัญหา สรุปได้ดังนี้
1. ขั้นเตรียม
1.1 ครูต้องศึกษาแผนการสอน เนื้อหา จุดประสงค์การสอนอย่างละเอียด
1.2 ครูต้องกำหนดกิจกรรมให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอน
2) ขั้นดำเนินการสอน
2.1 ขั้นกำหนดปัญหา เน้นให้นักเรียนเห็นปัญหาและขอบเขตของปัญหา
2.2 ขั้นตัดสินใจที่จะวางแผนแก้ปัญหา นักเรียนแบ่งกลุ่ม กำหนดวิธีการที่จะค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ
2.3 ขั้นเก็บข้อมูล ลงมือค้นคว้าและเก็บรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นตั้งสมมติฐาน เป็นขั้นวางแนวทางที่จะหาคำตอบของปัญหา นักเรียนจะต้องสมมติฐานว่าปัญหานั้น ๆ จะมีสาเหตุมาจากอะไร หรือวิธีการแก้ปัญหานั้นน่าจะแก้ไขได้โดยวิธีใด
5. ขั้นพิสูจน์ นำเอาสมมติฐานที่ตั้งไว้หลาย ๆ อย่าง มาทดลองพิสูจน์ หรือพิจารณาแบ่งประเภท ตรวจสอบ
6. ขั้นวิเคราะห์ พิจารณาดูว่า ข้อมูลใดมีหลักเกณฑ์ หรือมีหลักที่มีหลักฐานสนับสนุนได้มาก
7. สรุปผล นักเรียนย่อมสามารถสรุปหลักสำคัญ ๆ หรือสามารถประเมินผลวิธีการแก้ปัญหาหรือเลือกวิธีการใดที่ได้ผลดีที่สุดในการแก้ปัญหา
3) ขั้นประเมินผล
ครูประเมินผลการทำงานของนักเรียน
ชี้แจงข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อให้นักเรียนปรับปรุงแก้ไขต่อไป
แผนภูมิ
แสดงขั้นตอนวิธีสอนแบบแก้ปัญหา
ขั้นเตรียม
ขั้นดำเนินการสอน
§ ขั้นตัดสินใจที่จะวางแผนแก้ปัญหา
§ ขั้นเก็บข้อมูล นักเรียน
ขั้นประเมินผล
ครู
(ที่มา : สำนักงานทดสอบทางการศึกษา กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ “การสอนที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” )
บทบาทของครูผู้สอน
บทบาทของผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา มีดังนี้
· กำหนดสถานการณ์หรือเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นจริงซึ่งเป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน เลือกปัญหาที่ตรงกับความสนใจของผู้เรียน เป็นปัญหาที่ใกล้ตัวผู้เรียน
· รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ ภายในและภายนอกห้องเรียน
· กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอน
· ให้คำแนะนำ / คำปรึกษา และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้เรียนในการแสวงหาแหล่งข้อมูล การศึกษาข้อมูล การศึกษาข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียน
· กระตุ้นให้ผู้เรียนแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหาที่หลากหลายและเหมาะสม
· ติดตามการปฏิบัติงานของผู้เรียนและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
· ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยพิจารณาจากผลงานกระบวนการทำงาน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
· สร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ผู้เรียนกล้าแสดงออกด้านความคิดเห็นและแสดงออกด้านการกระทำที่เหมาะสม
บทบาทของผู้เรียน
บทบาทของผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหามีดังนี้
· ร่วมกันเลือกปัญหาที่ตรงกับความสนใจของตนเองหรือของกลุ่ม
· เผชิญกับสถานการณ์ปัญหาจริงๆหรือสถานการณ์ที่ผู้สอนจัดให้
· วางแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน
· ศึกษาค้นคว้าและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
· ลงมือแก้ปัญหารวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูล สรุปและประเมินผล
ข้อดีของวิธีสอนแบบแก้ปัญหา
1. ผู้เรียนได้ฝึกวิธีแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล ฝึกการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจ
2. ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ
3. เป็นการฝีกทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มและฝึกความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย
4. ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากการฝึกแก้ปัญหา จะมีประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตจริงทั้งในปัจจุบันและอนาคต
5. เป็นการสอนเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ครูจะมีบทบาทน้อยลง
ข้อจำกัดของวิธีสอนแบบแก้ปัญหา
1. ผู้เรียนต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ถ้าผิดไปจะทำให้ผลสรุปที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
2. ผู้เรียนต้องมีทักษะในการค้นคว้าหาข้อมูลจึงจะสรุปผลการแก้ปัญหาได้ดี
3. ถ้าผู้เรียนกำหนดปัญหาไม่ดี หรือไม่คุ้นเคยกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จะทำให้ผลการเรียนการสอนไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
ข้อเสนอแนะในการใช้วิธีสอนแบบใช้กระบวนการแก้ปัญหา
1. ครูควรทำความเข้าใจในปัญหา และมีข้อมูลเพียงพอ
2. การวางแผนแก้ปัญหา ควรใช้หลากหลายวิธีการ และแยกแยะปัญหาออกมาเป็นส่วนย่อยๆเพื่อสะดวกต่อการลำดับขั้น
การประยุกต์ใช้
การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา นี้ใช้ได้กับทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ แต่ครูผู้สอนต้องศึกษาและหาวิธีการที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนร่วมคิดวิเคราะห์ประเด็นปัญหาและคิดหาแนวทางแก้ปัญหานั้นๆด้วยวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ด้านทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
บรรณานุกรม
ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตร์การสอน.กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
กลุ่มส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา.(2550).การจัดการเรียนรู้แบบ
กระบวนแก้ปัญหา.กรุงเทพมหานคร:ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
“ผลการใช้วิธีสอนแบบแก้ปัญหาโดยเน้นการจัดการชั้นเรียน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชา
ศิลปศึกษาของนิสิตคณะครุศาสตร์”. (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:htt://www.onec.go.th
“กระบวนการแก้ปัญหา”. (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:
http://edu.swu.ac.th/ae/project/ed322/principles%20of%20teaching/oldweb/P8.5.htm
ขอมูลละเอียดดี ขออนุญาตนำไปศึกษาเรียนรู้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ