ในการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน จะต้องได้รับความร่วมมือกับ นักคอมพิวเตอร์ นักการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญของสาขาวิชาที่จะสร้างบทเรียน โดยประชุมตกลง ในรายละเอียดของเนื้อหาที่จะใช้สอนแล้วดำเนินการสร้างตามขั้นตอนต่อไปนี้ (ครรชิต มาลัยวงศ์, 2538.หน้า 13)
1. วิเคราะห์ความจำเป็นในการสร้างบทเรียน เป้าหมายของบทเรียน และวิธี การสอนที่บรรลุถึงเป้าหมาย
2. ออกแบบบทเรียน โดยคำนึงถึงกิจกรรมบทเรียนต่าง ๆ ว่าต้องมีอะไรบ้าง จึงจะบรรลุเป้าหมายของวิชาที่ได้วางเอาไว้ งานส่วนนี้จะต้องแยกทำเป็นสองส่วน คือ กำหนดกิจกรรมโดยสังเขปก่อนแล้วจึงแบ่งเป็นกิจกรรมย่อย
3. การพัฒนาบทเรียน เป็นการจัดสร้างบทเรียนเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
4. ประเมินผลบทเรียน ในช่วงการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้แล้วก็เป็น การทดสอบบทเรียน โดยใช้กลุ่มนักเรียนทดสอบเพื่อการใช้งานหรือการเรียนของนักเรียนว่า บทเรียนที่ใช้เรียนนั้นใช้งานได้ดี และบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ ถ้าหากใช้งานได้ไม่ดี หรือมีที่ผิดอื่น ๆ ก็จะแก้ไขดัดแปลงต่อไปในอีกช่วงหนึ่ง คือหลังจากการนำบทเรียนไปสอนหรือใช้งานแล้ว บทเรียนนั้นอาจต้องแก้ไขเพิ่มเติมใหม่ได้
5. นำบทเรียนไปใช้งานจริง ระหว่างการใช้งานนั้นครูอาจสรุปผลได้แน่นอนอีกครั้งหรือหลายครั้งว่าบทเรียนที่จัดสร้างขึ้นนั้นสมบูรณ์แล้วหรือยังถ้ายังก็มีการปรับปรุงแก้ไขได้อีก
พิทักษ์ ศิลรัตนา (2531. หน้า 38 – 41) กล่าวว่า ขั้นตอนในการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ว่าสามารถแบ่งได้เป็น 8 ขั้นตอน ดังนี้
1. ระบุเหตุผลว่าเหตุใดจึงเลือกเนื้อหาวิชานั้น และทำไมจึงใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
2. กำหนดวัตถุประสงค์เป็นการกำหนดคุณสมบัติและสิ่งที่คาดหวังจากผู้เรียนทั้งก่อนและหลังการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อให้ผู้เรียนเตรียมตัวทราบจุดมุ่งหมายในการใช้โปรแกรมช่วยสอน
3. ลำดับขั้นตอนในการทำงานเป็นการกำหนดรูปแบบในการทำงานของโปรแกรม ช่วยสอน เพื่อบอกลักษณะและลำดับการทำงานของโปรแกรม ให้ผู้ที่จะนำโปรแกรมไปใช้สามารถ จัดหาอุปกรณ์และสภาพการทำงานในการใช้โปรแกรม
4. สร้างโปรแกรมเป็นการแปลต้นฉบับที่อยู่ในกระดาษเป็นชุดคำสั่งที่คอมพิวเตอร์เข้าใจโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง
5. ทดสอบการทำงานคือการนำโปรแกรมที่สร้างมาทดสอบการทำงานของโปรแกรมและหาข้อบกพร่อง เพื่อนำข้อมูลต่าง ๆ มาปรับปรุงแก้ไขต้นฉบับและตัวโปรแกรม
6. ปรับปรุงแก้ไขเมื่อทราบข้อบกพร่องแล้วก็จะปรับปรุงแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็น
ที่น่าพอใจของผู้ออกแบบคือนักการศึกษาจึงจะนำไปใช้งาน
7. ประยุกต์ใช้ในห้องเรียน คือการนำโปรแกรมช่วยสอนไปใช้ในการเรียนการสอนโดยเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
8. ประเมินผลเพื่อสรุปว่าโปรแกรมที่สร้างขึ้นนั้น สมควรนำไปใช้ในการเรียน การสอนหรือไม่
ขั้นที่ 1,2 และ 3 เป็นการกำหนดคุณลักษณะของรูปแบบของโปรแกรมช่วยสอน จัดเป็นงานของนักการศึกษาหรือนักวิชาการที่มีความรอบรู้ในเนื้อหาวิชาที่จะสอน ตลอดจน หลักจิตวิทยา การศึกษา ทฤษฎีการศึกษา วิธีการสอนและการประเมินผลทางการศึกษา
ขั้นที่ 4,5 และ 6 เป็นการสร้างแบบทดสอบและปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมช่วยสอน เป็นงานของผู้เชี่ยวชาญเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้โปรแกรมมีประสิทธิภาพในการนำไปใช้
ขั้นที่ 7 และ 8 เป็นการประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งจะเป็นการประสานงานระหว่างนักการศึกษากับนักคอมพิวเตอร์ เพราะมีการเกี่ยวข้องในการออกแบบในการสร้างโปรแกรม
ขั้นตอนที่ 8 เป็นการประเมินขั้นสุดท้ายที่จะตัดสินใจว่าโปรแกรมช่วยสอน ที่จะพัฒนาขึ้นนี้ มีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการเรียนการสอนหรือไม่
ไพโรจน์ ตีรณธนกุล (2538. หน้า 74) ได้กล่าวถึงวิธีการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอนไว้ว่าการสร้างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะต้องได้รับความร่วมมือจากนักคอมพิวเตอร์
นักการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญของสาขาวิชาที่จะสร้างบทเรียน ดังนี้
(ทักษิณา สวนานนท์ 2530 : 221)
เป้าหมายของบทเรียน |
วัตถุประสงค์ของรายวิชา |
เนื้อหา |
วิเคราะห์เนื้อหา |
ประเมินผล |
สอบ<span style="font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-font-family: 'Angsana New'; mso-hansi-font-family: CordiaUPC; m |
ขอบคุณที่ให้ความรู้เรื่องนี้ เพราะกำลังทำเรื่องนี้พอดี