สองสัปดาห์ที่ผ่านมา...ผมแบ่งเวลาช่วยเหลือให้คำปรึกษาหลายงานเกี่ยวกับการฝึกเด็กออทิสติก
งานแรก คือ การติดตามผลแบ่งกลุ่มเด็กออทิสติกที่สนใจเข้าร่วมโครงการอาชาบำบัด ซึ่งผมให้คำปรึกษาในการสร้างแบบประเมินทักษะความสามารถ ตามโมเดล Domain & Process ของวิชาชีพกิจกรรมบำบัด และใช้หลักการ Program Evaluation ในการสร้างโปรแกรมให้มีระดับที่แตกต่างกันตามความสามารถของเด็กที่ประเมินในครั้งแรก ครั้งที่หก และครั้งที่สิบสองของโปรแกรมที่ผ่านมา 4 รุ่น ตอนนี้ทีมงานอาชาบำบัด กรมทหารม้า จ.นครปฐม น่าจะเป็นต้นแบบที่ดีครับ
งานที่สอง คือ การได้รับเชิญไปเป็นประธานและวิทยากรให้ครูและผู้ปกครอง ณ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จ. ปราจีนบุรี งานนี้รู้สึกผู้ฟังตั้งความหวังไว้กับ ดร. ป๊อป จนต้องสร้างแนวการจัดกิจกรรมเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติบนพื้นฐานความรู้และศักยภาพของผู้ฟัง ได้แก่ ให้คิดและจัดกลุ่มสร้างกิจกรรมการฝึก ระดมความคิดวิเคราะห์ขั้นตอนการฝึกจาก 5 จนถึง 10 หัวข้อ สาธิตและนำเสนอวิธีการฝึก (มีการสมมติสมาชิกกลุ่มเป็นเด็กออทิสติกและผู้ฝึก) แต่ละกลุ่มทำได้ดีแต่ต้องปรับกระบวนทัศน์ให้ทราบถึงการใช้เทคนิคกิจกรรมบำบัดเบื้องต้นในการสอนทักษะชีวิตให้ตรงกับปัญหาและความสามารถของเด็กออทิสติก
งานที่สาม คือ การสังเกตการณ์นักกิจกรรมบำบัดเด็กของคลินิกที่คณะฯ และการพูดคุยผลการประเมินการทำงานและทักษะการให้เหตุผลทางคลินิกของทีมงานสถาบันไพดี้ พบว่า การฝึกฝนผู้บำบัดให้แสดงบทบาทให้ตรงตามกรอบความคิดที่ชัดเจนและมีระบบยังคงใช้เวลานานมากกว่า 1 ปี กว่าจะทำให้ผู้บำบัดมีประสบการณ์ในระดับ 100% Competency & Expert ดังนั้นการให้ความรู้ผู้ปกครองและครูจึงเป็นหัวข้อหนึ่งในการฝึกฝนบทบาทนักวิชาชีพเหล่านี้
งานที่สี่ คือ ผมให้คำแนะนำหลังพูดคุยกับอาจารย์กิจกรรมบำบัดที่ต้องการให้เด็กออทิสติกได้รับการฝึกจากผู้ปกครองในสิ่งแวดล้อมจริง แต่ไม่แน่ใจว่าจะวัดผลเชิงปริมาณได้อย่างไร และผมยังได้คุยกับคุณหมอท่านหนึ่งที่ต้องการคำยืนยันทางวิชาการถึงการฝึกสมองส่วนพัฒนาระบบการรับรู้และเคลื่อนไหวที่มีกิจกรรมและเครื่องมือที่ผู้ปกครองสามารถกระตุ้นได้เองที่บ้าน ผมแนะนำให้เข้าใจกิจกรรมบำบัดที่พัฒนาเป็นวิทยาศาสตร์ของการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต ซึ่งสามารถประเมินข้อมูลเชิงคุณภาพจากการบันทึกเวลา ความเร็ว ประเภทการทำกิจกรรม การบันทึกความสามารถและปัญหาขณะทำกิจกรรม การบันทึกระดับความสนใจของเด็กขณะทำกิจกรรม และการประเมินระบบการรับความรู้สึกในหลายหลักการ และเราสามารถอาศัยหลักการทำกิจกรรมและฝึกทักษะการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมในสิ่งแวดล้อมจริง บูรณาการพร้อมการกระตุ้นองค์ประกอบต่างๆในการทำกิจกรรม ทั้งนี้ระบบการรับรู้และเคลื่อนไหวเป็นเพียงสื่อการรักษาหนึ่งเท่านั้น
งานที่ห้า คือ ผมค้นเอกสารวิชาการส่วนหนึ่งให้ครูการศึกษาพิเศษท่านหนึ่งที่ต้องการทำวิจัยผลของการลดพฤติกรรมการกระตุ้นตนเองด้วยการออกกำลังกาย ซึ่งต่างประเทศได้ทำการวิจัยอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1982 ก็น่าสนใจว่างานวิจัยของคุณครูท่านนี้น่าจะได้พบข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับเด็กออทิสติกไทย
จากงานทั้งห้ารูปแบบที่ผมเข้าไปให้คำปรึกษา ได้อธิบายสอดคล้องกับสาระจากการทบทวนเอกสารอ้างอิงข้างล่างนี้และต่อยอดสรุปเป็นประเด็นต่อไป
Kientz M.A., Dunn W. A comparison of the performance of children with and without autism on the sensory profile. AJOT1997;51(7):530-7.
Prizant B.M., Rubin E. Contemporary issues in interventions for autism spectrum disorders: A commentary. JASH 1999;24(3):199-208.
Roger SJ. Interventions that facilitate socialization in children with autism. JADD 2000;30(5):399-409.
มาเรียนรู้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับและส่งความสุขแด่ Krutoi ครับ
ขอบคุณครับและส่งความสุขแด่ครูปูครับ