ศิลปะคือความงามในดวงจิต คือนิมิตแห่งวิญญาณทุกแห่งหน
คือสิ่งช่วยหล่อหลอมจิตใจคน ที่ดิ้นรนในกาลไม่หยุดเอย
.....
ชนชาติใดฤๅไร้ซึ่งศิลปะ หาจะมีไม่ ศิลปะเปรียบดั่งเบ้าหลอมจิตใจ ให้อ่อนโยนและเป็นหนึ่งเดียวกับความฝัน แม้ผู้คนมากมายต่างไขว่คว้า ค้นและวิ่งตามความสำเร็จ ในสังคมที่เปลี่ยนไปทุกวัน ตามโลกาภิวัตน์ แต่ความอ่อนโยนแห่งศิลปะก็ยังคงแทรกซึมอยู่ในสังคม ทุกยุคทุกสมัย
ว่าด้วยเรื่องศิลปะในแง่มุมของฉัน มันคือความงามที่หาใดเปรียบ มันคือมิติแห่งฝันที่สรรสร้างด้วยความเป็นจริง มันหาใช่สิ่งหลอกลวงไม่ ศิลปะคือความจริงใจที่สื่อออกมาโดยไม่เสแสร้งและแกล้งทำ แต่เราทำมันด้วยใจและสื่อมันออกมาด้วยใจ บางครั้งศิลปะเป็นดั่งยารักษาจิตใจที่หมองหม่นให้เข้มแข็ง ให้มีเรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อไป ศิลปะไม่ใช่สิ่งที่ตีค่าด้วยเงินทอง แต่มันมีความเป็นเอกในตัวเอง ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ แล้วจะทำมันขึ้นมาได้ แต่ต้องเพ่งพินิจพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ด้วยใจที่รักในความงาม และความงดงามนั้นก็จะสื่อออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง
ในนาทีวิกฤติของชีวิตที่รีบเร่ง ท่านมองเห็นสิ่งใดที่เป็นความงาม ท้องฟ้า หรือสายลม แสงแดด หรือรุ้งงามหลังฝนซา มันล้วนแต่เป็นคำถามว่า เหตุใดท่านจึงคิดว่ามันงดงาม มันเกิดจากใจของท่านที่ใส่ใจในรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ศิลปะก็มีกระบวนการคิดที่อาจจะดูแตกต่างจากวิทยาศาสตร์ที่คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผล แต่หากมองในองค์รวมจะพบว่า มันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกันเพียงนิดเดียวเอง ศิลปะก็มีตรรกกะทางความคิดไม่ต่างจากวิทยาศาสตร์ เช่น วิทยาศาสตร์ อาจมองว่า เหตุใดวัตถุจึงตกลงสู่พื้น ก็มองหาเหตุผลว่าทำไม และท้ายที่สุดก็ได้คำตอบมา นั่นคือคือแรงดึงดูดของโลก ซึ่งทำให้วัตถุตกลงจากที่สูง ศิลปะก็ไม่ต่างกัน ท่านอาจอยากจะวาดภาพท้องฟ้าราตรีที่งดงาม ท่านก็ต้องมองหาว่า สิ่งใดที่ท่านมองเห็นว่ามันงดงาม แล้วท่านก็เตรียมเฟรม ผ้าใบ และสีน้ำมัน วาดในสิ่งที่ท่านคิดว่างดงามลงไป และแต่งเติมมันด้วยจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของท่าน ศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ จึงล้วนแล้วแต่เป็นความคิดที่เป็นระบบทั้งนั้น
ในห้องจัดแสดงดิสเพลย์ ที่โออ่ากว้างขวาง มีภาพวาดต่างๆจัดแสดงอยู่ในมุมหรือตามกำแพงในแต่ละจุด ท่านมองมันอย่างเพ่งพินิจพิจารณา และวิเคราะห์ความงามที่ท่านมองเห็น มันสร้างมุมมองที่หลากหลาย แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละบุคคล แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งเดียวที่ทุกหัวใจเห็นพ้องต้องกัน ก็คือความงดงามที่ได้รับ ผู้ใดมีศิลปะในหัวใจ ผู้นั้นย่อมเห็นความงดงามของชีวิตแล
กล่าวโดยสรุป ศิลปะนั้น คือความงดงามแห่งทุกกาลเวลา ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ศิลปะก็งดงามไม่เปลี่ยนแปลง ขอเพียงแค่ทุกหัวใจมีความสุนทรี มองเห็นความงดงามเมื่อใด ความอ่อนโยนในจิตใจก็จะเกิดขึ้น และช่วยบดบังความเหน็ดเหนื่อย ความท้อแท้ลงได้ ศิลปะช่างวิเศษและไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่ายุคใดสมัยใด
เป็นกำลังจัยหั้ยนะเพ่^O^เขียนต่อๆ555++
สงสัยจังผู้เขียนเป็นวิศวกรหรือเปล่า อิ อิ อิ อิ
มาพบพานใครคนหนึ่งซึ้งใจฝัน
ร่ายรำพันงานศิลป์ถวิลหา
ช่างงามงดปรากฎกายในอุรา
อยากพบพาอักษราภาษากลอน
ขยับนิ้วกดแป้นแทนความคิด
ร้อยประดิษฐ์อาจน้อยด้อยอักษร
จิตจำนงค์จริงใจใฝ่คำพร
มาน้อมกรไมตรีจิตมิตรสัมพันธ์
สวัสดีครับ
มาแวะทักทายต้อนรับสมาชิกใหม่ครับ
ผมเองก็เพิ่งเป็นสมาชิกเมื่อต้นเดือนนี้เองครับ
อ่านเรื่องราวของคุณน่าสนใจมากครับ
มีรสนิยมที่คล้ายกัน
ผมอาจมีคุณค่าน้อยกว่าก็อย่าถือสานะครับ
ใคร่ชวนเชิญไปแวะเยี่ยมชมที่บล็อกผมบ้างครับ
ตอนนี้ผมลงกลอนนี้ครับ
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/231522
………………………………………………
………………………………………………
พ.ศ.ใหม่ไม่เปลี่ยนไปดีใจนัก
สุดที่รักเผยวาจาสัญญามั่น
ขอกุมมือฉันก็เป็นเฉกเช่นกัน
ใจสองเรา จะรักมั่น นิรันดร
สำนวนอื่นก็มีครับ
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/230980
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/231104
http://gotoknow.org/blog/nusuwutg/231321
ช่วยติติงชี้แนะด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ