เมื่อคนเป็นแม่ไม่ได้ทำหน้าที่


เมื่อคนเป็นแม่ไม่ได้ทำหน้าที่

เมื่อคนเป็นแม่ไม่ได้ทำหน้าที่

 

สุรวดี รักดี

 

วันนี้วันเสาร์อยู่บ้านที่ กทม.คนเดียว เนื่องจากในสัปดาห์หน้าจะมีวันหยุดยาว (หยุดวันพ่อ) และสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยดีไม่เหมาะกับการเดินทาง รวมทั้งคุณสามีมีถ่ายทำรายการวันเสาร์คงกลับบ้านดึก เลยเลื่อนเวลากลับต่างจังหวัดไปสัปดาห์หน้า โดยปกติจะพยายามกลับบ้านทุกอาทิตย์เพื่อไปหาน้องรัก

 

ณ รัก เป็นเด็กชายที่เกิดมาจากความรัก และเพื่อให้สัญลักษณ์แทนความรักของทุกคน เราและคุณพ่อน้องจึง ตั้งชื่อว่า ณ รัก เป็นที่ซึ่งรวมความรักของครอบครัวทั้งบ้านคุณพ่อและคุณแม่

 

ความฝันที่จะมีครอบครัวเล็กของเราก็เริ่มต้นนับหนึ่งขึ้นมา   จากวันที่เริ่มต้นชีวิตความเป็น แม่ก็มาพร้อมกับหน้าที่การที่ดีขึ้น ก็หมายถึง การที่เราต้องทำงานอย่างหนัก ภาระหน้าที่นี้ทำให้เราไม่สามารถเลี้ยงลูกได้เองอย่างแน่นอน คงต้องมีผู้ช่วยที่ดี

 

โชคดีที่เรามีครอบครัว มีญาติ มีทั้งคุณตา คุณยายน้องรัก และ คุณทวดไม่ต้องเสียเงินจ้างพี่เลี้ยงเด็กจากศูนย์ฯ และยังมีญาติตัวแรกเล็ก อายุห่างกันไม่กี่ปี จึงตัดสินใจที่จะให้  ณ รัก อยู่กับคุณยายที่ต่างจังหวัดและหวังว่าจะจัดการ เวลา ของตัวเองให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อพาลูกเข้ามาอยู่ด้วยกัน

 

ในช่วงขวบปีแรกของน้องรัก จึงเป็นเวลาที่คุณแม่มีความสุขมากที่ได้ทำงานและมีคนดูแลลูกให้อย่างดี และมั่นใจได้เต็มที่

 

แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น  เมื่อการตัดสินใจครั้งนั้นกลายเป็นสาเหตุ ของปัญหาของน้องรัก คือ น้องรักไม่สามารถสื่อสารได้ตามพัฒนาการ Delay speech กว่าจะสังเกตว่าลูกไม่เหมือนคนอื่นก็ ขวบครึ่งเข้าไปแล้วลูกยังไม่พูดไม่โต้ตอบ เล่นกับคนอื่นไม่เป็น สาเหตุที่คุณหมอบอกหลังจากเช็คร่างกาย สมอง เจาะเลือด ตรวจหู ดูปาน อวัยวะทุกอย่างเกี่ยวกับการเปล่งเสียงแล้วพบว่า น้องไม่มีความผิดปกติในร่างกายแต่อย่างไร

แต่สิ่งที่ทำให้น้องรักเป็นแบบนี้ก็คือ สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูที่ไม่สนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสพูด

 

มีคนถามว่า ไม่คุยกับน้องเหรอ ไม่เปิดเพลงให้น้องฟังเหรอ???

คำตอบก็คือ ทำทุกอย่าง  น้องรักเป็นเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีทั้งตามตำราแพทย์จากคุณยายซึ่งเป็นพยาบาล(สูติฯ) และทั้งทางวิถีพุทธคุณทวดคอยสอนให้รู้จักมีจิตใจโอบอ้อมอารี

น้องรักจึงเป็นเด็กสุขภาพร่างกายดีตามเกณฑ์  แถมน้องรักมีหน้าตาที่ดึงดูดพอสมควร กับนิสัยที่มีความอ่อนน้อมกับทุกคน  ไม่รังแกใคร  ทำให้คนที่เห็น อยากเข้ามาอุ้มมาชวนคุยด้วยเสมอ

แล้วถาม เอ๊ะ?ปัญหามันจะมาจากจุดไหน? ก็ดูมีคุณภาพ ราบรื่นดี

 

ก็ความ ราบรื่น นี่เองที่เป็นบ่อเกิดของปัญหา ทำให้คนรอบตัวไม่สังเกตว่าน้องรักไม่เคยพูดกับใครเลย เมื่อน้องรักอยากได้อะไรก็จะเดินไปหยิบเอง หรือจูงมือผู้ใหญ่ไปหยิบให้ คนในบ้านก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดู...เจ้าตัวน้อยช่างประจบจังเลย

 

เวลาน้องหิวนม น้องก็ไม่เคยร้องไห้งอแง แต่ในขณะเดียวกันน้องก็ไม่ต้องร้อง ขอ ด้วยเช่นกันเพราะทุกคนรู้เวลาว่าต้องกินนมเมื่อไรด้วยความเป็นมืออาชีพ

 

แถมน้องยังชอบอ่านหนังสือการ์ตูน ฟังนิทาน ฟังเพลง และทำเสียง ตะปืด ตรื๊ด ตรื๊ด ประกอบเพลงเสมอ ทุกคนก็เห็นว่าน้องไม่น่าจะมีปัญหาตามที่เคยทราบมาจากหนังสือพัฒนาการต่างๆ แต่หลงลืมไปว่า น้องก็ไม่ได้มีโอกาสพูดจากกิจกรรมเหล่านี้เหมือนกัน และโดยไม่รู้เลยว่าที่น้องรักนั่นเป็นการพูดที่ไม่มีความหมาย เป็นภาษาต่างดาว

 

เด็กหนึ่งคนกับของเล่นจำนวนเท่าหนึ่งเนอสเซอรรี่  ทุกอย่างที่ดีและมีประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กทยอยเข้ามาในบ้านคุณยายจากทุกทิศทุกทาง  ไม่สามารถช่วยให้น้องรักพูดได้

สิ่งที่ขาดไป คือ การรู้จักจังหวะ และเปิดโอกาสให้น้องได้พูดโต้ตอบ

 

เมื่อทราบถึงปัญหาของลูก  ไม่ยากต่อการตัดสินใจ ลาออกเป็นการลงมือเป็นแม่อย่างแท้จริง และใช้เวลาอยู่กับลูกอย่างจริงจัง โดยมีคุณหมอและนักพัฒนาการเด็กเป็นผู้ช่วย ผลก็คือเพียงไม่กี่เดือนน้องรักสามารถทำตามคำสั่ง สื่อสารได้ดีมาก จนคุณหมอให้ทิ้งระยะการเข้าพบได้และก็ให้การบ้านคุณแม่มาฝึก แต่จากนั้นไม่กี่เดือนก็ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้จริงๆ

 

เพราะไม่มีเงินพอ อ๊ะ...ต้องกลับมาทำงานและก็ต้องเข้ากทม. จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทำได้เพียงกลับบ้านหาลูกอย่างน้อยเดือนละ1-2ครั้งเอง

ทุกครั้งที่ส่งลูกเข้านอนตอนหัวค่ำ โดยไม่กล้าจะบอกลุกว่า เดี๋ยวแม่จะกลับไปทำงานแล้ว เพราะตัวเองก็จะร้องไห้ทุกครั้ง และเมื่อนั่งรถกลับเข้า กทม.ตอนเที่ยงคืนของวันอาทิตย์เพื่อให้ทันเช้าวันจันทร์และเข้ามาทำงาน เป็นอย่างนี้มายาวนาน ที่ทุกวันจันทร์ต้องจูนพลังใจให้ตัวเองเต็มแล้ว เอ้า..ลุยๆทำงาน

 

แต่เราไม่เคยรู้เลยว่า ระหว่างนั้นก็ส่งผลรุนแรงกับน้องรัก  คือ น้องรักกลายเป็นเด็กขี้แงร้องไห้เก่ง  เอาแต่ใจไม่ยอมอาบน้ำไปโรงเรียนในเช้าวันจันทร์ เพราะเขาปรับตัวไม่ทัน  เมื่อคืนนอนไปกับแม่แล้วเช้ามาแม่หายไปไหน ตื่นมาไม่เจอแม่แล้ว

น้องรัก        แม่หาย     มื่อน้องรักเริ่มพูดได้

คุณยาย       แม่ไปทำงานงานเดี๋ยวแม่มาหาใหม่

น้องรัก        แม่หายไปแล้ว แล้วก็ร้องไห้กรี๊ดๆไม่ยอมอาบน้ำ

 

ถึงตอนนี้น้องรักจะได้เข้าโรงเรียนการศึกษาพิเศษและคุณครูการศึกษาพิเศษดูแลพัฒนาการจนพูดได้รู้เรื่องแล้ว  แต่เมื่อพูดได้ ก็กลายเป็นเด็กชาย ไม่ น้องรักมักจะปฏิเสธจนติดปากเสมอ ไม่กิน ไม่เอา ออกไป กับคุณยายเสมอ

 

ซึ่งคุณยายเองก็เริ่มไม่ไหวแล้วเพราะน้องรักโตขึ้น ต้องทำกิจกรรมที่จะต้องมีพัฒนาการมากกว่าตอนเล็ก  ซึ่งคุณยายเองก็ยังต้องทำงานบ้าน ดูแลคุณตาที่ต้องกายภาพบำบัด และน้องหมาอีกเกือบ 10 ตัวที่บ้าน

 

ตอกย้ำว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไปเมื่อครั้งนั้น มันช่างสร้างปัญหาให้กับคนที่เรารักรอบตัวมากจริงๆ

ทุกวันนี้ผ่านไป 4 ปีแล้ว เรายังไม่สามารถพาลูกเข้ามาอยู่ด้วยได้อย่างที่หวังและดูไม่ทีท่าว่าจะทำได้โดยสิ้นเชิง ภาระความรับผิดชอบในหน้าที่การงานก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว  และ

ตอนนี้ ความรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เสียทีมันเพิ่มขึ้นทุกวัน ยิ่งนานเข้าความสามารถในการเป็นแม่ที่ดีก็ลดลง ลดลงไป และ คงกลาย......ความ (ไม่) สามารถถาวร

 

วันนี้ได้ทำงานเรื่องเด็กและเยาวชน  ใกล้ชิดกับปัญหาเด็กมากมายที่ต้นตอมาจากความไม่มีเวลาเอาใจใส่ดูแล  รู้ทั้งเหตุและผล และการแก้ปัญหาความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ติดเพียงว่า..เราไม่สามารถลงมือแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองได้เลย

 

ถึงตรงนี้การหยุดงานเพื่อเลี้ยงลูกคงไม่ใช่คำตอบ  แต่ก็ยังคงไม่มีทางออกที่ชัดเจน

หมายเลขบันทึก: 226225เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 15:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

สวัสดีค่ะ

ฟังเรื่องราวแล้วก็เห็นใจค่ะ จะบอกให้ใจเย็นๆ ก็คงจะยาก เพราะเข้าใจว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา แต่ก็อยากให้เชื่อจริงๆค่ะว่าทุกปัญหามีทางออก อ้อเรียนเกี่ยวกับการศึกษาพิเศษน่ะค่ะ แล้วมีอ.ท่านนึงเป็นนักแก้ไขการพูด ท่านเป็นอ.ประจำที่มศว. ภาระรัดตัว แต่ก็เป็นที่เชื่อฝีมือได้ว่าถ้าบำบัดแล้วน้องรักจะต้องดีขึ้นแน่ ๆ ค่ะ ถ้าสนใจยังไงลองติดต่ออ้อมาทางอีเมลล์ก็ได้นะคะ ลองปรึกษาอ.ท่านดูก็ได้ค่ะ

สู้ๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่คะ อยากให้มีสติ ค่อยๆคิด ตัวดิฉันเองกับสามมี ก็มีปัญหานี้เหมือนกัน แรกๆ เราเองก็มีคนที่ต้องทำงานหาเงิน คนเดียว การเงินลำบากมากคะ

สามีตกงาน เกือบ 10ปี แน่นอน สามีต้องเป็นคนดูแล ลูก 2 คน ตัวดิฉันทำงานกว่าจะเข้าบ้านได้ เกือบ 4 ทุ่ม เคยทะเลาะกันเพราะการเงินไม่เพียงพอ ลูกก็เบื่อที่จะต้องฟังพ่อแม่ทะเลาะกัน บางครั้งก็ต่างคนต่างเงียบ ไม่ทะเลาะ ไม่คุยกัน รวมเดือน จนลูกบอกกับแม่ว่าไม่ชอบเลย เราเองก็อธิบาย ( ระบาย ความทุกข์ของเราด้านเดียว) ให้ลูกฟัง ลูกก็ได้แต่เงียบๆ คงไม่เข้าใจผู้ใหญ่เท่าไร

แต่ตอนนี้สามีมีงานทำแล้ว เป็นงานจ๊อบๆไป ไม่ใช่งานถาวร ก็ช่วยฐานะทางการเงินได้มากขึ้น เขาเองก็รู้สึกมีศักดิ์ศรี มากขึ้นคะ

ลูกก็โตพอเข้าใจปํญหาของเรา ทางบ้านต้องประหยัด เพื่อเราทุกคน

ดิฉันอาศัยที่ว่า เมื่อมีปํญหาจะเล่าให้ลูกฟัง ทุกด้าน การงาน การเงิน ตลอด ลูกไม่ค่อยจะตื้อว่าอยากได้อะไรมากนัก ในขณะนั้น ไม่รู้ว่ากลัวแม่เอ็ดเอามากกว่า เพราะไม่ค่อยซื้อให้สักเท่าไร

ดิฉันว่า คุณลองคุยกับลูกดูดีไหมคะ เด็กบางครั้งก็ฉลาดก่าที่เราคิด รับรู้ความทุกข์ของพ่อแม่ได้เหมือนกัน อาจไม่เข้าใจ แต่รับรู้ และพร้อมจะฟังพ่อแม่ตลอด อาจมีความคิดแบบเด็กๆ แต่เขาก็รักแม่คะ อธิบายให้แกฟัง แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าคาดหวังผลมากนัก กลับมาเยี่ยมแก ก็มีเรื่องเล่าสนุกบ้าง เรื่องงานบ้าง ใช้ศัพท์ง่ายๆ นะคะ

คุณครูอ้อคะ

ขอบพระคุณมากๆเลยนะคะ

แวะมาเติมกำลังใจให้นะเพี่อน...

เปิดทางให้คนมีประสบการณ์เขาให้คำแนะนำกันดีกว่า ^_^

ภคพร ขอเก็บกำลังใจและคำแนะนำของคุณภคพรไว้ด้วยความยินดีอย่างยิ่งค่ะ

จะลองพูดคุบกับลูกเรื่องชีวิตบ้างคะ

น้องรักอาจเป็นเด็กอบอุ่นขึ้นก้ได้

สวัสดีค่ะ เข้าใจความรู้สึกมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ .. ความรักทำให้สามารถชนะอุปสรรคทุกสิ่งค่ะ โดยเฉพาะความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ นับถือความรักที่บริสุทธิ์ค่ะ

ขอบใจเพื่อนแนท..ว่าแต่ไปคอมเม้นท์เรื่องไมโครซอฟท์ให้ทีจิ

paula ที่ปรึกษา~natadee

ยินดีรับกำลังใจและขอบคุณกำลังใจ เขียนไปด้วยความเชื่อเช่นกันว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านมาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจนะคะ

ความรักของแม่คือยาวิเศษนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของคุณladygeniusทุกคนนะคะ

  • สวัสดีครับคุณladygenius
  • เป็นกำลังใจให้คุณแม่นะครับ
  • คงต้องใช้เวลา เพื่อการปรับตัวทั้งเจ้าตัวน้อย และคนที่เป็นคุณแม่
  • หากเมื่อทั้งสองฝ่ายปรับตัวได้ในจุดที่เหมาะสม ผมคิดว่าก็น่าจะเกิดประโยชน์กับทั้งคุณแม่และเจ้าตัวน้อยครับ
  • ใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆ แก้ไขไป....

อี๋คะ

อ่านบันทึกที่อี๋เขียนถึงน้อง ณ รัก ทีไร พี่ถึงเชื่อว่าน้องเป็นแม่แล้วจริงๆ

บางทีเราก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าสิ่งที่เราทำดีที่สุดในวันนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ หรือเปล่า

แต่เราก็ยังคงจะต้องตั้งใจทำวันนี้ให้ดีที่สุดต่อไป

แม้พี่จะไม่เคยเป็นแม่...แต่ก็เคยเป็นลูก

และพี่เชื่อว่าความรู้สึกของเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก...

วัยเด็กของเขาจะผ่านไป และในวันหนึ่งเขาจะหยุดร่ำร้องหาแม่

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็จะทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำ

พี่มักบอกคนคนหนึ่งเสมอว่า ถ้าจะทำอะไรให้ใครแล้วมีค่าต่อคนคนนั้นจริงๆ

ก็ควรทำในเวลาที่เขาต้องการค่ะ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอี๋จะตัดสินใจอย่างไร พี่ก็เป็นกำลังใจให้นะคะ

  • คุณ add ขอบคุณมากค่ะ ขอให้มีความสุขในชีวิตเช่นกันคะ
  • คุณ liverbird ยินดีน้อมรับทุกกำลังใจค่ะ

 

  • พี่แจ๋ว อารมณ์ของแม่ออกมาได้เวลาเขียน แต่เวลาพี่เจออี๋..พี่รู้สึกไหมละว่าอี๋มีลูกแล้ว นั่นแหละที่อี๋บอกว่า ยังไม่ได้ทำหน้าที่เลย
  • รู้ไหม ว่าอี๋เกิดมาเต็มที่มากๆมีทั้งพ่อแม่ปุ่ย่าตายายเลย  ก็เลยฝันไว้ว่า ถ้ามีครอบครัวก็อยากมีแบบนี้..แต่ ณ รักไม่มี..เลยไม่รู้ว่าโตขึ้น ณ รักจะเป็นเด็กที่มีความสุขได้ไง
  • อีกอย่างวันพุธจะไปจัดเวทีให้งาน กรุงเทพฯ226 คะ แล้วเจอกันนะคะ

 

ดีใจที่มีคนสนใจงานค่ะ :)

ส่วนชื่ออ้อ อ้อก็ตั้งไปอย่างงั้นแหล่ะค่ะ ด้วยความที่เป็นคนไม่อ่อนหวานเหมือนผู้หญิง

พูดห้าวๆอ่ะค่ะ ^^

พอดีแวะผ่านมาครับ ขอแสดงความเห็นด้วยแล้วกันนะครับ

ถือว่าเป็นคำแนะนำนะครับ

ลองรับลูก มาอยู่ด้วยดูสิครับ ในครั้งแรกอาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะชีวิตมีแต่งาน ไม่มีเวลาว่างให้ลูก จะดูแลอย่างไร โอ้ยปัญหาเยอะแยะ

แต่ถ้าได้ลองดูและค่อยๆแก้ปัญหา พร้อมกับปรับตัวไปพร้อมๆกัน ชีวิตอาจจะมีความสุขขึ้นนะครับ ชีวิตที่แท้จริง ครอบครัวที่แท้จริง ถึงแม้จะมีเวลาให้น้องเค้าได้ไม่มากเท่าที่ควรแต่เมื่อแม่พยายาม ลูกก็จะค่อยๆเข้าใจ และอาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเค้าในทางที่ดีขึ้นก็ได้

เป็นหนึ่งทางที่เสนอให้ทดลองดู เพื่ออนาคตของ "ลูก"

อ่านแล้ว แม่พู่กันนำตาไหลคะ นึกถึงตัวเองที่ติดลูกมากๆๆ แต่น้องทำได้และแข็มแข็งมากเลย พยายามและเป็นกำลังใจให้คะ ในความคิดเห็น คิดว่า น้อง ณ รักคงจะเข้าใจและรับรู้ได้ว่าแม่รักและห่วงเขามาก ตามธรรมชาติของคนนะคะ เราต้องแสดงออกเมื่ออยุ๋กับเขาคะ

สู้คะ

  • คุณ budofox ยินดีคะ ตั้งใจว่าจะรับน้องมาอยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ ตอนนี้กำลังหาข้อมูลโรงเรียนอยู่ค่ะ  ขอบคุณนะคะฟังคำแนะนำแล้ว บางทีมันก็รู้สึกมั่นใจขึ้นอีกนิด
  • คุณ พู่กัน ตอนอี๋เขียนเองก็นั่งร้องไห้เหมือนกัน อย่างที่บอกค่ะวันนี้อยู่คนเดียวค่ะ มันก็เลยเหงามากเป็นพิเศษ
  • ตอนนี้พยายามใช้เวลาที่มีกับน้องรักให้มีคุณภาพมากที่สุดค่ะ มีน้อยก็ใช้ให้คุ้มค่า อิอิอิ
  • มาบอกว่า
  • กำลังใจ ความอบอุ่นของแม่จะช่วยลูกได้ครับ
  • สู้ๆๆครับ

 

คุณแม่คนเก่งค่ะ

แวะมาเป็นกำลังใจให้ค่ะ หนทางนั้นมีทางออกเสมอค่ะ สู้ๆ นะคะ คุณแม่คนเก่ง ^_^

  • พี่คิดว่าน้องนะกำลังสับสน
  • แล้วลงโทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้ลูกเป็นอย่างนี้
  • หรือไม่ก็คิดไปข้างหน้าในทางลบอยู่
  • ว่าลูกน้องจะกลายเป็นเด็กพิเศษอย่างถาวร
  • โดยที่มีทางแก้ไขได้น้อยมาก
  • .......
  • ที่จริงได้แวะมาก่อนหน้านี้
  • แล้วแวะมาอีกทีเพื่ออ่านเรื่องราวที่สื่ออีกครั้ง
  • .......
  • ในฐานะที่เคยมีลูก
  • พี่สัมผัสได้ว่าน้องกำลังกลัว
  • และเรื่องที่กลัวมีหลายเรื่อง
  • ทั้งเรื่องของตัวเอง เรื่องครอบครัว งาน ลูก และ คุณแม่
  • .......
  • การที่มีเรื่องราวที่กลัวให้คิดพร้อมกันหลายปม
  • คลี่คลายแล้วมันยุ่งถ้าสติไม่มั่นนะค่ะ
  • .......
  • ลองทำอย่างนี้ดูหน่อยนะค่ะ
  • ไตร่ตรองใคร่ครวญในเรื่องกลัวที่เกี่ยวอยู่
  • ความเกี่ยวก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจเพื่อจัดการ
  • เรื่องกลัวอะไรที่สำคัญให้เรียงลำดับมากไปน้อยดู
  • ......
  • ได้แล้วเลือกลำดับที่น้อยที่สุด มาดูก่อน
  • ว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องกลัวที่สำคัญที่สุดรึไม่
  • ถ้าเกี่ยว ถามตัวเองว่า เกี่ยวอะไร เป็นคำถามแรก
  • แล้วถามต่อด้วยคำถามที่สองว่าทำไมมันจึงเกี่ยวได้ฤา
  • ได้คำตอบที่สองแล้วถามต่อด้วยคำถามที่สาม "ทำไม" อีก
  • ได้คำตอบที่สามแล้วถามต่อด้วยคำถามที่สี่ "ทำไม" อีก
  • ได้คำตอบที่สี่แล้วถามต่อด้วยคำถามที่ห้า "ทำไม" อีก
  • ได้คำตอบที่ห้าแล้วจดไว้
  • .......
  • ถ้าถามคำถามต้นแล้วได้คำตอบว่าไม่เกี่ยวก็วางเรื่องที่สำคัญที่กลัวน้อยที่สุดเอาไว้ก่อน
  • .......
  • ทำแล้ววนไปที่เรื่องสำคัญที่กลัวรองสุดท้าย ทำซ้ำด้วยวิธีการข้างต้นที่แนะนำไว้
  • สำหรับเรื่องสำคัญที่กลัวอันดับรองที่สอง...สาม...สี่...จากท้าย ก็ให้ทำซ้ำด้วยวิธีการเหมือนกัน
  • .......
  • ลองทำดูนะค่ะ แล้วจะได้คำตอบว่า ที่สับสนและหวั่นไหวจากความกลัวนั้นเป็นเรื่องอะไรแน่ที่กลัว
  • ไม่มีทางออกแน่แท้แล้วรึยังไง
  • ทำแล้วน่าจะได้คำตอบที่ทำให้เข้าใจ..กลัวอะไร...จัดการมันไม่ได้แน่ฤา
  • ........
  • ก่อนจากขอบอกไว้ที่นี้ว่า
  • ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่จะมีพลังยิ่งใหญ่เท่าความรักของแม่
  • ถ้าแม่กลัว ลูกก็กลัวด้วย
  • แล้วแม่กลัว แม่ช่วยลูกไม่ได้เลยด้วยค่ะ
  • ถ้าแม่ช่วยลูกไม่ได้ ใครเล่าช่วย
  • ใคร่ครวญและตั้งสตินะค่ะน้องขา
  • .......
  • เอาใจช่วยให้ผ่านปัญหาไปได้....มีสติก็แก้ปัญหาได้ค่ะ
  • วิธีเริ่มแก้ที่อยากให้ทำ
  • คือ บอกคุณแม่น้องว่าให้กอดหลานทุกๆวัน โดยเฉพาะเวลาน้องเขาไม่สบายใจ
  • ส่วนน้องเองเวลาไปพบลูก
  • ทั้งน้องและสามีกอดลูกนะค่ะ กอดนานๆให้เขาได้รับความอบอุ่น
  • เชื่อไหมว่าช่วยได้มากๆๆเลยค่ะ

มาให้กำลังใจเช่นกันครับ ผมเห็นด้วยกับคุณ budofox นะครับ ถ้าลองรับน้องมาอยู่ด้วยกับคุณแม่สักพักอาจเป็นทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดครับ เพราะสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการได้อยู่ใกล้กับแม่นั่นเองครับ

ผมเองมีคติประจำใจไว้ว่า "ถ้าเราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจครับ" ทำได้แค่ไหนก็คือแค่นั้นครับ

เป็นกำลังใจครับ

คนเป็นพ่อแต่ก็เข้าใจความรู้สึกของความเป็นแม่ ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจครับ

ลองหาทางไป-กลับ  มากกว่าเดิมขึ้นอีกนิด สลับกับพ่อ

หรือพาลูกไป-กลับ ค้างกับพ่อหรือแม่บ้าง

คุยกับลูก เรื่องความจำเป็น ถึงเขาเป็นเด็กเขารับรู้ได้ค่ะ

คุยกับคุณยายหรือคนที่เป็นคนเลี้ยงดูแลแบบเป็นจริง

.....หลาย ๆ อย่างผสมกันไป ตามเงื่อนไขของแต่ละครอบครัว

อย่ากลัวนะคะ...แบบพี่หมอเจ๊ให้ คคห และท่านอื่น ๆ

.....รายละเอียดเราคงตัดสินใจและจัดการได้แน่ ๆ ค่ะ

เพราะ..ณ รัก...อุปสรรคอื่น ๆ เรื่องเล็กค่ะ

 

เป็นกำลังใจค่ะ

 

อี๋คะ

พี่แวะมาเติมกำลังใจอีกรอบ ก่อนที่จะพบกันในวัน อังคาร หรือ พุธนี้

กลัวว่าจะยุ่งๆ กับงานจนไม่มีเวลาคุยเรื่องนี้

เพราะจบงานแถลงกรุงเทพฯ226 แล้วพี่มีประชุมต่อค่ะ

วันที่กลับไปหาลูก...กอดน้อง ณ รัก แน่นๆ เอาหัวใจแม่แนบกับหัวใจลูก

แล้วอี๋จะพบคำตอบที่ต้องการ ฟังเสียงหัวใจของคนที่เรารักเขามากที่สุดนะคะ

  • ขจิต ฝอยทอง  ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ
  • มะปรางเปรี้ยว  คูณน้องใจดีจริงๆนะนี่
  • หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ  ต้องขอบพระคุณทั้งกำลังและคำแนะนำ ที่ช่วยจัดระบบสมองน้องมากเลยคะ..แต่ต้องค่อยๆทำ อิอิอิ
  • ธวัชชัย ปิยะวัฒน์  อาจารย์คะ ดีใจมากเลยที่อาจารย์แวะมาอ่านบันทึกอี๋  สำหรับเรื่องคำแนะนำคงต้องทำในเร็ววันค่ะ
  • เบดูอิน  ขอบคุณคุณพ่อใจดีค่ะ
  • ภูสุภา จะทดลองค่ะ ขอบพระคุณมากๆเลย
  • jaewjingjing ฮ่าฮ่า กอดน้องรักเดี๋ยวติดมือกลับมาด้วย อิอิอิ
  • น้อง ณ รัก นะโกรธตัวเองอยู๋นะค่ะ
  • ที่ไม่สามารถรั้งพ่อหรือแม่ให้อยู่ใกล้ได้
  • แม้ตัวเล็กแต่เขามีสัญชาตญาณ
  • ที่รู้ว่าตัวเขาเองมีพลัง
  • พลังโกรธที่เกิดกับตัวเอง
  • สามารถทำให้มลายหายไปได้
  • ถ้าเพียงแต่แม่ที่รักคอยโอบอุ้ม
  • รับพลังที่ทำร้ายใจเขาระบายมา
  • ระบายผ่านอ้อมกอดของแม่แหละค่ะ
  • เชื่อjaewjingjing เถอะค่ะ
  • กลับไปแล้วให้กอดลูกแน่นๆ
  • เวลาที่จะกลับมาทำงาน
  • บอกลูกให้เข้าใจอย่าหนีมา
  • กอดลูกให้บ่อยๆลูกรู้ว่า
  • ตัวเขานั้นมีค่ากับแม่อยู่
  • แม่ทำงานบอกให้รู้เขาจะรับรู้
  • และจะยอมให้แม่จากมาได้
  • พร้อมทั้งเชื่อในสัญญาว่าแม่จะกลับ
  • ไม่ไปรับให้ขวัญเสียโกรธตัวเอง
  • ........
  • ถ้าไม่กอดนะจะกู่ลูกกลับไม่ได้ค่ะ
  • ขอให้เชื่อเถิดนะน้องเอ๋ย
  • นี่ของจริงนะจะบอกแม่เอย
  • อย่าว่าเชยนี่แหละเทคนิคที่ทันกาล
  • ........
  • ลองนึกดูว่าตัวเองตอนเป็นเด็ก
  • เคยอยากให้พ่อแม่กอดมากไหมหนา
  • เวลาพ่อแม่กอดเป็นอย่างไร
  • ลูกน้อยนั้นเขาก็เป็นเช่นอย่างเรา
  • .......
  • แวะมาอีกทีเพื่อขอร้องให้ลองเพื่อลูกค่ะ
  • ......
  • ขอบคุณค่ะ

พี่อี๋คะ

ตามพี่หมอเจ๊มาอีกรอบ อยากให้ลองทำตามคำแนะนำเบื้องต้น ใช้สัมผัสสร้างความรู้สึกดีๆ กลับมาให้น้อง ณ รัก ค่ะ และสร้างความเข้าใจในส่วนของงานที่คุณแม่ต้องรับผิดชอบอย่างที่พี่หมอเจ๊แนะนำน่าจะช่วยได้นะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่คนเก่งค่ะ สู้ๆ นะคะ คุณแม่ ^_^

คุณพี่ หมอเจ๊ คะ วันนี้รู้สึกดีแต่เช้าเลย ที่มีคนมาให้กำลังใจ กอดน้องรักทุกครั้งเสมอจ๊ะ...อาจจะต้องพูดเรื่องต้องไปทำงานกับน้องรักดูบ้าง เชื่อคะว่าน้องน่าจะเข้าใจ..ได้ดีเช่นกัน

มะปราง แสนงามของพี่ เติมพลังการทำงานให้พี่ได้ดีจริงๆ

มาให้กำลังใจ นะคะ กอดน้องรัก คุยกับน้องน้องรัก บอกเหตุผล กอด กอด พูดซ้ำๆๆๆๆ สู้ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

* ตามมาจากบันทึกของ. budofox
* และขอเป็นกำลังใจให้สู้ๆ ๆ นะคะ

* ฝากภาพนี้มาช่วยให้คำตอบค่ะ

%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b9%89

มาอีกรอบค่ะ

เข้าใจคุณแม่นะคะ เพราะปกติก็เป็นคนร้องไห้และเซ้นสิทีฟ ง่าย ๆ แต่บางเรื่องก็ไม่ร้องนะคะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวกับลูก

เช่น ครั้งหนึ่ง ลูกโดนประตูรถจี๊บซึ่งหนักแสนหนักหนีบนิ้ว(ก้อย)ของมือ คุณพ่อใจเสียทั้งที่เป็นผู้ชาย พี่เลี้ยงตัวสั่น ลูกร้องไห้จ้า

เมื่อพ่อพาลูกมาถึงแม่ แม่อุ้มและกอด ในใจคิดว่า อย่างไรเสีย มันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องหาทางแก้ไข  ตั้งสติได้เพราะเป็นอาชีพเราด้วย..ยอมรับค่ะ แต่ตกใจ ใจเสียมีแน่นอน

ค่อย ๆ แกะมือลูกดู..เชื่อไหมคะว่า..พ่อ พี่เลี้ยงไม่มีใครกล้าแกะดู..โชคดีที่เพิ่งขับรถออกไปไม่ไกล

แม่แกะดู..ไม่มีกระดูกหัก มีแต่บวมของเนื้อเยื่อ..บุญรักษาจริง ๆ

คงเพราะเขายังเล็กมากด้วยค่ะ..นิ้วจึงเล็กไปด้วย

และประตูรถคันนี้ มี ยางกันขอบกระจกด้วย...โชคดีของลูก

 

เกิดอะไรขึ้น จะอย่างไร ตั้งสติให้ได้(มากครั้งที่สุด)นะคะ

*ตัวเองทำไม่ได้ทุกเรื่อง แต่หัดและพยายามค่ะ* 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท