การใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
หลักการใช้ยาให้ถูกต้อง
หลักการใช้ยาให้ถูกต้อง มี 4 ข้อ ดังนี้
1. ใช้ยาให้ถูกโรค
2. ใช้ยาให้ถูกขนาด
3. ใช้ยาให้ถูกเวลา
4. ใช้ยาให้ถูกทาง
ใช้ยาให้ถูกโรค
มีหลักการใช้ดังนี้
การใช้ยาให้ถูกโรคต้องทราบก่อนว่า อาการที่เป็นมาจากสาเหตุใด เช่นปวดท้อง ก็ต้องรู้ว่าเกิดจากท้องเสีย หรือปวดท้องเพราะอาหารไม่ย่อย เพราะวิธีการรักษาจะต่างกันและต้องให้ยาให้ถูกกับอาการ และการใช้ยาทุกครั้งต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อน
ใช้ยาให้ถูกขนาด
มีหลักการใช้ดังนี้
ปริมาณยาที่ใช้จะมีขนาดแตกต่างกัน เช่น ทารก เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ จะมีขนาดการใช้ยาที่ไม่เท่ากัน
นอกจากนี้คนที่ไตทำงานบกพร่อง คนที่มีโรคประจำตัว คยที่รับประทานยาหลายตัวร่วมกัน อาจต้องมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสมในแต่ละราย และขนาดของยาที่นิยมใช้ดังนี้
1 ช้อนชา เท่ากับ 5 มิลลิตร หรือ 5 ซี.ซี.
1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับ 15 มิลลิตร หรือ 15 ซี.ซี.
1 ช้อนกาแฟ เท่ากับ 2-3 มิลลิตร หรือ 2-3 ซี.ซี.
1 ช้อนแกง เท่ากับ 7.5 มิลลิตร หรือ 7.5 ซี.ซี.
ใช้ยาให้ถูกเวลา
จำนวนครั้งของการทานยาในวันหนึ่งๆจะไม่เท่ากัน และยาบางชนิดรับประทานต่อเนื่อง 5-7 วัน บางครั้งอาจถึง 10 วัน เช่น ยาปฏิชีวนะแก้อักเสบ ถ้าหากรับประทานไม่ครบตามกำหนดอาจทำพให้ดื้อยาเนื่องจากยาไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หมด
เวลาที่รับประทานยา มีดังนี้
รับประทานยาก่อนอาหาร รับประทานยาหลังอาหาร รับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังิหารทันที่รับประทานยาก่อนนอน
รับประทานยาก่อนอาหาร หมายถึง กินยาก่อนอาหาร ควรรับประทานก่อนอาหาร 30 นาที - 1 ชั่วโมงเพราะยาพวกนี้ดูดซึมได้ดีในขณะท้องว่าง ไม่ถูกขัดขวางดดยอาหาร หรือถูกทำลายโดยกรดไฮโดรคลอริก (กรดเกลือ) ในกระเพาะอาหาร
ข้อควรระวังสำหรับยาก่อนอาหาร
ไม่ควรทานยาทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ
รับประทานยาหลังอาหาร หมายถึง กินยาหลังอาหารประมาณ 15 -30 นาที เพราะยาจะถูกดูดซึมได้ดี อาหารไม่รบกวนการดูดซึมอาหาร ยาหลังอาหารส่วนมากเป็นยาที่ทำให้เกิดระคายเคืองกระเพาะอาหาร
รับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที หมายถึงคนไข้ต้องรับประทานยาพร้อมอาหารหรือทันทานข้างเสร็จทันที เนื่องจากเป็นยาที่มีมีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เช่น ยาแอสไพริน
ยาแก้ปวดข้อกระดูก ยาสเตียรอยด์ หากรับประทานท้องว่างจะทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนได้ ดังนั้นจึงต้องกินหลังอาหารทันที หรือดิ่มน้ำตามมากๆเพื่อช่วยให้ยาเจือจางลง
รับประทานยาก่อนนอน ควรรับประทานยาก่อนจริงๆ และในขณะทานยาชนิดนี้ห้ามขับรถเพราะยาให่ง่วงนอนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และรับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอนตอนเย็นเท่านั้นไม่ว่านักเรียนจะนอนกี่ครั้งก็ตาม
*** มียาบางชนิดไม่กำหนดเวลารับประทาน เช่น อะม็อกซีซิลลิน จะกินเวลาใดก็ได้ไม่มีผลต่อการดูดซึมของยา แต่ควรกินยาตามเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 4 ชั่วโม
** รับประทานยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมงและ 3 ชั่วโมง เช่น ยาลดกรด จะทำให้ได้ผลดีที่สุด**
การใช้ยาให้ถูกทาง ยามีรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น ยากิน ยาฉีด ยาเหน็บ จึงจำเป็นต้องใช้ยาให้ถูกทาง เช่น
ยาเม็ดหรือแคปซูล
1. ต้องกลืนยาทั้งเม็ดหรือทั้งแคปซูลพร้อมน้ำ ไม่ควรเคี้ยวเม็ดยาหรือแกะออกจาแคปซูล
*** ถ้าเป็นยาที่เขียนว่าเคี้ยวก่อนกลืน เช่น ยาลดกรด หรือยาขับลมชนิดเม็ด ต้องเค้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนยาพร้อมน้ำ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
2. ห้ามหักแบ่งครึ่งยา เพราะจะทำให้ยาเสียคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ และยาอาจถูกดูดซึมเร็วจนทำให้ได้รับยาเกินขนาด
3. ห้ามนำยาเม็ดมาบดโดยเด็ดขาด
ยาผงชนิดรับประทาน
ยาผงชนิดรับประทานถ้าเป็นชนิดที่ต้องละลายน้ำก่อนต้องละลายน้ำก่อน ห้ามรับประทานผงแห้งแล้วดื่มน้ำตามเพราะจะทำให้ได้ยาไม่ครบขนาด ยาบางอย่างจะพองตัวเมื่อถูกน้อ ทำให้เกิดการอุดตันที่หลอดอาหารได้
ยาครีมหรือเจล
เป็นยาที่ทาผิวหนัง ควรทาบางๆไม่ต้องถูนวด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เช่น ยาแก้ปวดข้อ กล้ามเนื้อ อักเสบชนิดเจลหรือครีม ไม่ต้อถูนวดเพราะการถูนวดจะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
** สำหรับยาที่ระบุให้ถูนวด เช่น ยาหม่อง เคาเตอร์เพน ควรถูนวดเพื่อเร่งการดูดซึมยาให้ออกฤทธิ์ดีขึ้น
ยาอม
เป็นยาที่อมไว้เฉยๆ ไม่ต้องเค้ยว เช่นยาอมใต้ลิ้น ไม่ควรเคี้ยวยา กลืนยา หรือกลืนน้ำลายขณะอมยา
วิธีละลายยาปฏิชีวนะชนิดผงที่ถูกวิธี ทำได้ดังนี้
1. เคาะผงยาในขวดให้ร่วน เพื่อให้ผงยากระจายตัวไม่เกาะกัน เวลาเทน้ำลงไปจะได้ละลายได้ง่าย
2. ใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว หรือน้ำดื่มสะอาดละลายยา ห้ามใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่น
3. เปืดฝาขวดยา เติมน้ำลงในขวดยาประมาณครึ่งขวด ปิดฝาเขย่าขวดให้ผงยาเปียกทั่วและกระจายไม่จับเป็นก้อน
4. เปิดฝาขวดอีกครั้งเติมน้ำลงในขวดยาจนถึงขีดที่กำหนดไว้บนขวดยา
5. ปิดฝาขวดเขย่าให้ยากระจายเข้ากันทันที
6. ก่นรินยา ต้องเขย่าขวดก่อนทุกครั้ง ยาที่ผสมแล้วมีอายุการใช้งานไม่เกิน 7 วัน
7. หากต้องใช้ยามากกว่า 1 ขวด ให้ละลายยาทีละขวด
000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
วิธีการใช้ยาตาอย่างถูกวิธี มีดังนี้
ดวงตาเป็นเนื้อเยื่อที่บอบบางมาก ติดเชื้อได้ง่าย การใช้ยาบริเวณตาจึงต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ ยาที่ใช้กับตา มีทั้ง
ยาหยอดตา ป้ายตาและยาล้างตา ซึ่งแต่ละชนิดมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป
วิธีใช้ยาหยอดตา
วิธีใช้ยาป้ายตา
วิธีใช้ยาล้างตา
วิธีใช้ยาหยอดหูอย่างถูกต้อง
น.ส.กนิษฐา โฮมวงศ์ ม.6/12 ,16
น.ส.สุกฤตา วงศ์ภาคำ ม.6/12 เลขที่ 43
ศึกษาเพิ่มเติมค่ะ
อัจฉรา บุญเรือง
เลขที่ 47 6/12
มาดูแล้วครับ
ดีครับ
ได้ความรุ้มากมาย ครับ
ดีครับดี
นางสาว วิภาดา นาสิงห์ขันธ์
เลขที่ 50 6/12
มาอ่านแล้วค่ะ
นางสาวถาดทอง เพียรชนะ
เลขที่ 22 ม. 6/12
นายไพโรจน์ วรรณพงษ์ เลขที่ 3 ม.6/12
มาอ่าน คับ อาจารย์
น.ส.มณีรัตน์ พละชีวะ
เลขที่ 28 ม.6/12
มาอ่านแล้วนะคะครู
เข้ามาอ่านแล้วนะคะ
อ่านแล้วฉลาดขึ้นครับ
นายสุรวุฒิ ผมอินทร์ 6/11 เลขที่ 9
เกศรินทร์ สิงห์รัมย์ ม.6/12 เลขที่ 52
เนื้อหาเป็นประโยชน์มากครับ
รู้จักวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย มากขึ้น
นายเขื่อนเพชร สุรำไพ เลขที่ 3 ห้อง 6/11
มีประโยชน์มากค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
นางสาวนภารัตน์ โพธิ์สุ เลขที่ ๒๑ ห้อง ม.๖/๑๑
น่าสนใจมากคะ
เป็นประโยชน์มากเลย
นางสาวธารินี อนุเวช เลขที่ 20 ห้อง 6/11
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
นายอรรถพล ศรีคำมุง เลขที่ ๑๓ ห้อง ม.๖/๑๑
เนื้อหาดีมากค่ะคุณครู
อ่านแล้วค่ะ
ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลยค่ะ
เป็นประโยชน์มากคะที่จะสามารถใช้ในชีวิตประจำวัน
นางสาววัชรมน ชัยพงศ์ เลขที่ 29 ห้อง 6/11
ดีค่ะ จะได้ไปทำรายงานวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาคร้า............................................................
อาจารย์ให้ทำงานยากมากอะ เขียนด้วยนะ ห้ามพิมพ์ เซ็ง โคตร อะ ว่า ปะ เรียน แบบ นี้ ไม่ ดี เลย เนาะ
ขอบคุญที่ทำให้การบ้านหนูเสร็จ