ฝนเอย....ทำไมจึงตก


ให้มันท่วมซะตั้งแต่ตอนนั้น ดีกว่ามันมาท่วมให้เจ็บใจเอาตอนนี้

ฉันนั่งนับวันฝนตกมาได้ 5 วันแล้ว นี่เป็นฝนระลอกที่ 3 ของฤดูกาลทำนาปีนี้ วิกฤติน้ำท่วมเพิ่งผ่านไปเมื่อเดือน ก.ย. ว่างเว้นจากฝน 1 เดือนช่วงเดือน ต.ค. ถึงตอนนี้ฝนเริ่มกระหน่ำซ้ำสองอีกแล้ว หากนี่เป็นต้นฤดูกาลทำนา อาจเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ขณะนี้สถานการณ์ดูเหมือนกำลังจะแย่ยิ่งกว่าตอนน้ำท่วมรอบเดือน ก.ย.ซะอีก รอบแรกนั้นใครๆก็ว่าน้ำท่วมข้าวเสียหายไปเยอะพอสมควรแล้ว มรอบนี้ข้าวกำลังสุกเหลือง รอวันเกี่ยวอีกประมาณ 1 อาทิตย์ข้างหน้านี้ แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาทั้งวันทั้งคืน ตกชนิดที่ใบไม้ก็ไม่ยอมโงหัวขึ้นมา หนำซ้ำยังมีน้ำจากเขื่อนแก่งเลิงจาน จ.มหาสารคาม ปล่อยมาสำทับกับน้ำฝนอีก แล้วข้าวที่รอเกี่ยวอยู่ล่ะ จะรอดพ้นน้ำท่วมอีกรอบมั้ย

 พ่อใหญ่ใจแวะมาคุยกับฉันและย่าพันธุ์ที่บ้าน เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจของแก

"ให้มันท่วมให้หมดเกลี้ยงซะตั้งแต่ตอนนั้น (เดือน ก.ย.) ยังดีซะกว่ามันมาท่วมให้เจ็บใจเอาตอนนี้ สิฮอดปากฮอดท้องอยู่แล้วแท้ๆ"

พ่อใหญ่ใจบอกว่าแกโดนเมียด่ามา 2 คืนแล้ว

"เป็นหยังล่ะ คือถูกเมียด่า" ฉันถามแกมหัวเราะ

"จมเหมิดคืน (บ่นทั้งคืน) เรื่องสิบ่ได้ข้าวกิน" พ่อใหญ่ตอบยิ้มๆ

เฮ่อ.....ฉันเข้าใจความรู้สึกของแกดี เพราะฉันเองก็หนักใจไม่แพ้แก ยิ่งเมื่อฝนเทกระหน่ำมาไม่ยั้งติดต่อกันแบบนี้ยิ่งน่ากลัวยิ่งนัก ฉันและพ่อใหญ่ใจจะออกไปดูนาทุกวัน เพื่อดูระดับน้ำที่เขาปล่อยมาจากมหาสารคาม พ่อใหญ่ช่วยไปอุดท่อระบายน้ำให้ฉัน เพื่อป้องกันน้ำแก่งไหลเข้านา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มา 2 สัปดาห์ เราเปิดท่อระยน้ำออกจากนา เพื่อให้น้ำแห้ง จะได้สะดวกเวลาลงเกี่ยวข้าว มาถึงตอนนี้เปิดไว้ไม่ได้แล้วต้องปิดอย่างเดียว น้ำที่ยังไหลออกจากนาไม่หมด เพิ่มระดับขึ้นตรงบริเวณขอบคันนา เพราะฝนเทลงมานั่นเอง  ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ฝนตกคนทำนาอย่างเราก็ "จิตตก" เพราะวิตกกังวลเรื่องน้ำท่วมข้าว นาของชาวนาละแวกเดียวกันกับของฉันนั้น ต้นข้าวล้มนอนราบลงกับพื้นเกือบหมด เพราะเจอแรงลมและแรงฝน หากน้ำมาท่วมมันจะไม่ได้ข้าวเลย หากได้ก็จะเป็นข้าวเน่า หรือดำ หากนำไปสีก็จะหักครึ่งแบบปลายข้าว พ่อใหญ่เล่าประสบการณ์นี้ให้ฟังว่า

"น่ากลัวมันสิเป็นคือตอนปี 43 ฝนแล้งแล้วมาน้ำท่วม 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 ก็มาท่วมช่วงลอยกระทง พ่อใหญ่ยังจำได้ ตอนนั้นพ่อใหญ่กับลูกชายเอากระมังลอยน้ำลงไปในนาไปเกี่ยวข้าวที่จมอยู่ในน้ำ ข้าวมีแต่รวงดำๆ เอาไปตากกว่าจะแห้ง พอสีออกมาข้าวหักเหมือนข้าวปลาย ไปขายที่ไหนเขาก็ไม่เอา "  เฮ่อ....(อีกรอบ)ฟังแล้วก็สะท้อนใจเหลียวมองออกไปนอกบ้านขณะนี้ ข้างนอกมืดมัวไปด้วยม่านฝน นึกถึงนาและต้นข้าวที่กำลังรอเกี่ยว จะรู้สึกแบบที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้มั้ยหนอ....น้ำจากมหาสารคามก็ถูกปล่อยมาเรื่อยๆ น้ำฝนจากบ้านก็ไหลลงมารวมกัน เหมือนเจอศึก 2 ด้าน ก็ไม่ปาน  เสียงฝนตกกระทบหลังคาเหมือนเสียงไชโยโห่ร้องที่มันจะได้กินข้าวใหม่ของเรา เชื่อว่าเวลานี้เสียงฝน เป็นเสียงที่ชาวนาอย่างเราไม่ชอบมากที่สุด และที่อยากเห็นมากที่สุดก็เป็นแสงแดด ใช่.....ฉันก็หวังอย่างนั้น

เช้าวันพรุ่งนี้ฉันชวนป้าไปดูนาด้วยกัน เพื่อดูว่าข้าวพอจะเริ่มเกี่ยวได้บ้างหรือยัง หากพอเริ่มเกี่ยวได้บ้างแล้ว ฉันจะเกณฑ์คนไปเกี่ยวข้าวที่สุกก่อน เพราะหากรอเกี่ยวพร้อมกันหมดฉันกลัวว่า จะไม่ทันได้เกี่ยวข้าว แต่จะได้กู้ซากกระทงและข้าวเน่าแทน.....

 

หมายเลขบันทึก: 221156เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2008 12:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ

* ธรรมชาติก็เป็นเช่นนี้เอง

* ลองสังเกตดูน้ำท่วมเหมือนจะสลับกันไปทุกภาคของประเทศไทย 2 - ปี จะวนกลับมาท่วมให้เสียหาย

* เมื่อก่อนเราทำนาปีได้บ้างเสียบ้างก็พอกินเพราะคนน้อยแต่มีพื้นท่ทำกินมากจึงเดือดร้อนไม่มากเท่าทุกวันนี้

* ข้าวสุกเกี่ยวก่อนดีแล้วค่ะได้บ้างดีกว่าไม่ได้เลย

* แม้ว่าจะต้องทำงานหลายครั้งหลายหนก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสนะคะ

* เป็นกำลังใจให้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท