เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อสังคมไทยเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ... โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็จะมีคนไข้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หนักหนาสาหัสคือ แต่ละท่านจะมาด้วยโรคหลายๆ โรค หูตึงและฟังอะไรไม่ค่อยเข้าใจอีกต่างหาก แถมยังมาด้วยอาการที่ยาช่วยอะไรไม่ค่อยได้ เช่นปวดไปทั้งตัวจากหัวจรดเท้า ฯลฯ
ท่านอาจารย์วิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข ประธานคณะกรรมการอำนวยการงานผู้สูงอายุ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าสังคมทไทยจะเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปี 2554 จะมีสัดส่วนผุ้สูงอายุมากถึงร้อยละ 11
...
ภาพประกอบจากวิกิพีเดีย > [ Wikipedia ]
...
ทุกวันนี้คนไทยมีคนสูงอายุร้อยละ 10 หรือประมาณ 7 ล้านคน ร้อยละ 80 มีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว อีกร้อยละ 25 มีภาวะทุพพลภาพ
เตียงในโรงพยาบาลของรัฐมีคนสูงอายุนอนเฉลี่ยร้อยละ 28 (โปรดสังเกตว่า คนสูงอายุ 10% กินพื้นที่เตียงคนไข้ในมากถึง 28%
...
ภาพประกอบจากวิกิพีเดีย > [ Wikipedia ]
...
ภาพประกอบจากวิกิพีเดีย > [ Wikipedia ]
...
แน่นอนว่า โรคเรื้อรัง เช่น ความดันเลือดสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง(โคเลสเตอรอลสูง) ข้ออักเสบเกาต์(เกาท์) โรคอ้วน อ้วนลงพุง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน หลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตเสื่อมสภาพ ไตวาย ต้อกระจก ต้อหิน ตาบอด(จากอายุมากขึ้น)ฯลฯ จะเพิ่มขึ้น
เรื่องนี้ตามมาด้วยปัญหามากมาย เช่น
...
ทุกวันนี้ระบบประกันสุขภาพไทย ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม หรือสปสช.(สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ) จะเน้นการรักษาพยาบาลมากกว่าการป้องกันโรค ทำให้ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเรื่อย โรงพยาบาลชุมชนส่วนใหญ่มีฐานะการเงินแย่ลงไปเรื่อยๆ
เรื่องที่น่ากลัวสำหรับงานประกันสังคมคือ มีคนที่ไม่ใช่คนงานจริง เป็นโรคไตวายเรื้อรัง แอบไปใช้สิทธิ์ฟอกไตของประกันสังคมมากมาย ผู้เขียนเองเห็นมาแล้วหลายราย ซึ่งถ้าทางประกันสังคมไม่ระวังเรื่องค่าใช้จ่ายสุขภาพให้ดี... ต่อไประบบประกันสังคมอาจจะล้มละลายได้ภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้า(เป็นอย่างช้า)
...
ทุกวันนี้เรามีปัญหาการขาดบุคลากรทางการแพทย์สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้ามีคนสูงอายุเข้ามากดดันระบบสุขภาพมากขึ้น คนที่มีทางเลือกเช่น หมอรุ่นใหม่ ฯลฯ คงจะลาออกไปสู่ภาคเอกชนมากขึ้น เนื่องจากต้องทำงานหนัก และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องมากขึ้นเรื่อยๆ
ชีวิตคนเรา... ถ้าทำดีแล้วเสมอตัว เวลาพลาดก็เสี่ยงถูกฟ้อง สภาพแบบนี้... ถ้าใครมีทางเลือกได้จะแสวงหาทางเลือกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
...
เรามองแต่เรื่องขาดหมอ ทว่า... เรื่องที่ขาดกำลังคนมากๆ คือ พยาบาล โดยเฉพาะพยาบาลเฉพาะทาง หรือพยาบาลที่ผ่านการฝึกอบรมเพิ่มเติม เช่น พยาบาลเวชปฏิบัติ พยาบาลวิสัญญี(ดมยา) พยาบาลห้องผ่าตัด พยาบาลห้องฟอกไต ฯลฯ พยาบาล "เฉพาะทาง (nurse specialist)" แบบนี้เมืองไทยขาดมากๆ เช่นกัน
การมีคนสูงอายุมากขึ้นจะทำให้ความต้องการผู้ช่วยพยาบาล (nurse aids) เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน น่าเสียดายที่สถาบันของรัฐไม่ส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมผู้ช่วยพยาบาลเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่งานสาขานี้จบมาแล้ว มีงานรอให้ทำ ไม่เหมือนการศึกษาสายสังคมที่จบแล้วมีโอกาสว่างงานสูง
...
ช่วงนี้เช่นกัน... สถาบันพระบรมราชชนกในส่วนของวิทยาลัยพยาบาลรับนักศึกษาจาก 3 จังหวัดภาคใต้มาเรียนพยาบาลปริญญาประมาณ 3,000 คนใน 4 ปี เรื่องนี้ดี
ทว่า... ไม่ควรเจาะจงลงไปว่า จะต้องเป็น 3 จังหวัดภาคใต้อย่างเดียว เพราะประเทศไทยยังขาดแคลนพยาบาลปริญญาอีกทุกจังหวัดที่เหลือ น่าจะมีโครงการแบบนี้ต่อเนื่องให้พยาบาลภาครัฐมากพอในทุกส่วน โดยเฉพาะควรเตรียมการให้มีพยาบาลปริญญามากพอที่จะฝึกอบรมต่อไปเป็นพยาบาลเฉพาะทาง คือ พยาบาลเวชปฏิบัติ (ต้องเรียนต่อหลังปริญญา) ไปประจำให้ได้ทุกสถานีอนามัย จึงจะรองรับคนไข้สูงอายุได้มากพอ
...
เมืองไทยเราตั้งเป้าหมายที่จะเป็น "ฮับ (hub)" หรือศูนย์กลางด้านสุขภาพในภูมิภาค แน่นอนว่า ฮับในอนาคตจำเป็นต้องมีบริการการแพทย์เฉพาะทาง (เช่น โรคหัวใจ ฯลฯ) ทันตแพทย์เฉพาะทาง (เช่น การดัดฟัน ฯลฯ) การแพทย์ทางเลือก (เช่น ฝังเข็ม แพทย์แผนไทย ฯลฯ และรองรับโฮมสเตย์ของคนสูงอายุด้วย
บริการเหล่านี้จำเป็นต้องมีพยาบาลเฉพาะทางจำนวนมากรองรับเช่นกัน นอกจากนั้นเมืองไทยยังมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านสุขภาพในอาเซียน เช่น หลักสูตรพยาบาลภาษาอังกฤษ หลักสูตรทันตแพทย์หรือแพทย์ภาษาอังกฤษ หลักสูตรการฝังเข็มภาษาอังกฤษ (หรือจีน) ฯลฯ ซึ่งเราน่าจะหาทางพัฒนาไปควบคู่กัน
...
หลักสูตรพยาบาลนั้น... ถ้าเราพัฒนาหลักสูตรสาธารณสุขและพยาบาล "ข้ามชาติ (transnational curriculums)" บริเวณจังหวัดชายแดน เน้นเรียนภาษาอังกฤษด้วย เรียนภาษาเพื่อนบ้านด้วย เช่น ทำเป็นวิทยาลัยนานาชาติพม่า-ไทย ลาว-ไทย กัมพูชา-ไทย มาเลเซีย-ไทย (ควรใช้ชื่อไทยไว้ข้างหลัง เพื่อให้เกียรติประเทศเพื่อนบ้านหน่อย) ฯลฯ
หลักสูตรแบบนี้ถ้ามีนักศึกษาเพื่อนบ้านมาเรียนร่วมกับนักศึกษาไทย จัดให้นักศึกษาเพื่อนบ้านเรียนภาษาไทย ให้นักศึกษาไทยเรียนภาษาเพื่อนบ้านด้วย แบบนี้จะทำให้เกิดมิตรภาพด้วย เกิดองค์ความรู้ข้ามวัฒนธรรมด้วย ช่วยลดโรคระบาดจากประเทศเพื่อนบ้านได้ และสร้างรายได้เข้าประเทศได้ด้วย เนื่องจากสถาบันการศึกษาภาควิทยาศาสตร์สุขภาพอยู่ที่ไหน เศรษฐกิจตรงนั้นมักจะโตเร็ว
...
เรื่องที่น่าดีใจมากๆ สำหรับสังคมไทยคือ คนไทยยุคใหม่ตื่นตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้น ป้องกันโรคมากขึ้น มีกระแสรณรงค์สุขภาพมากขึ้น เช่น กระบวนการชีวจิต ทีมงานต้านบุหรี่ ฯลฯ โดยเฉพาะกรมอนามัยมีการรณรงค์ต้านโรคอ้วนอย่างต่อเนื่อง
ถ้าเรามุ่งไปทางป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพให้มาก... คนไทยจะแข็งแรง และเมืองไทยมีโอกาสจะก้าวไปสู่ความเป็นชาติที่มีสุขภาพดี (healthy nation) ซึ่งจะทำให้คนไทยแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างมั่นใจต่อไป
...
ที่มา
...
...
...
สวัสดีค่ะคุณหมอ
อนาคตเราก็จะเป็นผู้สูงอายุคนหนึ่ง เราจะเตรียมตัวอย่างไรให้มีคุณภาพ ไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวใครตัวมันแล้ว เพราะทุกคนก็จะต้องประสพภาวะเช่นนี้ทุกคน คุณหมอคงต้องทำงานหนักขึ้น แต่สิ่งที่คุณหมอทุกคนจะได้รับก็คือสิ่งที่คนไข้จะให้หมอได้คือคำอวยพรต่างๆเพื่อให้คุณหมอมีกำลังใจต่อสู้กับการเจ็บไข้ได้ป่วย ผมคนหนึ่งที่ให้กำลังใจคุณหมอทุกๆท่าน
ขอขอบคุณอาจารย์วรางค์ภรณ์...
ขอขอบคุณ... คุณสมเกียรติ
การที่พวกเราตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ... ทำได้แน่นอนครับ
ดีไม่ดี...
เรื่องนี้อาจารย์โรงพยาบาลเอกชนท่านบ่นเหมือนกันคือ
ขอขอบคุณ... คุณ Mr Jod เช่นกันครับ...
เห็นด้วยกับเรื่อง nurse specialist และ aide มากๆค่ะ
แวะมาเยี่ยมชมเรื่องราวดีๆ ค่ะคุณหมอ ^^
หลายท่านก็กำลังตื่นตัวในเรื่องของการดูแลสุขภาพ !
แต่ยังมีอีกเยอะเลยล่ะค่ะ..ที่การศึกษายังเข้าไปไม่ถึง การประชาสัมพันธ์ในเรื่องการดูแลสุขภาพยังไม่ดีพอ และชาวบ้านบางส่วนก็ไม่เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ค่ะ...
เห็นด้วยนะคะกับการพัฒนาหลักสูตรสาธารณสุขและพยาบาล "ข้ามชาติ" ...ดิฉันเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ที่ตึกเด็ก รพร.ธาตุพนม จ.นครพนม ค่ะ(สุดเขตชายแดนไทย) ...มีคนไข้ต่างชาติมารักษาที่นี่เยอะมากเลยค่ะ ที่เจอบ่อยก็คือคนไข้เด็ก ที่ถูกป้อนข้าวมาตั้งแต่แรกเกิด! แล้วก็หายใจหอบมา...และที่เจอบ่อยก็ ไข้เลือดออก แต่มาเมื่อเข้าสู่ระยะ Shock แล้ว..หรือไม่ก็ Load IV มาตั้งแต่ระยะไข้..เห็นแล้วก็รู้สึกหดหู่ บอกไม่ถูกค่ะ ;(( แต่ปัญหาหลักของเค้าก็คือทางด้านเศรษฐกิจ สุดท้ายก็เป็นภาระของทาง รพ. เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย!
และที่นี่ก็มีเด็ก CP (ต่างชาติ)ถูกแม่ทิ้งอยู่ 1คน .. ก็ต้องรับภาระเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ (สงสาร..มนุษย์ด้วยกัน) แต่เป็นภาระของ รพ. !
ที่สำคัญ..ที่เป็นปัญหาของเรา ก็คือขาดแคลนแพทย์ค่ะ ..ไม่มีกุมารแพทย์เลย...
ขอขอบคุณอาจารย์มัทนา...
Nurse specialist ในรูปแบบพยาบาลเวชปฏิบัติมีส่วนช่วยให้ศูนย์แพทย์ชุมชน โรงพยาบาลชุมชน ตลอดจนสถานีอนามัยพัฒนาไปไกลมากๆ และลดความแออัด คับคั่งของโรงพยาบาลได้อย่างมากมายเช่นกัน
ขอขอบคุณ... คุณ Oh-Ho มากๆ ครับ
น่าทึ่งมากๆ ครับ
และถ้ามีวิทยาลัยพยาบาล "ข้ามชาติ (transnational health & nurse college)" ได้...
นอกจากนั้นไทยเรามีแรงงานต่างชาติประมาณ 2 ล้านคน
ตัวอย่างเช่น
ต้องขอโทษด้วยค่ะ คุณหมอ ที่ลืมแนะนำตัว..อิอิ
ที่จริงดิฉันชื่อ โอ๋ ค่ะ แต่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Oh แต่ดิฉันเอามาเขียนเป็นตา การ์ตูน ก็เลยออกมาเป็น (Oh_hO) 55555+
คุณหมอคะ..อันที่จริงดิฉันอยู่ รพร.ธาตุพนม ค่ะ ไม่ใช่ รพ.นครพนม เดิมทีก็มีหมอเด็กอยู่หรอกค่ะ แต่ท่านลาออกไปแล้วค่ะ...ส่วน รพ.ประจำจังหวัดก็มีหมอเด็กนะคะ...
Case ที่อาการหนักหน่อย คุณหมอที่นี่ก็ Refer ซะส่วนใหญ่ค่ะ...มี รพ.นครพนม, รพ.มุกดาหาร , รพ.สกลนคร แต่ถ้าแถวๆนี้เครื่องช่วยหายใจไม่ว่าง ก็ไปถึง รพ.อำนาจเจริญ ไม่ก็ รพ.สรรพสิทธิประสงค์อุบลฯ ค่ะ
ส่วนเรื่องเรียนภาษาเพื่อนบ้าน..ถ้าเป็นคนอีสาน ก็อาจไม่ต้องเรียนค่ะ เพราะภาษาคล้ายๆกัน ฟังพอรู้เรื่อง ;-))
แต่ก็มีบ้าง บางครั้งที่งงๆ.. อย่างเช่น "น้ำเกลือ" คนฝั่งโน้น เรียกว่า "ชะโลม" , "กระดาษชำระ" เค้าก็เรียกกันว่า "กระดาษเช็ดสบ" หรือแปลว่า "กระดาษเช็ดปาก"
ส่วนภาษาอังกฤษ..ตั้งแต่เรียนจบมา ก็แทบไม่ได้ใช้เลยค่ะ คุณหมอ..
นานๆ เจอคนต่างชาติที ต้องใช้เวลาคิดนานหน่อย ;-))
ขอขอบคุณ... คุณ Oh_Ho
ลองเทียบกับลำปางดู...
ไม่จำเป็นต้องให้ฟรี