การพูดชื่นชมเป็นพลังใจผู้ใหญ่ในที่ชุมชน


"...ภาษาของการพูดออกมาจากใจ และรู้กาละเทศะนั้น มีพลังต่อการสื่อจากใจ-ถึงใจ มากกว่าการรู้จักเพียงภาษาพูดและความหมายของถ้อยคำ ซึ่งในปัจจุบัน เป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมาก ที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเองเพื่อทำงานร่วมกันของผู้คน...."

             การพูด  นอกจากมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไปแล้ว  คนทำหน้าที่การงานซึ่งข้องเกี่ยวกับการต้องพูดสื่อสาร  ต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและมีความหมายอย่างยิ่ง 

            ในทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสาขาต่างๆนั้น  จัดว่าเรื่อง ทักษะการพูด เป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาให้กันอย่างเป็นระบบ เป็นเรื่องเป็นราว

             ทว่า การพัฒนาทักษะให้ด้วยรูปแบบต่างๆนั้น ต่อให้ดีและมีประสิทธิภาพเพียงใด  หากขาดเสียซึ่งการเริ่มต้นปฏิบัติด้วยตนเอง และเรียนรู้เอาจากประสบการณ์ตรง ก็ยากจะเกิดความก้าวหน้าในการเป็นสื่อบุคคลที่ดีได้  เพราะองค์ประกอบทางด้านสถานการณ์ และกาละเทศะ  เพื่อทำบทบาทหน้าที่ในการพูดในรูปแบบต่างๆให้เหมาะสมนั้น ต้องใช้ปฏิภาณและวิจารณญาณ ซึ่งต้องสร้างขึ้นอย่างจำเพาะตนผ่านการฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์ตนเอง

            การเป็นผู้ดำเนินรายการการพบปะอย่างไม่เป็นทางการ และการพูดเพื่อแสดงความชื่นชมผู้ใหญ่  ที่ทรงคุณวุฒิและอาวุโสกว่าเรา ในชุมนุมชนและที่สาธารณะ  เป็นรูปแบบและสถานการณ์การพูดดำเนินรายการ ที่ยากที่สุดอย่างหนึ่ง 

           ยิ่งเป็นผู้ใหญ่มากและอยู่ท่ามกลางงานที่มีหมู่คนซึ่งมีตัวมีตนในวงสังคม ก็จะยิ่งยาก เพราะหากไม่พูดให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่ควรจะพูด ก็จะทำให้งานขาดบรรยากาศของการพบปะพูดคุย และขาดพลังการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ประทับไว้ในความจดจำ 

            ยิ่งไปกว่านั้น โดยทั่วไป ผู้หลักผู้ใหญ่ มักมีความเป็นหลักมั่นคงดังแท่งศิลา ผ่านร้อนผ่านหนาว หลุดพ้นเรื่องความน่าชื่นชมยินดีไปแล้ว  ไม่ควรด้วยประการทั้งปวงที่จะกล่าวพูดถึงในเชิงชื่นชม  คนทั่วไปมักเชื่ออย่างนั้น  อีกทั้งมักบอกต่อๆกันว่า เราต้องเป็นฝ่ายรับพลังใจ  พลังความชื่นชม จากผู้ใหญ่มากกว่า

            เมื่อเราเป็นผู้ดำเนินรายการ  หากพูดชื่นชมผู้ใหญ่และผู้ทรงคุณวุฒิไป  จึงยิ่งแทนที่จะเป็นการดี  ก็กลับจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม  อีกทั้งมีความหมายระหว่างถ้อยคำถึงการอวดรู้  เหมือนบังอาจบอกว่า ตนเองมีสายตามองเห็นความกว้างใหญ่  เห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในสายตา

           เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้  จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนลึกซึ้ง และมีความสำคัญ  ซึ่งต้องฝึกฝนทำอย่างแยบคาย

           ผมเคยมีบทเรียนเรื่องนี้มากมาย  แต่ครั้งหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ  การได้มีโอกาสกล่าวชื่นชม  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ณัฐ  ภมรประวัติ  อดีตอธิการบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านการที่ต้องชื่นชม รองศาสตราจารย์สุวงศ์  ศาสตรวาหะ  จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ในขณะที่มาเป็นรองผู้อำนวยการของสถาบันและเกษียณอายุราชการ ที่สถาบันของผม  ตอนนั้นผมเป็นข้าราชการตัวน้อยๆ

           ท่านอาจารญ์ ดร.ณัฐ ในขณะนั้น  อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโครงการศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานแห่งอาซียน ซึ่งต่อมาปรับสถานะเป็นสถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน ที่ผมทำงวานอยู่ในปัจจุบัน  อีกทั้งเป็นอธิการบดีซึ่งท่านอาจารย์สุวงศ์ และพวกเราเคารพรัก  ท่านจึงมาร่วมงานด้วย 

           สำหรับผมแล้ว ท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ โหงวเฮ้งเป็นนักปราชญ์และเป็นผู้นำที่ลุ่มลึก ใบหน้าอูมเหมือนกวนอู ริมฝีปากอิ่มเต็ม  ตาเป็นประกายและนิ่ง เป็นที่เคารพยำเกรงทั้งต่อคนไทย หรือแม้กระทั่งในหมู่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ผมไม่เคยเห็นท่านยิ้ม 

            แต่วันที่จัดเลี้ยงเกษียณให้กับท่านอาจารย์สุวงศ์  ผมก็ได้บทเรียนที่ดีมากอย่างยิ่ง  และมันเกิดขึ้นเองในยามนั้น  ผมได้ชมอาจารย์สุวงศ์ และชมศาสตราจารย์ ดร.ณัฐ

            ช่วงหนึ่งของงาน  ท่านอาจารย์สุวงศ์  ซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานอยู่แล้ว  ทว่า   ท่านยิ่งทำให้ทุกคนในงานประทับใจมากขึ้นไปอีกโดยท่านทำเทปร้องเพลงของท่านมาแจก  เป็นเพลงที่ท่านร้องเองทั้งหมด  เสร็จแล้วก็ขึ้นไปร้องแทนการขอบคุณแขกทุกคนด้วย 

            ผมเป็นพิธีกรคู่ ร่วมกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ทำอย่างไรดีล่ะครับคราวนี้  แขกส่วนใหญ่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้สร้างความประทับใจให้กับทุกคนในงานก็เป็นผู้ใหญ่มาก  ทุกคนต่างกำลังอยู่ในบรรยากาศอัศจรรย์ใจ  จะกล่าวอย่างเป็นทางการแบบท่องมาพูด  ก็อย่าทำเลยดีกว่า  จะพูดชื่นชมให้สอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยการชื่นชมออกจากเราเอง  ก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเช่นกัน   ผมและพิธีกรร่วม  ช่วยกันพูดเหมือนสนทนากันว่าอย่างงี้ครับ

            พอท่านอาจารย์สุวงศ์ท่านร้องเพลงจบ  ผมสองคนก็บอกว่า  ท่านผู้มีเกียรติ และท่านอาจารย์สุวงศ์ครับ เพลงที่ท่านนำมาแจก  และร้องให้ทุกท่านฟังในวันนี้ไพเราะเพียงใด  ฟังจากเสียงปรบมือก็ยังไม่พอครับ 

            "..เมื่อสักครู่  ระหว่างที่ท่านอาจารย์ร้องเพลงนั้น  ผมเห็นท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ ของเรา ชื่นชมมายังอาจารย์ด้วยครับ.." (พอได้ยินพูดถึงท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ ทุกคนทั้งงานเงียบกริบโดยพลัน หายใจไม่ทั่วท้องด้วยแหละผมว่า) 

            "..พวกเราคงทราบดี.." ผมพูดต่อ  "...ท่านอาจารย์ ดร.ณัฐนั้น หากพูดแบบสำนวนจีน ก็ต้องกล่าวว่า ท่านเปรียบเสมือนพญามังกรในห้วงทะเลสาบ เคลื่อนไหวไร้ร่องรอย ไม่ปรากฏแม้เพียงริ้วคลื่นบนผิวน้ำ.."   

           "..ไม่เคยมีอะไรมาทำให้เราสามารถเห็นว่าท่านอาจารย์มีความสุขและชื่นชมสิ่งใดออกมาสู่ภายนอกได้..."

            "..แต่เมื่อสักครู่  ระหว่างที่อาจารย์ร้องเพลง และทุกคนกำลังชื่นมชมอาจารย์นั้น  ผมเห็นท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ นั่งเคาะนิ้ว ฟังเพลงอาจารย์ครับ.."           

           ผมบังเอิญเห็นจริงๆ ไม่ได้พูดออกมาเอง   จึงเป็นเหมือนการขอบารมีท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ  ให้เป็นเครื่องชื่นชมอาจารย์สุวงศ์ทางอ้อม  แม้นเล็กน้อย แต่เรื่องอย่างนี้ก็เป็นกำลังใจและสามารถสร้างความชื่นชูใจให้กับผู้ใหญ่ได้ ทว่า ทำยากครับ 

           ขณะเดียวกัน  ก็ไม่ทำให้เสียความเคารพต่อท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ ซึ่งเป็นที่เคารพยำเกรงของทุกคน

           ท่านอาจารย์สุวงศ์หัวเราะออกมาแบบคาดไม่ถึง พร้อมกับยกมือไหว้ไปทางโต๊ะท่านอาจารย์ ดร.ณัฐ  ทุกคนในงานก็ เฮ  เพราะก็คงคาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีใครบังอาจเล่นมุขนี้ 

          ท่านอาจารย์ ดร.ณัฐนั้น  ก็ยิ้มเบาๆ ซึ่งปรากฏไม่บ่อยเลย ผู้อำนวยการผมตอนนั้น คือ รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม และรองผู้อำนวยการ คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์สมอาจ  วงษ์ขมทอง ก็หัวเราะ  เสร็จสิ้นงานแล้วก็กล่าวขอบใจและพูดให้เป็นกำลังใจแก่พวกผมมากมาย  

           ภาษาของการพูดออกมาจากใจ และรู้กาละเทศะนั้น มีพลังต่อการสื่อจากใจ-ถึงใจ  มากกว่าการรู้จักเพียงภาษาพูดและความหมายของถ้อยคำ  ซึ่งในปัจจุบัน เป็นเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมาก ที่ต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเองเพื่อทำงานร่วมกันของผู้คน.        

หมายเลขบันทึก: 217219เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2008 15:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กันยายน 2013 08:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท