เรื่องที่ ๒๓ เรื่องที่แม่เล่าถึง พระอัจฉริยภาพของในหลวง


อัจฉริยภาพ

เรื่องที่ ๒๓  เรื่องที่แม่เล่าถึง พระอัจฉริยภาพของในหลวง

            นานมาแล้ว..

            แม่ได้เล่าให้ผมฟังถึง  พระราชปฎิภาณในการโต้ตอบของพระมหากษัตริย์ไทยสองพระองค์ที่มีต่อพระมหากษัตริย์ต่างแดน ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้แก่ผมยิ่งนัก

            แม่เล่าว่า...

            เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ได้รับพระราชสาส์นจากพระเจ้าแผ่นดินกรุงฝรั่งเศส เชื้อชวนให้องค์พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยามไปไปนับถือคริสตศาสนา เพื่อประสานสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ  พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยามตรัสตอบ  ความว่า  
“พระผู้เป็นเจ้า  ทรงสร้างโลกมนุษย์ให้มีผู้คนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา ดังนั้น คงเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ให้เรานับถือพระพุทธศาสนา..”

            และหลายร้อยปีต่อมา  กษัตริย์โบดวงแห่งเบลเยี่ยม ได้กราบทูลในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้ทรงเปลี่ยนศาสนาไปเป็นคริสต์  รัชการที่ ๙ ตรัสถามว่า  “เพราะเหตุใดเล่า” ข้างพระเจ้ากรุงเบลเยี่ยมกราบบังคมทูลว่า “เพราะพระองค์ทรงมีความรักต่อในหลวงยิ่งนัก  ไม่อยากพลัดพรากจากกัน แลในพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า คริสต์ศาสนิกชนเมื่อสิ้นชีพแล้ว  ย่อมได้ไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์

            ทรงทราบดังนั้น แล้วทรงปิติโสมนัสยิ่ง ในการพระราชดำรัสตอบก็มิได้หักหาญน้ำพระทัยพระสหายเลย  สารในพระราชกระแสครั้งกระโน้น เท่าที่ได้มีพระราชดำรัสตรัสเล่าไว้สรุปความได้ว่า
“พระพุทธศาสนาก็เชิดชูสัจจะ  สอนให้ผู้นับถือเข้าถึงความจริงอย่างยิ่ง สัจจะหรือความจริงย่อมมีสภาพเป็นสิ่งเดียวกัน  ผู้ปฎิบัติถูกทางย่อมพบและเข้าถึงได้ ดังนั้นหากเป็นพระวจนะแห่งพระคริสตเป็นสัจจธรรม และพระผู้เป็นเจ้ามีจริง  แม้พระองค์จะนับถือพระพุทธศาสนาก็ย่อมเข้าถึงความจริงนั้น  มาตรว่าจะมีผู้กั้นกลางระหว่างพระองค์กับพระเป็นเจ้า ก็รังแต่จักมีพระราชาธิบดีผู้ทรงชักชวนนี้แล...”

หมายเลขบันทึก: 216631เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2008 05:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 17:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท