สังคมไทยในปัจจุบันอยู่ในภาวะความตึงเครียด
โดยมีสถานการณ์บ่งชี้หลายประการ ประกอบด้วย
การชุมนุมแสดงความเห็นคัดค้านการดำรงตำแหน่งต่อไปของนายกรัฐมนตรี
ความสงสัยในระบบการตรวจสอบอำนาจของผู้บริหารประเทศและสมดุลย์การตรวจสอบขององค์การอิสระต่างๆภายใต้รัฐธรรมนูญ
ความไม่มั่นใจในระบบและผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ภาวะความแตกต่างทางความคิดของประชาชนที่นำไปสู่ความแตกแยกเป็นฝักฝ่าย
ภาวการณ์เหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจโน้มนำประเทศไปสู่วิกฤตและเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชนไทยทั้งด้านสังคม
เศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
เหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับการแสดงบทบาทและหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรี
ทักษิณ ชินวัตร
ความไม่ไว้วางใจของสังคมต่อการทำหน้าที่ของนายกทักษิณที่อาจเกี่ยวพันธ์กับผลประโยชน์ของกิจการที่นายกฯ
มีความเกี่ยวข้อง ตลอดจนการเคลือบแคลงในการหลบเลี่ยงภาษีจำนวน
7
หมื่นสามพันล้านบาทได้นำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นไว้ใจในการให้ทำหน้าที่บริหารประเทศของนายกฯ
โดยองค์กร กลุ่มประชาชนสาขาต่างๆและประชาชนจำนวนมากตลอดมา
นำไปสู่การชุมนุมแสดงความเห็นคัดค้านการดำรงตำแหน่งต่อไปของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ต่อเนื่องและขยายตัวไปสู่มวลวิกฤต
การแสดงบทบาทของภาคประชาชนสะท้อนถึงความตระหนักกังวลต่อเหตุการณ์ปัจจุบันของประเทศที่ประชาชนในสังคมต้องมีส่วนร่วมและร่วมกันคลี่คลาย
แม้การยุบสภาจัดการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน
2549 กลับเพิ่มปัญหานานัปการ อาทิ
การที่มีผู้รับจ้างสมัครรับเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองเฉพาะกิจ
การที่พรรคไทยรักไทยจะครอบครองตำแหน่งทั้งหมดในสภาเป็นสภาผูกขาด
การที่สภาไม่สามารถมีผู้แทนครบจำนวนจนต้องมีการเลือกตั้งต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ข้อครหาเรื่องการโกงการเลือกตั้ง
ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของสังคมต่อสภาผู้แทนราษฏรที่จะทำหน้าที่เป็นเสาหลักด้านนิติบัญญํติในการบริหารประเทศ
ทำให้เกิดวงจรความไม่ไว้วางใจและนำไปสู่การต่อต้านตัวนายกรัฐมนตรีไม่มีที่สิ้นสุด
คณะบุคคลเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมที่ได้พร้อมใจกันลงนามท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้ได้ตระหนักถึงบทบาททั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและในฐานะเภสัชกรซึ่งเป็นบุคลากรวิชาชีพด้านสุขภาพที่มีบทบาทต่อสุขภาวะของสังคม
จึงมีข้อเสนอร่วมกันต่อนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล
ตลอดจนบุคคลและองค์กรผู้รับผิดชอบ ในการดำเนินการโดยเร่งด่วน
โดยเสนอผ่านสาธารณะ ดังนี้
1.
เรียกร้องให้รักษาการนายกรัฐมนตรีทักษิณ
ชินวัตรและคณะรัฐมนตรีรักษาการแสดงภาวะผู้นำพลิกวิกฤตของตนเป็นโอกาสของประเทศ
โดยการลาออกก่อนการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549
2.
เรียกร้องให้เลื่อนกำหนดการเลือกตั้งออกไป
โดยต้องให้เกิดความเป็นธรรมและความพร้อมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งพรรคการเมือง
กลไกการควบคุมและส่งเสริมการเลือกตั้ง และ
พลังประชาสังคมประชาธิปไตย
3.
สนับสนุนการชุมนุมอย่างสงบและสันติของพลเมืองต่อการแสดงเจตจำนงค์แก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่เกิดจากวิกฤตผู้นำ
โดยเรียกร้องให้ระบบของรัฐตั้งมั่นและจริงใจในการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยในการชุมนุมของประชาชน
โดยที่เครือข่ายเภสัชกรเพื่อสังคมตระหนักในประโยชน์ของการแสดงบทบาทเพื่อความคลี่คลายของสถานการณ์
นักวิชาการและวิชาชีพในเครือข่ายเภสัชกรรมเพื่อสังคมไทยจะเข้าร่วมกับสถาบัน
องค์กร กลุ่ม เครือข่ายต่างๆ ทั้งภาคีวิชาชีพ นักวิชาการ
และภาคประชาชน
เพื่อผลักดันข้อเสนอที่มีร่วมกันให้บรรลุผลโดยเร็ว
ทั้งนี้การดำเนินการของเครือข่ายเภสัชกรรมเพื่อสังคมไทยและบุคคลในเครือข่ายจะไม่ผูกพันธ์กับองค์กรการงานอาชีพที่บุคคลสังกัดอยู่แต่อย่างใด
จึงเรียนมาสู่ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนไทยด้วยความเคารพในเจตจำนงค์ประชาธิปไตยและการสร้างสรรค์สังคมไทย
เครือข่ายเภสัชกรเพื่อสังคม
วันพุธที่ 29 มีนาคม
2549