ผู้หญิงหลาย (มาก) ผู้ชายน้อย


ปีที่แล้ว แกยังด่าฉันอยู่เลยว่า "โง่ ! หว่านข้าวแค่นี้ก็หว่านไม่เป็น "

ปีที่แล้ว แกยังด่าฉันอยู่เลยว่า "โง่ ! หว่านข้าวแค่นี้ก็หว่านไม่เป็น "  แต่นี่ก็เกือบ 1 ปีแล้วที่ปู่ท่อน ไม่ได้ไปไหนมาไหนเลย นอกจากโรงพยาบาล  ที่เป็นอย่างนี้เพราะปลายปีที่ผ่านมาแกโดนรถมอร์เตอร์ไซต์เด็กวัยรุ่นชนขณะที่ปั่นจักรยานกลับจากนา วันนั้นฝนตกแต่เช้าตรู่แกปั่นจักรยานเพื่อออกไปดูรอบดักปลาที่วางไว้ในนา และพอปั่นออกจากนาขึ้นมาบนริมถนน รถมอร์เตอร์ไซต์คันหนึ่งซิ่งหนีฝนมาด้วยความเร็วก็ชนแกกระเด็น หัวกระแทกขอบฟุตบาธ ทำให้เลือดคั่งในแกนสมอง  ต้องรักษาอยู่โรงพยาบาล 2 เดือน และพอกลับมาอยู่บ้านได้ แกก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันพูดกับป้าเสมอว่า ปู่ท่อนหมดอายุการใช้งานแล้วล่ะ 

สมัยหนุ่มปู่ท่อน แกชอบเลี้ยงวัวขาย แกเลี้ยงวัวคราวละ 20 -30 ตัว ในบรรดาพี่น้องครอบครัวแก แกเป็นคนเดียวที่ทำนาไม่เป็น แต่ก็พอทำได้ หากแต่ทำช้า เป็นคนทำอะไรชักช้า  (พี่สาวแกเล่าให้ฟัง ) พอแต่งงานกับย่าบัวพันธุ์ ในครอบครัวของย่าบัวพันธุ์ ก็มีแต่ผู้หญิง ปู่ท่อนจึงเป็นแรงงานหลักในการไถนา หว่านข้าว  แต่เรื่องดำนา เกี่ยวข้าวนั้นแกไม่ค่อยถนัด เพราะตั้งแต่โตมาแกถนัดแต่เลี้ยงวัว และเพราะย่าพันธุ์เป็นคนปากจัด ดังนั้นเมื่อมาอยู่กับครอบครัวของเมีย แกจึงโดนเมียด่าเป็นประจำ ก็เรื่องทำนาไม่เป็นนี่แหละ  แต่แกเป็นคนพูดน้อย จึงเก็บความไม่พอใจไว้ข้างในตลอด พอโดนเมียด่าบ่อยๆเข้า แกทนไม่ได้ หนีเมียกลับไปอยู่บ้านกับพี่สาว แม่ยายแกทนไม่ได้ที่จะต้องเสียลูกเขยคนเดียวไป เพราะปู่ท่อนนั้นถึงดำนาไม่เป็นทำอะไรชักช้า แต่ก็ไถนาเก่ง และเป็นกำลังหลักของครอบครัว แม่ยายไปอ้อนวอนขอลูกเขยคนเดียวคืน  จนในที่สุดพี่สาวของลูกเขย และลูกเขยใจอ่อน ยอมกลับมาเหมือนเดิม

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ครอบครัวของย่าพันธุ์และปู่ท่อน ยังมีผู้ชายน้อยเหมือนเดิม ในอดีตมีปู่ท่อน ต่อมามีลูกเขยปู่ท่อน 1 คน  ก็เหมือนปู่ท่อนอีก คือ ทำอะไรชักช้า แต่ไถนาเก่ง พอมาถึงรุ่นหลานปู่ท่อน แกมีหลานสาว 2 คน หลานชาย 1 คน หลานๆพากันไปเรียนหมด ไม่มีใครมาสืบทอดวิชาไถนาเลี้ยววัว ต่อจากปู่ท่อนอีกเลย ฉันยังจำได้ ปู่ท่อนเคยคุยฟุ้งให้ฉันฟังว่า แกน่ะเป็นคนออกควายเหล็กคนแรกของหมู่บ้านเชียวล่ะ เพราะลูกเขยแกไถนาเก่ง คนต้องมารอคิวว่าจ้างไถนายาว แกจึงตัดสินใจออกควายเหล็ก พอลูกเขยไปทำงานรับจ้างที่ กทม.ซะ แกก็ขายควายเหล็กมาซื้อวัว เลี้ยงวัว ขายวัว  ทำนาช่วยเมีย โดยที่เมียและแม่ยาย ทำเป็นหลัก ส่วนแกเป็นกองหนุน

เมื่อฉันมาทำนาบ้างปู่ท่อนก็ไปช่วยแนะนำ ไปช่วยสอน มีด่าบ้างหากทำไม่เป็น  บางครั้งฉันก็เถียงแก ว่าจะด่าทำไมนักหนา คนไม่เคยทำมาก่อน  ฮา ...แต่ฉันก็ไม่โกรธแก เพราะปกติแกไม่เคยด่าแรงๆอยู่แล้ว แกเล่าให้ฟังว่า "บ้านนี้แม่หญิงหลาย มีแต่แม่หญิงทั้งนั้นที่ค้ำนาค้ำไร่มา "  ก็จริงของแก  อันที่จริงหากมองจากอดีตฉันคิดว่า ผู้หญิงมีบทบาทเรื่องนี้(ทำนา)เป็นหลักมานานนมแล้ว ดูอย่างสมัยโบราณ หากผู้ชายต้องไปรบทัพจับศึก ครอบครัวก็จะเหลือเด็ก ผู้หญิงและคนแก่ ที่อยู่บ้าน ดูแลบ้าน ดูแลนา ดูแลคนในครอบครัว 

ตอนแรก ฉันเคยบ่นว่า ทำไมบ้านนี้มีแต่ผู้หญิงเนี่ย อะไรๆก็มีแต่ผู้หญิงทำ แต่มาเดี๋ยวนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าแม้ในครอบครัวของเรา จะมีผู้หญิงมากกว่า ผู้ชาย นั่นไม่เป็นปัญหาในการทำสิ่งต่างๆที่ผู้ชายต้องทำเลย การทำนาก็เช่นกัน มันอยู่ที่เราอยากทำรึเปล่าและเราทำแล้วมีความสุขไหมมากกว่า

เดี๋ยวนี้แม้ปู่ท่อนจะไม่ได้ทำนา หาปลา เลี้ยงวัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ฉันก็เห็นแกสนใจใคร่รู้ความเป็นไปของนาที่ฉันทำอยู่เสมอๆ ถึงแกเป็นผู้ชายส่วนน้อย แต่แกก็เป็นผู้ชายที่มีคุณภาพ

 

 

หมายเลขบันทึก: 216356เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2008 20:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ขอบคุณเรื่องดีๆ ที่นำมาเล่าครับ
  • อ่านแล้วมีความสุขครับ

*ขอบคุณมากเช่นกันคะ ที่สนใจเรื่องราวในบล็อก

*คนใต้เหมือนกันคะ แต่ไม่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับทางใต้เลย เพราะเดี๋ยวนี้ย้ายมาอยู่อีสานแล้ว

*แล้วจะเขียนมาให้อ่านเรื่อยๆคะ

ว้าวๆๆ

มาเยี่ยมพี่กบคับ

ชอบอ่านที่พี่เขียนจัง เพลินๆดีจ้า

ผู้ชายคุณภาพ อิอิ

สวัสดีค่ะ

ขอบใจจ๊ะน้อง ว่าแต่น้องสบายดีนะคะ พี่ก็เข้าไปอ่านของน้องอยู่เช่นกันคะ

ขอบคุณพระอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท