หนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับเยาวชน


กีฬาหน้าน้ำ

                  น้ำเริ่มนิ่งไม่ขึ้นไม่ลง  น้ำนอกบ้านสูงจนพายเรือมาเกาะ ชะโงกดูที่หน้าต่างบ้านได้  พ่อสูบน้ำออกจากบ้านแต่เหลือไว้ประมาณ ครึ่งฟุต ไม่ยอมให้พื้นแห้ง พ่อบอกว่าถ้าพื้นแห้ง น้ำที่อยู่ใต้พื้นจะดันให้กระเบื้องที่ปูพื้นหลุดออกมาเสียหาย  เราเลยมีน้ำใสๆ ให้เล่นอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ

                น้ำมาปลากินมด เป็นเรื่องธรรมดา  แต่พี่ณัฐเห็นแล้วทนไม่ได้ สงสารมดเลยอยากจะกินปลาเป็นการแก้แค้น บวกกับเห็นคนอื่นๆ ลงข่าย  ตกปลาได้มาเยอะแยะ  พี่ณัฐจึงขอพ่อลงข่ายในสวนหลังบ้าน  และก็น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนั้น  พ่อบอก  เอาซิ  แต่ต้องไปหา   ตาข่ายเอง  ห้ามเอาตาเล็ก ต้องเอาตาโตๆ    กะว่ายังไงๆ ก็ไม่มีทางได้ปลามากิน  พี่ณัฐก็ไม่ละความพยายาม ไปซื้อตาข่ายที่ตาใหญ่มากๆ ราวกับจะดักปลาบึกได้  แล้วให้พ่อช่วยทำหลักปักข่าย  ปักแล้วก็แล้วกัน  ไม่เคยไปดู  วันก็แล้ว  สองวันก็แล้ว  จนวันที่สามจึงนึกได้  พ่อพายเรือไปยกๆ ข่ายดู  พอพ่อพายเรือเข้ามาถึงบ้าน  เราก็ได้เห็นปลาดุกตัวใหญ่อย่างที่พี่นิธเรียกว่า  ใหญ่ยังกะยักษ์แน่ะ  อยู่ใต้ท้องเรือ  แม่ดีใจใหญ่  กะว่าจะอบให้หอมฟุ้ง  แต่มีรึที่พ่อจะยอม  พ่อก็แค่เอาปลาดุกมาปล่อยให้ว่ายน้ำเล่นอยู่ในบ้าน  เราก็เลยมีตู้ปลาใหญ่ๆ เท่าบ้านให้ดูเล่นกัน    เพลิดเพลินเจริญใจไปเท่านั้นเอง

                นอกจากปลาดุกในบ้านแล้ว  ในครัวที่พ่อต่อใหม่ตอนนี้มีปลาหมอ  ปลาสลิด  ปลาช่อน หรือแม้แต่กุ้งฝอย  มาว่ายวนเวียนไปมา อยู่ใต้เตียงที่พ่อยกไปเพื่อให้พวกเราได้นั่งกินข้าว  ซักผ้า และอาบน้ำ  ทุกอย่างเบ็ดเสร็จตรงนี้  คงเหลือก็แต่ยังไม่เป็นที่นอน  นี่ถ้าไม่มียุงรบกวนคงได้นอนตรงนี้กันบ้างล่ะ

                เวลากินข้าวเป็นเวลาที่พวกเรา (ซึ่งตอนนี้ใครๆ พากันเรียกว่า   ผู้ประสบอุทกภัย  น่าสงสาร) มีความสุขที่สุด อาหารจานเดียว สำหรับพวกเรา  ๖ คน  จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากปลาทอดตัวโตๆ ที่มีชาวบ้านเอามาขาย  เป็นปลาที่ตายแล้ว  แต่มันเพิ่งตายใหม่ๆ  บ้านเราได้กินแต่ปลาที่ตายแล้ว เพราะพ่อไม่ยอมให้ฆ่าปลา  ถ้าชาวบ้านเอาปลาเป็นมาขาย พ่อจะรีบซื้อแล้วก็ให้พวกเราเอาไป ปล่อย  พวกเราชอบเอาปลามายั่วแม่  เพราะแม่เสียดายตังค์ที่พ่อจ่ายไป  แม่บอกว่า เดี๋ยวมันก็ว่ายไปให้เขาจับมาขายเราอีกจนได้  ถ้าแม่ทำสัญลักษณ์บนตัวปลาได้แม่คงทำไปแล้วเพื่อจะได้เอาไว้ยืนยันกับพ่อว่า คำพูดของแม่เป็นจริง

                นอกจากจะได้กินปลาตัวโตๆ ทุกมื้อแล้ว ขณะที่กินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย พอแม่กับพ่อเผลอ พี่ นิธจะแอบหย่อนข้าวลงไปใต้เตียง ที่ละเม็ด สองเม็ด  แรก ๆ คนอื่นๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร มีพี่ นิธคนเดียวที่รู้ถึงความเคลื่อนไหวใต้เตียง  ตัวแล้วตัวเล่าที่ว่ายวนเวียนกันเข้ามาฮุบเอาเม็ดข้าว  จาก ๑ เป็น ๒ ๓ ๔ ๕......... จนพี่   นิธทนไม่ไหว  เริ่มสะกิดให้นุตดู  เท่านั้นเอง ความเลยแตก  นุตตะโกนลั่นด้วยความดีใจที่เห็นปลาว่ายเข้ามาในครัว  และแล้ว วงข้าวก็ไม่เป็นวงข้าวอีกต่อไป  ทุกคนหันมาหย่อนเม็ดข้าวให้ปลา  ให้ก้อนโตๆ ปลาจะตกใจ ว่ายหนี  พี่นันท์คิดวิธีค่อยๆ ดีดข้าวไปทีละเม็ด ใช้ได้ผลปลาว่ายมาฮุบไปได้ทุกเม็ดไม่มีพลาด  พวกเราเลยได้กีฬาชนิดใหม่ แข่งกันดีดข้าวให้ปลา  ปลาคงรู้ว่าที่นี่ไม่มีอันตราย  มันจึงเริ่มมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ  มีครั้งหนึ่งลูกปลาช่อนว่ายน้ำเลยขึ้นมาบนพื้นที่ลาดเอียง ซึ่งมีน้ำเพียงผิวๆ พื้น  พวกเราจึงได้เห็นอาการที่มันว่ายๆ มา แล้วก็เบรกพรืด  ก่อนที่จะถอยหลังลงน้ำไป

                หลังจากมื้อนั้นเป็นต้นมา  เราจะเห็นแม่แอบมานั่งอยู่ในครัวบ่อยๆ ไม่ได้มาทำกับข้าวกับปลาให้ลูกๆ กับพ่อกินหรอกนะ  แต่แม่แอบมาดีดเม็ดข้าวให้ปลากิน  คงจะซ้อมมือไว้เวลาแข่งกับลูกๆ

                ลูกๆ ได้แต่แซวแม่ว่า  แม่.... แม่....  ใจดีจัง  เลี้ยงปลาวันนี้  วันหน้ามันคงกตัญญูมาว่ายในหม้อแกงของแม่เป็นแน่แท้  

หมายเลขบันทึก: 215651เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2008 22:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้ว ติ ชม เสนอแนะ ข้าน้อยขอน้อมคารวะ เพื่อปรับปรุง

อ่านตอนนี้แล้วหิวอ่ะ

อยากกินปลาดุกอบฟาง

ว่าแต่ถ้าปลามาชุมนุมที่บ้านนี้อย่างเดียว

สงสัยน้ำท่วมหนนี้ ผลสุดท้าย ครอบครัวนี้คงได้กินมังสวิรัติเป็นแน่แท้

เพราะปลาไม่ยอมออกไปให้คนขายปลาจับ

และบ้านนี้ " ไม่ฆ่าปลา "

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท