หนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับเยาวชน


ยาเรือ

               

 ก่อนหน้าที่น้ำจะขึ้นจนบ้านเราไม่มีดินให้เดิน พ่อก็จัดการเอาเรือซึ่งเวลาปกติจะถูกแขวนไว้กับขื่อในโรงรถมาซ่อม  เพื่อบ้านเราจะได้มีเรือพายไปไหนมาไหนเหมือนกะบ้านอื่นๆ เขาบ้าง  งานนี้พ่อทำคนเดียวไม่ได้ พ่อจึงใช้สิทธิของผู้ให้กำเนิด “ทั้งบังคับและบัญชา” ให้ลูกๆ ทั้งสี่  พร้อมทั้งแม่เป็นหัวหน้าทีม  มาช่วยพ่อยกเรือลงไปวางไว้บนเก้าอี้สองตัวหัวท้าย  โดยการวางคว่ำเรือลง  เอาท้องเรือขึ้น เพื่อจะได้ตรวจดูรอยรั่ว  กว่าจะเอาเรือลงมาวางได้เรียบร้อยก็เหนื่อยไปตามๆ กัน  พี่ณัฐนั้นหน้าแดงแรงไม่ออก  พี่นันท์ก็หน้านิ่วคิ้วขมวด   พี่นิธน่ะพ่อต้องหลอกล่อว่าเสร็จแล้วจะให้กินขนมปังจิ้มนม  พี่นิธจึงจะมีแรง  ส่วนนุตนะเหรอก็เป็นตัวเกะกะที่พี่นันท์ใช้บาทายันให้ไปห่างๆ ซะหลายรอบ  แต่ก็ยังนัวเนียไม่ยอมห่าง  ฝ่ายแม่ก็ได้แต่ส่งเสียงอุ้ยๆ โอ้ยๆ ระวังๆ งานนี้คนที่เหนื่อยที่สุดก็เห็นจะเป็นพ่อนั่นแหละ

                เมื่อเรือลงมานอนสงบเป็นที่เป็นทางและพ่อก็ตรวจดูรอยรั่วเรียบร้อยแล้ว   จึงมีบัญชาอีกครั้งว่า  “ณัฐ   นันท์  ขูดเอาชันเก่าออก  นิธ   นุต เอากระดาษทรายไปขัดตรงที่พี่เขาขูดชันออก  ส่วนแม่ก็ไปเข้าครัวได้แล้ว  เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง โดยเฉพาะกองทัพที่มี    หมูนิธเป็นทหารร่วมอยู่ด้วย”

                พ่อไปซื้อชัน กับน้ำมันยาง น้ำมันก๊าด  ปูนแดง  เอามาเทผสมกันโดยไม่มี่สัดส่วนที่แน่นอน ถ้าอยากให้แห้งเร็วก็จะผสมน้ำมันก๊าดกับปูนแดงลงไปมากหน่อย  แต่มันจะกะเทาะง่าย  จากนั้นก็ปั้นเป็นเส้นยาวๆ เหมือนที่เราปั้นดินน้ำมัน  แล้วจึงเอาไปปิดทับตรงที่เป็นรอยต่อของไม้  หรือตามรอยรั่ว  แต่ตรงไหนที่เป็นรอยรั่วมากๆ เป็นร่องกว้างๆ  ชันก็ปิดไม่อยู่  พ่อจะใช้ “หมัน” ซึ่งเป็นด้ายดิบคลุกกับชันและน้ำมันยางยัดตามแนวรั่วของเรือ ทำด้านนอกเรือแล้วพ่อก็ให้ช่วยกันหงายเรือ  และก็ทำอาการเดียวกันกับด้านในเรืออีกครั้ง ซึ่ง การซ่อมแซมเรือวิธีนี้เขาเรียกกันว่า “ยาเรือ”  

                งานนี้กว่าจะเสร็จก็เกือบค่ำ   ทุกคนต่างอ่อนล้าไปตามๆ กัน  เสร็จแล้วก็ใช่ว่าจะเอาเรือลงน้ำได้เลย  ต้องทิ้งไว้สักวัน หรือสองวัน เพื่อรอให้ชันแห้งสนิทก่อน 

                และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย เพื่อจะได้เห็นฝีมือการยาเรือของตนเอง   ตอนที่จะเอาเรือลง  น้ำก็ขึ้นมาถึงพื้นโรงรถแล้ว เราช่วยกันยกเรือมาลงน้ำที่คูข้างบ้านด้วยใจระทึก  ลุ้นกันว่า น้ำจะเข้ามาในเรือตรงไหนบ้าง  แล้วเราก็ได้เฮกันลั่นในฝีมือของตนเอง  ไม่มีน้ำหยดใดได้เล็ดลอดผ่านเรือเข้ามา  พ่อถอนใจโล่งอก  พี่ณัฐขอพ่อฉลองความสำเร็จ  โดยการพาน้องๆ ทั้ง ๓ คน ลงเรือ  พี่ณัฐพายท้ายเรือ  พี่นันท์ยักแย่ยักยันอยู่หัวเรือ  พี่นิธกะนุต นั่งกลาง โดยลืมไปว่าพี่ทั้งสองได้พายเรือครั้งสุดท้ายเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว  ดังนั้น เมื่อเรือลอยออกจากคูได้นิดเดียวพ่อกับแม่ก็ได้เห็นอาการและได้ยินเสียงโวยวาย

                “เฮ้ยนันท์  นั่งลง  นั่งกลางๆ เรือซิ  มันเอียงแล้วเห็นมั้ย”

                “ไอ้พี่ณัฐโว้ย   จะชนต้นมะม่วงอยู่แล้ว ถือท้ายดีๆ หน่อย     พายเรือเป็นอะป่าว”

                “อยู่ข้างหน้า ก็ งัด  งัด  เข้าซิ”

                พี่ทั้งสองทะเลาะกันจนลืมสังเกตน้องสองคนที่นั่งอยู่ตรงกลางเรือ  พี่นิธเริ่มมองหาและตะโกนเรียกพ่อกะแม่สียงดังลั่น  ส่วนนุตปล่อยโฮมาตั้งแต่พี่นันท์ขยับตัวจนเรือเอียงวูบน้ำไหลเข้าเรือจนเปียกก้น  โชคดีที่พ่อยังลุยน้ำเก็บของยู่รอบๆ บ้าน  จึงค่อยๆ บอกวิธีการ ให้พี่ณัฐและพี่นันท์ พายเรือมาจอดที่เดิมจนได้  พอทุกคนลงจากเรือพ่อก็เห็นน้ำเกือบครึ่งลำเรือ  พ่อบ่นลูกๆ ว่า

                “เล่นกันจนน้ำเข้าเรือเต็มไปหมด  เล่นแล้วไม่รู้จักวิดน้ำออก”  ว่าแล้วพ่อก็คว้าขัน มาวิดน้ำเสียเอง  พ่อจึงได้เห็นว่าน้ำที่อยู่ในเรือไม่ได้มาจากการที่เรือเอียงเพียงอย่างเดียว  แต่มาจากรอยรั่วที่หัวเรือ และที่กราบเรือ พ่อมั่นใจว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยที่นึกไม่ถึงเลยว่า “เรื่องเล็กน้อยของพ่อจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ในเวลาต่อมา”

อ่านเรื่องการยาเรือเพิ่มเติมได้ที่ http://gotoknow.org/blog/riverlife/128103

หมายเลขบันทึก: 215645เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2008 22:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ช่วยวิจารณ์ ติ ชม แก้ไข เป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ

หนูกล้วยแขก~natadee ทำให้หัวใจคนแก่กระชุ่มกระชวย ดีใจมีแก๊งหลานๆ หล่อๆ สวยๆ มาช่วยดู

ขอบคุณสำหรับหนังสือนะคะ

นี่ขนาดอ่านจากบล็อกแค่ตอนเดียวยังสนุกขนาดนี้

คงต้องรีบอ่านต่อให้จบแล้วละค่ะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่ด้วยคนนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท