แม้ว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำจะมรณภาพไปแล้วแต่ก็มีโอกาสช่วยวัดได้มากกว่ายังมีชีวิตอยู่
บอกเวลามรณภาพ
ก่อนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อของเราท่านจะมรณภาพประมาณ ๕ ปี ท่านได้เรียกประชุมคณะศิษย์ทั้งในและนอกวัดเป็นกรณีพิเศษที่ศาลาการเปรียญ เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบว่าท่านจะถึงกาลมรณภาพในอีก ๕ ปีข้างหน้า กิจการใดที่ท่านได้ดำเนินไว้แล้วขอให้ช่วยกันทำกิจการนั้น ๆ อย่าทอดทิ้ง ขอให้ทำไปเถิดไม่ตกต่ำมีแต่ความเจริญยิ่งขึ้น และท่านยังได้แถลงโครงการพัฒนาวัดปากน้ำของท่านให้คณะศิษย์ช่วยกันดำเนินการต่อไปให้สำเร็จ ท่านบอกว่า ต่อไปวัดปากน้ำจะเจริญรุ่งเรืองใหญ่โต แม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่ก็มีโอกาสช่วยวัดได้มากกว่ายังมีชีวิตอยู่ มีศิษย์หลายคนได้อาราธนาขอมิให้ท่านมรณภาพ ท่านตอบว่าไม่ได้อีก ๕ ปี ท่านจะไม่อยู่แน่ ๆ แล้ว คณะศิษย์รุ่นเก่าจึงซาบซึ้งดีว่า หลวงพ่อท่านมีความห่วง ใยและผูกพันต่อวัดปากน้ำ ต่อวิชาธรรมกายและศิษย์ยานุศิษย์ทุกคนทั้งในปัจจุบันและอนาคตมากเพียงใด มิฉะนั้นแล้วหลวงพ่อท่านคงไม่เอ่ยปากฝากฝังโครงการของท่านในเรื่องการสอน และเผยแพร่วิชชาธรรมกาย เรื่องการเลี้ยงพระ การศึกษาพระปริยัติธรรมและการก่อสร้างปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเผยแพร่วิชาธรรมกายซึ่งท่านเห็นเป็นเรื่องสำคัญและเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าเรื่องอื่นใด ท่านที่เคยมาวัดปากน้ำ เมื่อหลายปีก่อนจะทราบดีว่า วัดปากน้ำในอดีตและปัจจุบันนั้นแตกต่างกันมากจนเกือบไม่เหลือสภาพเดิมเลย ที่เป็นดังนี้เพราะศิษยานุศิษย์ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ปฏิบัติตามโครงการตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อจนเกือบจะครบทุกโครงการแล้ว
พยากรณ์เจ้าอาวาสวัดปากน้ำในอนาคต
นอกจากจะพยากรณ์ว่าสมเด็จป๋าจะได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์ คือ เป็นสมเด็จพระสังฆราชในอนาคตแล้ว หลวงพ่อท่านยังเคยพยากรณ์ท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน ในสมัยที่ท่านเป็นสามเณรว่า องค์ นี้แหละจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ต่อไป ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หลวงพ่อได้พาท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดีครั้งยังเป็นพระมหาช่วง วรปุญโญ ป.ธ. ๗ ไปฝากเรียน ป.ธ. ๘ และ ๙ กับเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณมหาเถร) วัดเบญจมบพิตร ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระสังฆราชเคยทรงเล่าประทานสมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ วัดสามพระยา ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมปัญญาบดีว่า “ท่านวัดปากน้ำนำมาฝาก บอกว่าจะเอาไว้แทนตัวเมื่อเรียนจบแล้วก็จะขอนำกลับไปวัดปากน้ำ”
ในสมัยนั้นพระภิกษุ สามเณรที่จะเข้ารับการศึกษาพระปริยัติธรรมที่สำนักวัดเบญจมบพิตร จะต้องได้รับการคัดเลือกอย่างมาก มิใช่ว่าจะเข้าศึกษาได้ทุกรูป สมเด็จพระสังฆราช (ปลดกิตฺติโสภโณ) ท่านทรงคัดเลือกเอง ทรงพิจารณาท่วงทีกิริยา บุคลิกภาพ ถ้าไม่ดีพอไม่เป็นที่ถูกพระทัยท่าน ๆ ก็ไม่ทรงรับไว้ แต่รายท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดีรูปนี้มีบุคลิกภาพเป็นที่ต้องพระทัยท่าน ประกอบกับความศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อของเราด้วย สมเด็จพระสังฆราชท่านจึงทรงรับไว้ด้วยความยินดี หลังจากที่ท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดีสำเร็จการศึกษาประโยค ๙ แล้วได้ดำรงตำแหน่งเลขานุการในพระองค์ท่านอยู่ระยะหนึ่งแล้วจึงกลับมาช่วยหลวงพ่อพัฒนาวัดปากน้ำ โดยดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระปริยัติธรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระศรีวิสุทธิโมลี
ต่อมาทางคณะศิษย์เห็นว่ากุฏิของหลวงพ่อนั้นเก่าทรุดโทรมมาก อยากให้หลวงพ่อท่านมีที่อยู่สะดวกสบายจึงได้ร่วมทุนกันสร้างตึกถวายท่าน คือ ตึก มงคลจันทสร ระหว่างกำลังดำเนินการก่อสร้าง หลวงพ่อท่านมักจะออกมานั่งดูเสมอ ๆ เมื่อมีผู้ถาม ท่านถึงตึกหลังนี้ท่านมักจะบอกว่า “ตึกหลังนี้สร้างให้ช่วงเขาอยู่” และปัจจุบันนี้ตึกมงคลจันทสร เป็นกุฏิของท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ คำพยากรณ์ของหลวงพ่อก็เป็นความจริงพระราชเวทีซึ่งได้เลื่อนสมณศักดิ์มาจากพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระศรีวิสุทธิโมลี ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำและเจ้าคณะภาค ๓ (ปัจจุบันนี้เป็นเจ้าคณะภาค ๗) แทนสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพน ฯ ซึ่งรักษาการเจ้าอาวาสอยู่ตั้งแต่หลวงพ่อมรณภาพ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๒
ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าหลวงพ่อของเราท่านเคยมีดำริที่จะส่งพระภิกษุไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกายในต่างประเทศ เช่น ในยุโรป ญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านเคยส่งกปิลวฑฺโฒภิกขุ (ศาสตราจารย์วิลเลี่ยม ออร์กัส เปอร์เฟิสต์) ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศอังกฤษดังกล่าวมาแล้ว แต่โครงการของท่านต้องหยุดชะงักไปเพราะท่านอาพาธ
ในปัจจุบันท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดี ได้สืบทอดโครงการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อ และประสบความสำเร็จอย่างสูง จนได้รับยกย่องจากพระมหาเถรในต่างประเทศถึงขนาด ได้รับสมณศักดิ์ชั้นสูง ดังนี้
๑. พ.ค. ๒๕๒๐ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศบังคลาเทศ ที่พระสาสนาธชมหาปัญญาสาระ
๘ ม.ค. ๒๕๒๔ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่พระชินวรสาสนโสภณเตปิฎกวิสารทคณปาโมกขาจริย
๑๒ ก.พ. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะที่พระศาสนโชติกสัทธัมมวิสารทวิมลกิตติสสิริ
๓ ส.ค. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายมัลละวัตตะที่พระธรรมกิตติสสิริเตปิฎกวิสารโท
๑๒ มิ.ย. ๒๕๒๖ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่พระติปิฎกบัณฑิตธัมมกิตติสสิริ ยติสังฆปติ
๑๖ มิ.ย. ๒๕๒๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ของสยามวงศ์ ฝ่ายโกเต ประเทศศรีลังกาที่พระอุบาลีวังสาลังกาละอุปัชฌายะ ธรรมธีรราชมหามุนีเถระ
ตำแหน่งสุดท้ายนี้เป็นตำแหน่งรองมาจากตำแหน่งพระมหานายก ของประเทศศรีลังกาเป็นตำแหน่งสำคัญเพราะสามารถบวชกุลบุตรชาวศรีลังกาในพระพุทธศาสนาได้ ตำแหน่งนี้ว่างมา ๔๐ ปี ทางคณะสงฆ์ศรีลังกาสยามวงศ์ ฝ่ายโกเต ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ท่านเจ้าคุณพระธรรมปัญญาบดีเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ตามปกติแล้วพระภิกษุจะมีธรรมเนียมการนั่งเรียงตามลำดับอาวุธโส (ตามลำดับพรรษา) แต่เนื่องจากท่านเจ้าคุณธรรมปัญญาบดีได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์จึงได้รับกายกย่องให้นั่งรองมาจากพระมหานายกของประเทศศรีลังกา ในเวลาที่มีศาสนกิจ
๑๑. พ.ค. ๒๕๒๗ ดำรงตำแหน่งรองแม่กองงานพระธรรมทูตรูปที่ ๒
รถยนต์จะเข้าถึงวัด
สมัยที่หลวงพ่อยังอยู่นั้นยังไม่มีถนนตัดเข้าถึงวัด ผู้ที่จะมาวัดปากน้ำต้องมาทางเรือหรือเดินเท้า ถนนในวัดจึงเป็นเพียงทางเท้าแคบ ๆ แต่หลวงพ่อท่านได้สั่งให้ตัดถนนผ่านคณะเนกขัมม์มีความกว้างขนาดรถยนต์แล่นได้ ในสมัยนั้นถนนสายนี้จึงเป็นถนนที่ใหญ่ที่สุดในวัด ทำให้ผู้คนพากันประหลาดใจว่า ทำไมหลวงพ่อจึงให้ตัดถนนใหญ่โตเช่นนั้น หลวงพ่อท่านตอบว่า ต่อไปรถยนต์จะเข้าถึงวัด มีหลายคนที่ไม่เชื่อคำพูดของหลวงพ่อบางคนถึงกับพูดว่า อีกร้อยปีรถยนต์ก็ยังเข้าไม่ถึงวัด แต่แล้วหลังจากที่หลวงพ่อมรณภาพเพียง ๒ ปี รถยนต์ก็แล่นเข้ามาจอดถึงในวัดได้ตามที่หลวงพ่อพยากรณ์
ถ้าระเบิดลง จะเลิกวิชาธรรมกาย
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประตูน้ำอ่างทอง ประตูน้ำบางยาง ประตูน้ำบางนกแขนกคลองภาษีเจริญล้วนแต่ถูกระเบิดลงหมดทุกแห่ง ระยะนั้นทหารกรมแผนที่อพยพหลบภัยลูกระเบิดมาอยู่ที่ตึกขาว (ปัจจุบันคือ หอเจริญวิปัสสนา) หลวงพ่อท่านพูดว่า ถ้าวัดปากน้ำและประตูน้ำภาษีเจริญถูกระเบิดลง ท่านจะเลิกวิชาธรรมกายทันที ปรากฏว่า เครื่องบินมาทิ้งระเบิดประตูน้ำภาษีเจริญเหมือนกัน แต่พลาดไปลงที่ใกล้เคียงหลังจากนั้นหลวงพ่อท่านได้เข้มงวดกวดขันการปฏิบัติกิจภาวนาวิชาธรรมกายมากยิ่งขึ้น
น.ส. ตรีธา เนียมขำ ผู้เล่า
พันเอกหญิงทัศนศรี ไตรยคุณ บันทึกและเรียบเรียง
พระศรีศาสนวงศ์ (สุชาติ ธมฺมตโน ป.ธ. ๙) ตรวจทานภาษาบาลี
จากหนังสือ : ตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ
คุณครู ตรีธา เนียมขำ ปัจจุบันยังอยู่ประจำที่วัดปากน้ำ รับหน้าที่นายกสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ม.ส.จ. ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกายผู้หนึ่ง ถึงกับได้รับหน้าที่หัวหน้าเวรทำวิชชาฝ่ายอุบาสิกาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ (หัวหน้าเวร มีเพียง ๖ ท่านในยุคนั้น)
หนังสือตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อและวัดปากน้ำนี้ได้พิมพ์ครั้งแรกจำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ แจกในงานฉลองอายุ ๑๐๐ ปี ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโรเถระ) หลวงพ่อวัดปากน้ำ วันที่ ๒๓-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๗
ไม่มีความเห็น