การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research)
โดย อาจารย์ ดร. อารีย์วรรณ อ่วมตานี
การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการวิจัยที่แสวงหาความจริงในสภาพที่เป็นอยู่โดยธรรมชาติ (Naturalistic inquiry) ซึ่งเป็นการสอบสวน มองภาพรวมทุกมิติ (Holistic perspective) ด้วยตัวผู้วิจัยเอง เพื่อหาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ที่สนใจกับสภาพแวดล้อมนั้น โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลที่เป็นความรู้สึกนึกคิด คุณค่าของมนุษย์ และความหมายที่มนุษย์ให้ต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัว เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความสร้างข้อสรุปแบบอุบนัย (Inductive analysis)
กระบวนการวิจัย
ปัญหาการวิจัย การวางแผนการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล
- สมมุติฐานการวิจัย
- รูปแบบการวิจัย
- เครื่องมือ
- การเก็บข้อมูล
การทบทวนวรรณกรรม
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สรุปผลข้อมูล
ทบ. ที่เกี่ยวกับ ขยายความรู้
องค์ความรู้ปัจจุบัน องค์ความรู้ใหม่
กระบวนทัศน์การวิจัย (Research Paradigms)
ประเภทของการวิจัย แบ่งตามวิธีการเก็บรวมรวบข้อมูล
1. การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research)
2. การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research)
ความแตกต่างระหว่างกระบวนทัศน์ทางปฏิฐานนิยมและปรากฏการณ์นิยม
ลักษณะ |
ปฏิฐานนิยม |
ปรากฏการณ์นิยม |
ความเชื่อพื้นฐาน |
- ความจริงเป็นโลกภายนอก และวัดได้ด้วยวัตถุวิสัย (objective) - ผู้วิจัยเป็นอิสระแยกออกจากสิ่งที่ถูกวิจัย - ความจริงเป็นเรื่องปราศจากค่านิยม |
- ความจริงทางสังคมสร้างขึ้นในความนึกคิดของมนุษย์และเป็นอัตตวิสัย (subjective) |
บทบาทนักวิจัย |
-มุ่งประเด็นในสิ่งที่มีหลักฐานความจริง (Fact) - มองในพื้นฐานของเชิงเหตุและผล - จับแยกสภาพความจริงให้เล็กพอเหมาะกับการศึกษา - สร้างสมมุติฐานและทดสอบ |
- มุ่งประเด็นของความหมาย (Meaning) - พยายามเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้น - มองภาพรวมทั้งสถานการณ์ - ค่อยๆพัฒนาความคิดข้อสรุปจากข้อมูลรูปธรรม |
ระเบียบวิธีวิจัย |
- ใช้วิธีการเชิงปริมาณ - สร้างนิยามปฏิบัติการเพื่อวัดได้ - ใช้กรอบทฤษฎีก่อนๆนำ - ใช้เครื่องมือในการเก็บช้อมูล - ใช้กลุ่มตัวอย่างมาก - สถานที่ทำวิจัยใช้ห้องทดลอง |
- ใช้วิธีการเชิงคุณภาพ - ใช้วิธีการหลายๆวิธีเพื่อสร้างแนวคิดนานาประการเกี่ยวกับปรากฏการณ์ - ไม่ใช้ทฤษฎีนำ ศึกษาจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ |
ความน่าเชื่อถือ |
- ความตรง(Validity) เครื่องมือที่ใช้วัด วัดในสิ่งที่ต้องการวัดหรือไม่
- ความเที่ยง (Reliability) การวัดให้ผลตรงกันทุกครั้งหรือไม่ (โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ถูกวัด)
- การสรุปผลอ้างอิง (Generaliability) โอกาสของรูปแบบที่ถูกสังเกตในกลุ่มตัวอย่างสามารถนำไปใช้ อ้างกับประชากรทั้งหมดได้มากน้อยเท่าใด |
- ความเชื่อถือได้ (Credibility) ผู้วิจัยสามารถเข้าถึงและมีความรู้ความเข้าใจในความหมายต่างๆและข้อมูล - การพึ่งพากับเกณฑ์อื่นๆ (Dependability) การสังเกตสิ่งเดียวกัน โดยนักวิจัยหลายคนหลายโอกาส -ว่าสอดคล้องกันเพียงใด - การถ่ายโอนผลการวิจัย (Transferability) ความคิดและทฤษฎีที่สร้างขึ้นจากสถานการณ์หนึ่งๆ สามารถจะนำไปใช้กับสถานการณ์อื่นเพียงใด |
เปรียบเทียบความแตกต่างของการวิจัยเชิงคุณภาพกับการวิจัยเชิงปริมาณ
ข้อแตกต่าง |
การวิจัยเชิงปริมาณ |
การวิจัยเชิงคุณภาพ |
1. แนวคิดพื้นฐาน |
- ปฏิฐานนิยม (Postivism) |
- ปรากฎการณ์นิยม(Phenomenology) |
2. วัตถุประสงค์ |
- มุ่งวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม |
- ต้องการเข้าใจความหมาย กระบวนการความรู้สึกนึกคิดโดยเชื่อมโยงกับบริบทของสังคม |
3. การกำหนดสมมุติฐาน |
- กำหนดล่วงหน้าก่อนทำการวิจัย |
- กำหนดคร่าวๆพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ |
4. การคัดเลือกตัวอย่าง |
- สุ่มโดยอาศัยการสุ่มชนิดที่ทราบโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่ถูกเลือก (Probability) |
- สุ่มโดยอาศัยการสุ่มชนิดที่ไม่ทราบโอกาสหรือความน่าจะเป็นที่จะถูกเลือกเป็นตัวอย่าง (Non-probability sampling) |
5. จำนวนตัวอย่าง |
- จำนวนมาก |
- จำนวนน้อย |
ไม่มีความเห็น