ที่ทำงานผม คือ สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล คนมักเรียกย่อๆว่า สถาบัน'อาเซียน หรือ 'อาเซียน เป็นองค์กรขนาดเล็ก มีคนอยู่ไม่ถึงร้อยคน และในจำนวนนั้น ก็มีอาจารย์และนักวิชาการอยู่เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ทว่า ก็สามารถดำเนินงานวิจัย การบริการทางวิชาการ และการเป็นผู้จัดประชุมสัมมนา การจัดหลักสูตรการศึกษาอบรม ทั้งในประเทศและนานาชาติ อยู่อย่างมากมาย จนคนภายนอกอาจเข้าใจว่าเป็นองค์กรใหญ่โต
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรเล็กๆทำงานในลักษณะนี้ได้มากมายก็คือ การทำให้ทุกคนมีความเป็นบูรณาการในตัวเอง สามารถพึ่งตนเองทางวิชาการและเป็นหัวหน้าของตนเองได้พอสมควร ในการประสานความร่วมมือทางวิชาการ ให้สถาบันเป็นเวทีทำงานของคนเก่งๆหลากหลายสาขา ทั้งจากหน่วยงานต่างๆในประเทศไทยและจากนานาชาติ
กระนั้นก็ตาม ความจำเป็นในการทำงานภายใต้เงื่อนไขแวดล้อมและความจำเป็นใหม่ๆก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งความทรงคุณวุฒิและความอาวุโสของบุคลากรก็มีมากขึ้น เรื่องที่ทำจนอยู่มือและเก่งอยู่แล้ว ก็มีข้อจำกัดต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกรอบข้าง ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โอกาสการพัฒนาคน จึงจำเป็นต้องพัฒนาไปด้วยอยู่เสมอ โดยเฉพาะการทำให้คนทำงานมีความสามารถเรียนรู้บูรณาการไปกับการปฏิบัติงานในทุกโอกาส
ส่วนหนึ่งที่ผมได้ทำและร่วมเรียนรู้กับบุคลากรก็คือ การเติมมิติความเป็นชุมชน และวิถีประชาคมเข้าไปในองค์กร เป็นกระบวนการเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเน้นความมีจิตสาธารณะของปัจเจก และวิธีทำงานด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนแนวราบของคนทำงานสหสาขา (แนวดำเนินการอย่างนี้ ก็ร่วมกับเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวมหาวิทยาลัยมหิดลอีกหลายคณะ ขับเคลื่อนเป็นนวัตกรรมชุมชน กลุ่มและชุมชนผู้ปฏิบัติ หรือ CoP : Community of Practice เพื่อพัฒนาการดำเนินงานต่างๆ ด้วยเช่นกัน)
ผมได้บอกถึงตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งให้เป็นแนวคิดของทีมนักวิจัยรุ่นใหม่ วิทยากร กลุ่มคนที่จะต้องทำหน้าที่ประสานงานทางวิชาการ และบริการทางวิชาการต่างๆที่สถาบันทำ ว่า ให้ทำตามศักยภาพอย่างสูงสุดและด้วยการใช้วิจารณญาณของตนเองช่วยด้วย โดยมุ่งให้เกิดสิ่งหนึ่งคือ ผมบอกว่า.....
'เมื่อไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเวทีเรียนรู้และการประชุมของชาวบ้าน หน่วยงานอื่น ทั้งในและภายนอกมหาวิทยาลัยมหิดล หากเขากำลังทำงานกันอยู่ แล้วมีคนของสถาบัน เดินเข้าไปร่วมสักหนึ่งคน พลันเวทีนั้น ก็มีพลังในการทำงานและทำให้การเรียนรู้ด้วยกันมีชีวิตชีวาขึ้น มีหนทางที่จะคิดและได้วิธีทำงานด้วยกันที่เหมาะสมง่ายๆ สร้างสรรค์ ให้แรงบันดาลใจใหม่ๆ แล้วเราเองก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นำกลับมาขยายผลลงสู่งานของสถาบัน กลับไปกลับมา แค่นี้แหละ ฝึกฝนตนเองอย่างไรก็ได้ ให้เป็นไปอย่างนี้....'
เหมือนกับเป็นแนวคิดในการสร้างตัวชี้วัดให้ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าของตนเอง
ปรากฏว่าได้ผลดีเหมือนกัน หลายคนมีความตื่นตัวที่จะไปมีส่วนร่วมในการทำงานกับใครก็ได้ แบบ ' ไม่รอรับอย่างเดียว และ ไม่นิ่งดูดาย' ทำให้ได้ช่วยคนอื่นทำงาน และเรียนรู้พัฒนาคนผ่านการทำงานกับคนอื่น ได้คนมือดีและทีมทำงานแบบปราดเปรียวมากขึ้น ดีเหมือนกัน.
ไม่มีความเห็น