หมอจิ๋ว
นาย ธวัชชัย หมอจิ๋ว แสงจันทร์

ปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันสถาปนาหมออนามัยแห่งชาติ


หมออนามัย,ปาฐกถาพิเศษ,นพ.อำพล จินดาวัฒนะ,หมออนามัยที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์
ปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันสถาปนาหมออนามัยแห่งชาติ   วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชน จ.ขอนแก่น  ประเด็น : หมออนามัยที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  โดย นพ.อำพล  จินดาวัฒนะ

ก่อนอื่น ผมขอเชิญชวนเพื่อนหมออนามัยยืนไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของหมออนามัยเพื่อน ของเราสองคน ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีอนามัยตำบลประจัน อำเภอ   ยะรัง จังหวัดปัตตานี คือ คุณอัจฉลา สกลธวุฒิ หัวหน้าสถานีอนามัย ระดับ ๗ และ         คุณเบญจพัฒน์  แซ่ติ่น นักวิชาการสาธารณสุข ระดับ ๕

เพื่อน เราทั้งสองคน ต้องจบชีวิตลงในท่ามกลางความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของครอบครัวของเขาทั้งสองและของวงการหมอ อนามัย วงการสาธารณสุข

“หมออนามัย” คือ ผู้ก่อพระคุณแก่มหาชน ไม่มีพระเดช ไม่มีพิษมีภัย ทำงานเพื่อประชาชนผู้เคียงข้างประชาชน บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน  ดังที่ อาจารย์ประเวศ  วะสี   พูดไว้เมื่อกว่า ๑๐ ปีที่แล้วว่า

“รักประชาชน  รักหมออนามัย”

อยากให้การเสีย ชีวิตของเพื่อนหมออนามัยสองท่านนี้ หนุนเสริมให้จิตวิญญาณของเราชาวหมออนามัยเกิดความฮึกเหิม มุ่งมั่นที่จะทำความดีเพื่อเพื่อนมนุษย์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ถ้าเราคิดใน เชิงบวก เราสามารถนำกรณีการเสียชีวิตของเพื่อนหมออนามัยนี้ มาเป็นแรงบันดาลใจ มาเป็นกำลังใจให้พวกเรามุ่งมั่นทำงานไม่ย่อท้อ เพราะช่วงในชีวิตหนึ่งของเรา ทุกคนเกิดมาต้องตายไม่มีใครหลีกพ้นได้  แต่ถ้าหมออนามัยต้องเสียชีวิตในหน้าที่ ในขณะที่กำลังดูแลรักษาสุขภาพพี่น้องประชาชน นับเป็นการเสียชีวิตในหน้าที่ที่มีเกียรติ สมศักดิ์ศรีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง  ขอให้พวกเราพร้อมใจกันส่งดวงวิญญาณเพื่อนของเราทั้งสองคนไปสู่สุขคติเถิด


เรื่องวันหมออนามัยแห่งชาติ

เมื่อ วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๙ ที่จังหวัดขอนแก่นแห่งนี้  เราได้รวมตัวกันและร่วมกันประกาศให้ วันนี้เป็น “วันหมออนามัยแห่งชาติ”  ท่าน อาจารย์ประเวศ  วะสี  ได้มาให้กำลังใจพวกเราบอกไว้ว่า…  “การประกาศทำความดี ไม่ต้องรอให้ใครมาสั่ง ไม่ต้องรอให้ใครมาประกาศหรือกำหนดให้ และไม่ต้องรอให้มีมติคณะรัฐมนตรี เพราะเรื่องมติคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องราชการ แต่ว่าเราคิดและทำแบบราษฎรเราก็สามารถที่จะทำได้”  

ดังนั้น การที่เพื่อนหมออนามัยได้ร่วมกันประกาศวันหมออนามัยแห่งชาติ จึงเป็นความกล้าหาญ เป็นมิติใหม่ของการยกระดับสถาบัน หรือยกระดับขบวนการหมออนามัยให้สูงขึ้น ด้วยความยินยอมพร้อมใจของพวกเรากันเอง

    พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ หมออนามัยครับ แม้ว่าวันนี้เรามากันไม่มากนัก ประมาณร้อยสองร้อยคนเท่านั้น  แต่เรามีหมออนามัยเป็นเรือนหมื่นคนอยู่ทั่วประเทศ ถ้านับพี่ ๆ ที่เกษียณอายุไปแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้ารวมผู้ล่วงลับไปแล้วก็มีจำนวนมากกว่านั้น  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถาบันหมออนามัยหรือขบวนการหมออนามัยนั้นยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเอาคนมาเป็นหมื่นมารวมตัวกัน แต่การที่มีขบวนการมีเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติ เป็นการกระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ทุกตำบลในประเทศไทย และก็ทำในสิ่งที่ควรทำเพื่อยกระดับจิตวิญญาณของพวกเราหมออนามัยให้สูงขึ้น

เมื่อ เราประกาศวันหมออนามัยแห่งชาติแล้ว  คิดว่าเราต้องมีกระบวนการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อจะรวมตัวกันทำความดี ทำในสิ่งที่ดีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้มากขึ้น ถ้าเราแยกกันอยู่เดี่ยว ๆ เราก็สามารถทำงานตามหน้าที่ได้ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ แต่พลังความสำเร็จไม่มาก แต่ถ้าเรารวมตัวกันแล้ว ร่วมกันคิดร่วมกันทำ มันจะมีพลังอย่างเหลือเชื่อ  อย่างวันนี้ การจัดงานนี้ เราช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย  ไม่มีพิธีรีตองแบบเจ้าขุนมูลนาย     ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ  ทุกคนมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใส กลับไปบ้านก็นอนหลับฝันดีมีความสุข เพราะเราได้ผ่านมิติแห่งความเป็นมนุษย์จึงทำให้มีความสุข กำลังใจที่จะเกิดในการทำความดีต่อไปเพื่อเพื่อนมนุษย์ก็จะมีมากขึ้น การรวมตัวกันทำงานนั้นไม่ใช่หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่  แต่การรวมตัวกันจะทำให้เกิดผลเป็นทวีคูณ

    การประกาศวันหมออนามัยแห่งชาตินั้น ควรเป็น “สัญลักษณ์ของการร่วมกันทำความดี เพื่อพี่น้องประชาชน” เรามาร่วมคิดร่วมทำ โดยเริ่มจากสิ่งที่เราทำ จากสิ่งง่าย ๆ ก่อน งานที่เราทำประจำอยู่แล้ว  เรานั่งทำงานมีความรู้มีบทเรียน มีประสบการณ์เกิดขึ้น ถ้าเรามีกระบวนการต่อยอดคือนำสิ่งเหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งสมัยใหม่เขาเรียกว่า “การจัดการความรู้จากเล่าเรื่อง” คือการเอาเรื่องที่เราทำ ประสบการณ์หรือบทเรียนที่เราทำนั่นแหละมาเล่าสู่กันฟัง อาจจะมาแสดงเป็นภาพเป็นโปสเตอร์ สมัยนี้เทคโนโลยีช่วยทำได้ง่ายมาก หรือเป็นเรื่องเล่าที่เขียนเป็นเอกสารมาเผยแพร่ โดยนำความดีเหล่านั้นหรือประสบการณ์ที่พบเหล่านั้นมาถ่ายทอด

    ตลอดชีวิตคนเรามีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่า   ถ้าเกิดเล่าแล้วมีคนเขียนนำไปเขียนเป็นหนังสือคงได้เป็นเล่ม นี่คือ “ขุมทรัพย์”  ซึ่งเขาเรียกว่าความรู้ที่อยู่ในตัวตนว่า implicit knowledge  หรือ tacit knowledge คือความรู้ที่มีอยู่ในตัวตน ทุกคนมีหมด ไม่ต้องเป็นศาสตราจารย์ ไม่ต้องเป็นซี ๑๑ ซี ๑๐ ซี ๙ แต่ทุกคนมี  ชาวบ้านเขาก็มี ถ้าเรามีกระบวนการของหมออนามัย วันหมออนามัยแห่งชาตินอกจากเรามีพิธีกรรมในเรื่องจิตวิญญาณแล้ว ถ้าเรามีกระบวนการให้ทุกคน ทั้งคนที่เกษียณแล้ว  น้องที่ยังทำงานอยู่ น้องใหม่ ๆ  ทุกรุ่นได้มีโอกาสมาเล่าในสิ่งที่เขาทำ  เล่าสิ่งดี ๆ  ถ้าเกิดกระดากว่าไม่อยากมาเล่าสิ่งดี ๆ สิ่งที่ตัวเองทำ ก็มีกระบวนการให้เล่าเรื่องของคนอื่น เจอหมออนามัยที่เป็นรุ่นพี่ดีอย่างไร ทำอะไรดี ๆ  มีน้องหมออนามัย  มีเพื่อนหมออนามัยทำอะไรดี ๆ  แล้วมาเล่าความดีของคนอื่น ความดีมันจะระบาด เพราะฉะนั้นกระบวนการนี้จะได้ขยายความดีและขยายประสบการณ์ เอาประสบการณ์นั้นมาเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสโดยตรง  สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นได้ นักวิชาการปัจจุบันเขาเรียกว่า “การจัดการความรู้ (knowledge management)” นั่นแหละ คือกระบวนการเอาสิ่งที่เราทำในแต่ละคน แต่ละแห่ง แต่ละหน่วยงาน แต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่มาแลกเปลี่ยนกัน ก็จะเกิดความรู้ใหม่ แล้วจะเกิดแรงบันดาลใจ  ในขณะเกิดความรู้มันก็เกิดความสุขด้วย ไม่ใช่ไปท่องตำรา ต้องไปเรียนไปท่องที่เขาเขียนไว้ในตำราเท่านั้น  แต่เป็นการเอาความรู้ที่คนต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟังกัน ถ่ายทอดกัน มันจะเกิดความสุข แล้วเกิดปัญญาด้วย

    วิธีการจัด ควรจัดเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ อาจจะเรียกว่า “สมัชชาสุขภาพว่าด้วยหมออนามัยเพื่อปวงชน” หรือจะเรียกว่า “สมัชชาหมออนามัยแห่งชาติ” หรือจะเรียกชื่อว่าอะไรก็ได้ แต่ควรจัดเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้  จัดให้เป็นระบบ หาวิทยากรกระบวนการเข้ามาช่วยอำนวยการให้กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกิด ประสิทธิภาพ   เน้นความเรียบง่าย จัดแล้วต้องมีความสุข  คนเล่าก็มีความสุข มีชีวิตชีวา  อย่าไปจัดแบบประชุมวิชาการ  เสนอเอกสารวิชาการ ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะเน้นวิชาการ และดีไม่ดีการเน้นวิชาการจะเป็นการมาคอยจับผิดกัน ว่านี่ไม่ได้วิชาการ นั่นไม่ถูกต้อง  อันนั้นทำลายบรรยากาศความรู้สึกดี ๆ ไป การจัดแบบเสนองานวิชาการก็มีประโยชน์ แต่มันแข็ง และน่าเบื่อ  การจัดแบบเสนอประสบการณ์แบบเล่าเรื่อง ทำได้ง่าย มีชีวิตชีวา สนุกน่าสนใจ แล้วก็จัดระบบบันทึกเรื่องเล่าเหล่านั้น ทำออกมาเป็นหนังสือ เป็นซีดี  เป็นสื่อต่าง ๆ เอาไปขยายผลการเรียนรู้ให้กว้างออกไปอีกมากมาย

    อยากให้เพื่อนหมออนามัยลองคิดต่อยอดดู และอยากให้วันหมออนามัยแห่งชาติเป็นวันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องความดีความงาม


การทบทวนวิธีคิดของการดำรงชีวิต

อยาก จะพูดถึงการดำรงชีวิตเพราะเป็นสิ่งสำคัญมาก  วิธีคิดในการดำรงชีวิต  ถ้าเราคิดดี คิดถูก มันก็จะปฏิบัติตัวถูก แล้วก็จะนำไปสู่ความสงบร่มเย็น หรืออยู่อย่างมีความสุข          ที่เรียกว่า “อยู่เย็นเป็นสุข”    แต่ถ้าเราคิดผิด ปฏิบัติผิด ชีวิตมันก็รุ่มร้อน  

หลักคิดในการดำรง ชีวิตนั้นง่ายนิดเดียว คือ เราจะต้องคิดว่า เป็นบุญอย่างยิ่งที่เราได้เกิดมาในชาติหนึ่ง ไม่ว่าสูงต่ำดำขาว เราเป็นเพื่อนมนุษย์กันทั้งสิ้น ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน  ศักดิ์เกียรติภูมิไม่ได้อยู่ที่การมีอำนาจมากกว่า ไม่ได้อยู่ที่ใครมีเงินมากกว่าใคร  หรือตำแหน่งสูงกว่าใคร  แต่ศักดิ์ศรีคุณค่ามนุษย์อยู่ที่ว่าใครดำรงตนสมกับความเป็นมนุษย์หรือไม่     

พี่ ๆ ทั้ง ๑๔ คนที่ได้รับรางวัลในวันนี้  ได้เป็นตัวอย่างสะท้อนให้เราเห็นว่า  วิธีคิดของพี่ทั้ง ๑๔ คน ต้องดี  ถึงเกิดการปฏิบัติดี  จนน้อง ๆ ในวงการหมออนามัยเห็นดีเห็นงาม  ท่านทราบไหมว่า ๑๔ คน เขาคัดมาอย่างไร  กระทรวงไม่ได้เป็นคนคัด ไม่ได้ตั้งกรรมการ ไม่ได้ให้จังหวัดคัดตามระบบ แต่พี่ ๆ น้อง ๆ หมออนามัยเขาเป็นคนชี้เป้า  เขาชี้เป้าแล้วเขาก็ไปตรวจสอบ ว่านี่ของจริงหรือเปล่า  บอกได้เลยว่าเขามีกระบวนการสืบค้นว่าของจริงหรือของปลอม แล้วในที่สุดได้ชื่อพี่ ๆ มากลุ่มหนึ่ง กระบวนการนี้ทำมาจากของจริงก็ไม่ง่ายนัก  พอได้ชื่อพี่มากลุ่มหนึ่งก็มาดูการกระจายของทั้งประเทศ ว่ากระจายอยู่ที่ไหนบ้าง  พี่หลายคนอาจจะสงสัยว่าตัวเองได้รับคัดเลือกได้อย่างไร มีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการให้มาคัดหรือเปล่า  ไม่มีครับ  น้อง ๆ หมออนามัยเขาช่วยกันดู พอดูเสร็จแล้วเขาก็บอกว่า ใช่เลย  พี่คนนี้ของจริง  ตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว ถามตรงโน้นตรงนี้  ขั้นตอนต่อมา เราก็สนับสนุนให้เกิดกระบวนการเจียระไนเพชร  แล้วจะพูดในประเด็นต่อไป

ขอ พูดหลักในการดำเนินชีวิตของพี่ ๆ ๑๔ คน  เป็นตัวอย่างแก่พวกเรา  คือ  คิดถูก ปฏิบัติถูก  คิดดีก็ปฏิบัติดี  เมื่อปฏิบัติดีก็กลายเป็นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์  ไม่จำเป็นต้องมีซีอะไร  เราไม่ได้พูดด้วยเรื่องซี  เรื่องเงิน เรื่องตำแหน่ง  ชีวิตเราจะดีได้ก็ต้องดำรงอยู่ในความพอเหมาะพอดี หรือตามที่ในหลวงทรงสอนเราเรื่อง “พอดีพอพียง”  ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง  แล้วมีความภาคภูมิใจ  เราก็มีความสุข  ไม่ว่าอาชีพใดถ้าเราทำสัมมาอาชีพ ก็ถือว่ามีประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ มีคุณค่ามีศักดิ์ศรี  ไม่ว่าคนที่เขาเป็นกรรมกร คนหาเช้ากินค่ำ  เกษตรกร  ข้าราชการ  นักการเมือง แท้ที่จริงแล้วถ้าเขาได้ทำสัมมาอาชีพแล้วภูมิใจและมีความสุขในการทำสัมมา อาชีพ ทำประโยชน์ให้สังคมได้ในระดับที่พอเหมาะพอควร  นั่นคือคุณค่าและศักดิ์ศรีในการมีชีวิตอยู่

    พวกเราหมออนามัยถือว่าโชคดีมาก พวกเรามีอาชีพทางด้านสุขภาพ เป็นอาชีพที่ได้ทำงานไปด้วยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไปด้วย  มีคนเขาบอกว่าอาชีพแบบเราทำงานแล้วได้ผลบุญตลอดเวลา  สร้างบุญกุศลตลอดเวลา  บางอาชีพเขาอิจฉาเรา เวลาจะทำบุญก็วิ่งไปโน่นบ้างนี่บ้างเพื่อทำบุญ แต่อาชีพพวกเราได้ทำบุญตลอดเวลา นี่เป็นจุดแข็งเป็นจุดเด่นที่เราได้ภูมิใจ  ทำงานให้ดีก็ถือว่าได้บุญได้กุศลไปด้วย


เหตุการณ์สำคัญในรอบ ๑ ปีที่เกี่ยวข้องกับหมออนามัย

ขอ เรียนว่า ใน ๑ ปีที่ผ่านมา  ๑๔ กันยายน ๒๕๔๙ มาถึงวันนี้ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ หนึ่งปีผ่านไป ก็เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ทุกวัน  ลองสรุปดูว่า  ใน ๑ ปีที่ผ่านมา มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหมออนามัยเกิดขึ้น  คิดว่ามีเรื่องสำคัญที่ควรบันทึกไว้อย่างน้อย ๔ เรื่อง

    เรื่องที่ ๑ มีการผลักดัน พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน มีการขยับเขยื้อนตัวเร็วมากในปีที่ผ่านมา จนเกือบจะเป็นความจริง  มีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่สภา แต่เกิดอุบัติเหตุในสภา ร่างกฎหมายฉบับนี้ตกไป ซึ่งเป็นบทเรียนสอนเราว่า การจะได้อะไรมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ  ต้องมีความอดทน หนักแน่น  ความไม่สำเร็จ ความผิดหวังนั้นก็มีข้อดี คือ ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น  ร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนยังไม่ผ่านสภาเราก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ทบทวนใหม่ ทำงานกันใหม่ เมื่อไม่นานมานี้มีกลุ่มอาจารย์จากคณะสาธารณสุขศาสตร์มาคุยกับผมเรื่องนี้  ก็แนะว่าให้รวมตัวกันใหม่ ให้ผลึกกำลังกับหมออนามัยด้วย มานั่งช่วยกันวิเคราะห์จุดอ่อนในร่าง พ.ร.บ. ฉบับเดิม  ดูว่ามีคนให้ข้อสังเกตอะไรไว้  แล้วต้องทำงานทางวิชาการหาเหตุผล ข้อเท็จจริง    หาตัวอย่างต่าง ๆ มารองรับ  ปิดจุดอ่อน  คิดให้ชัดแล้วก็ขยายความคิดกับพรรคการเมือง    กับสังคม  ผลักดันไปเรื่อย ๆ  สักวันหนึ่งก็ต้องสำเร็จ   ถ้าเราไม่ท้อถอยไม่น้อยเนื้อต่ำใจ     การคิดจะทำอะไรถ้าเราน้อยเนื้อต่ำใจเราก็รู้สึกท้อถอย  ความสำเร็จก็ไม่เกิด  

    เรื่องที่ ๒  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและต้องกล่าวถึง คือ ในปีที่ผ่านมานี้เกิดการทำกุศลอย่างยิ่งใหญ่อันหนึ่งคือ มีเพื่อนหมออนามัย ๙๙ คน พร้อมใจกันบรรพชาอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ซึ่งเป็นการทำกุศลที่เป็นรูปธรรม  สมควรได้รับการกล่าวถึงและบันทึกเอาไว้ว่าเพื่อนหมออนามัยได้ทำดีในปีที่ ผ่านมา

    เรื่องที่ ๓ เรื่องความสำเร็จของ พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ    ที่เครือข่ายหมออนามัยมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการผลักดันมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ ตั้งแต่ช่วยกันชักชวนประชาชนแสดงความคิดเห็นร่วมยกร่าง พ.ร.บ.  ชวนประชาชนลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ตามโครงการรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพตามรอยพระยุคลบาท เมื่อปี ๒๕๔๕  จนได้รายชื่อประชาชนกว่า ๔ ล้านรายชื่อ  แล้วช่วยกันหารายชื่อประชาชนกว่า แสนคน เสนอร่าง พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี ๒๕๔๗-๒๕๔๘ ซึ่งการทำงานนี้  แสดงถึงการรวมตัวกันของเครือข่ายหมออนามัยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

ที่กล่าวมาในข้างต้น   ๑ คนทำได้นิดเดียว  ๒ คนทำได้มากขึ้น  ถ้าเกาะกันเป็นเครือข่ายก็ทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ ให้สำเร็จได้  

และในที่สุดวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๐  พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติก็ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย  

กฎหมาย ฉบับนี้ก็เป็นเครื่องมือของคนไทยทุกคน ให้เข้ามาทำงานด้วยกันอย่างเป็นกัลยาณมิตรเพื่อใช้เป็นเครื่องมือผลักดัน นโยบายดี ๆ ให้เกิดขึ้น  นำเรื่องราวดี ๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน  ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราและประชาชน ที่เข้ามารวมกัน  

แนวคิดเรื่องการ “สร้างนำซ่อม” ก็จะได้ขยับตัวเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากมี พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ  แล้วมีคณะกรรมการ มีกระบวนการต่าง ๆ  ที่จะสนับสนุนให้ทุกฝ่ายมาทำงาน  งานต่าง ๆ ก็จะได้มีรูปธรรมเกิดขึ้น  

กล่าว โดยสรุปเรื่องนี้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติสำเร็จออกมาได้ เครือข่ายหมออนามัยมีส่วนสำคัญเครือข่ายหนึ่งในการร่วมคิดร่วมผลักดันมาโดย ตลอด เพราะฉะนั้นใน พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ  น่ามีจะจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของเพื่อนหมออนามัยเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย  

ใน ช่วงนี้กำลังมีการคัดเลือกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.)  ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ  ผู้แทนจากภาคประชาชนจากทั่วประเทศ เข้าไปเป็นคณะกรรมการ  ได้แอบหวังไว้ในใจว่า  น่าจะมีหมออนามัยไม่ว่าจังหวัดไหน ที่ไหน ที่อยู่ในเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติ สักคนหรือสองคนได้รับการคัดเลือกเข้าไปเป็นคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ  วันที่ ๒๙ กันยายนนี้      จะเป็นการคัดเลือกระดับเขต แล้วจะคอยดูว่าจะมีเพื่อนหมออนามัยมีโอกาสเข้าไปบ้างไหม  อาจจะมีเพื่อน อสม. บางส่วนเข้าไป   เขาจะภูมิใจมากเลย เพราะเขาเข้าไปโดยที่ไม่ได้มีใครแต่งตั้งเขา แต่เข้าไปจากการทำงานแนวนอน แล้วก็มีการคัดเลือกเข้าไป

    เรื่องที่ ๔ เรื่องรางวัลเกียรติยศของพี่ ๆ ทั้ง ๑๔ ท่าน  เป็นการมอบรางวัลที่พี่ ๆ    หมออนามัยทำความดีมาตลอดชีวิตหลายสิบปี การมอบรางวัลนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์หนึ่งเท่านั้น  ความดีงามนั่นเกิดขึ้นจากความคิดดี ทำดี อย่างที่กล่าวมาในข้างต้น  คนที่จะบอกว่าหมออนามัยคนไหนดี  แท้จริงแล้วประชาชนจะเป็นคนบอกว่าหมออนามัยคนไหนดี  หมออนามัยที่ดูแลเขา คนไหนที่บริการเขาดี  มีจิตใจที่ดีต่อเขา  คนที่จะบอกคือประชาชน  ไม่ใช่คนอื่นจะบอกได้ดีเท่ากับประชาชน และตัวหมออนามัยเองจะรู้ว่าตัวเองทำดีหรือไม่ดี  คนที่ให้รางวัลหรือคนที่มอบรางวัลไม่ได้บอกว่าท่านดีหรือไม่ดี  และไม่ได้เพิ่มเกียรติอะไรให้กับท่านเลย  เพราะเกียรติภูมิความดีนั้นอยู่ที่ตัวท่านเอง

ผมเองได้รับมอบหมายให้ เป็นคนมอบรางวัลเกียรติยศในวันนี้ ก็เป็นเพียงตัวแทนเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติ แต่เกียรติคุณความดีงามนั้นอยู่ที่ตัวท่านทุกคน  แล้วคนที่ไม่ได้รับรางวัลอีกเป็นหมื่นคนก็เป็นหมออนามัยที่ทำความดีอยู่มาก มาย ๑๔ คนเป็นเพียงสัญลักษณ์ เป็นเพียงตัวแทน ที่กล่าวในข้างต้น  พี่  ๆ ๑๔ คน มีแมวมอง  พี่ ๆ น้อง ๆ หมออนามัยค้นหามา แล้วก็นำไปสู่การนำรายชื่อมาช่วยกันดูกัน  แล้วก็เกิดโครงการอันนี้  ก็คือเราคิดกันว่า  สิ่งที่พี่เขาทำดีมาตลอดชีวิตมันเป็นขุมทรัพย์มหาศาล  

เรา ก็เลยตัดสินใจไปหานักเขียนมืออาชีพ  “คุณอรสม  สุทธิสาคร”   ให้มาช่วยหน่อย  คุณอรสมก็ไปหาพี่ ๆ ทั้ง ๑๔ คนนี้ ใช้เวลาเยอะมากไปอยู่ไปเยี่ยมอะไรต่าง ๆ  ไปค้างคืนไปคุย  ไปร่วมทุกข์ร่วมสุข  ไปอยู่ ๒-๓ วันในแต่ละแห่ง  เพื่อไปดูว่าชีวิตพี่เขาเป็นอย่างไร  แล้วแต่ละคนก็เล่าใหญ่เลย  ค้นรูปเก่า ๆ มา ในวัยแห่งความหลัง ในวัยนักศึกษา  แอบทราบประวัติพี่บางคนว่า สมัยหนุ่ม ๆ กินเหล้าเมายาน่าดู  แต่ในที่สุดก็กลับตัวเป็นคนละคน ชีวิตคนเราได้เรียนรู้  ฉะนั้นชีวิตและประสบการณ์ของพี่ ๆ ที่อยู่ในหนังสือ “บันทึกชีวิตหมออนามัย”  นี้จึงเป็นตัวอย่างขุมทรัพย์ชีวิตที่มีค่ายิ่ง   

เรา ได้นำความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนไปเผยแพร่  ช่วยกันสกัดออกมา ทำเป็นหนังสือ ๒ เล่ม เล่มหนึ่งลงได้ ๗ ท่าน  หนังสือเล่มนี้ก็บันทึกเรื่องราวชีวิตของพี่ ๆ ทั้ง ๑๔ คน บันทึกโดยนักเขียนมืออาชีพ  ไม่ใช่ให้ใครไปเขียนคำประกาศความดีให้  แต่เอาความดีที่พี่เขาทำมาใส่ไว้  แล้วตอนนี้มีคนเห็นดีเห็นงามเขาไปจัดพิมพ์ขาย ให้ความดีงามของหมออนามัยโดยผ่านทั้ง ๑๔ คน ขยายกว้างออกไปสู่ชุมชน   ฉะนั้นเป็นที่มาที่น้อง ๆ เขานำมาประกาศให้รางวัลในครั้งนี้

    อยากจะบอกว่า  พี่ ๆ หมออนามัยที่เข้ารับรางวัลในครั้งนี้  ทั้ง ๑๔ คนเป็นหมออนามัยในดวงใจของเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติ เป็นหมออนามัยของชาวบ้าน  เป็นหมออนามัยที่มีคนรัก  เป็นหมออนามัยที่ดำรงชีวิตที่เรียบง่าย  เป็นหมออนามัยที่มีผลงานบริการประชาชนจนเป็นที่ประจักษ์   

    ทั้ง ๑๔ ท่าน อาจารย์หมอประเวศได้อ่านประวัติหมดทุกคน  และอาจารย์ก็เขียนคำนำให้  ผมเองก็ได้อ่านทุกคน  เราเห็นตรงกันว่า  พี่เขาทั้ง ๑๔ คนนั้นมีชีวิตงดงามได้นั้นเพราะมีหลักของชีวิตบนความพอดีพอเพียง  ที่ในหลวงทรงสอนไว้  แล้วพี่ ๆ เขาได้ปฏิบัติมาแล้วตลอดชีวิตของเขา  เป็นหมออนามัยที่มีความครองตน ครองครอบครัว  ครองงาน ได้งดงามสมควรได้เป็นแบบอย่างได้  

พี่เขาไม่ได้เป็นหมออนามัยที่ต้องการความร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง

แต่เป็นหมออนามัยที่ร่ำรวยน้ำใจและก็ความดีงาม  

เขาไม่ได้เป็นหมออนามัยที่ยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง  

แต่เป็นเป็นหมออนามัยมีเกียรติสมฐานะ ไม่ได้เป็นหมออนามัยที่มีอำนาจวาสนา  ไม่มีพระเดชกับใคร   

แต่มีพระคุณสูง  มีบารมีจากการทำความดี  

เหล่านี้คือลักษณะอันงดงามของพี่ ๆ หมออนามัยทั้ง ๑๔ คน  ที่น้อง ๆ  ได้ยกย่องและมอบรางวัลเกียรติยศให้ในวันนี้   

    สุดท้ายขอเรียนว่า  เพื่อนหมออนามัยที่จัดงานในวันนี้ก็พยายามทวนกระแสอำนาจ    ทำให้การเคลื่อนตัวของเครือข่ายหมออนามัยแห่งชาติเป็นไปทางแนวราบ เคลื่อนไปบนความดีงาม ความถูกต้อง ความเป็นกัลยาณมิตร และเคลื่อนไปบนการใช้ปัญญา  คิดว่าตรงนี้เป็นทิศทางที่ถูกต้อง สมควรดูแลรักษาไว้ให้มั่นคงยั่งยืนและขยายผลความดีงามให้กว้างขวางแผ่ ซ่านออกไปมากยิ่งขึ้น

ผมขอเชิญชวนเพื่อนหมออนามัยได้ตั้งจิตอันเป็น กุศลรำลึกถึงความดีงามที่ทุกคนได้กระทำในช่วงชีวิตที่ผ่านมา น้อมนำความเป็นกุศลเหล่านั้นถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาในปีนี้  ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    พร้อมกันนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ศรีทั้งหลายจงปกปักษ์ รักษาคุ้มครองให้พี่น้องหมออนามัยผู้มีอุดมการณ์อันดีงามเพื่อประชาชน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความอยู่เย็นเป็นสุขในชีวิตสืบไป

    ขอขอบพระคุณพี่น้องหมออนามัยทุกคนครับ.

หมายเลขบันทึก: 211943เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2008 07:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท