วันนี้เป็นวันพิเศษอีกวันหนึ่งในชีวิตความเป็นครู คือได้ออกไปนิเทศนิสิตครู 5 ปี ที่ไปฝึกสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอนาดูน
-
ความพิเศษที่ 1 คือ เป็นครั้งแรกในชีวิตความเป็นครูที่ได้ออกไปนิเทศนิสิตฝึกงานอย่างเป็นทางการ เป็นความสดใหม่ของชีวิตความเป็นครูอีกมิติหนึ่ง ที่สำคัญได้สุนทรียสนทนากับอาจารย์ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ได้ความรู้หลากหลายเพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
- ความพิเศษที่ 2 คือ ระหว่างที่ให้นิสิตนำเสนอประสบการณ์การฝึกสอนอยู่นั้น ผมรู้สึกว่า "เห็นตัวเองในอดีต" เขามีไฟ มุ่งมั่น สดใส สดใหม่กับชีวิต เขาพร้อมที่จะถอดหมวกของความเป็นนิสิต ความเป็นเด็กในสายตาของครูและพ่อแม่ ออกไปเดินบนเส้นทางใหม่เป็นผู้ใหญ่...เป็นครู... ถึงแม้ผมจะไม่ได้สั่งสอนเขามาโดยตรง แต่ก็ตระหนักเสมอว่าเราคือ "ผู้ปั้น" ที่ต้องตั้งใจปั้นแต่งให้เขาเป็นคนดีของสังคมให้ได้ ในเวลาอันน้อยนิดนั้นผมพยายามรับรู้ประสบการณ์ของเขา รับรู้ความเป็นเขา ใคร่ครวญอย่างเงียบและลึก เพื่อที่จะใช้เวลาอันน้อยนิดนั้นกลั่นประสบการณ์ของเราในฐานะ "ผู้ปั้น" ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอจะสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ได้ดังนี้ครับ
-
บัวสี่เหล่ากับการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ : เท่าที่ฟังจากนิสิตพบว่าเขามีความยาก และลำบากใจเมื่อต้องสอนนักเรียนห้องที่เกเร ไม่ตั้งใจเรียน หนีเรียน ไม่มาเรียน นิสิตบางคนถึงกับโกรธ จะลงโทษ หรือลอยแพนิสิตที่เป็นปัญหาเหล่านั้น -: ผมไม่รอช้าที่จะนำคำสอนที่ได้จาก ศ.นพ.บุญเสริม เรื่อง บัวสี่เหล่ามาถ่ายทอดต่อทันทีว่า การที่จะแก้ปัญหานี้สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจให้ได้คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับ "บัวสี่เหล่า" โดยยกเหตุการณ์ในพระไตรปิฎก ตอนที่ คนเมา 3 คน เมื่อเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา คนแรกก็รีบหนีเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้เพราะละอายแก่ใจ ส่วนคนที่สอนเมื่อได้ฟังเทศนาจากท่านแล้วก็เดินกลับไป ส่วนคนที่สามไม่สำนึกแถมยังส่งสุราให้พระพุทธองค์อีก -- ท่านสอนว่า คนทั้ง 3 นี้ก็เปรียบเหมือนบัวสี่เหล่าที่จะพ้นน้ำได้ ก็ต้องการผู้สั่งสอนให้บรรลุต่างกัน อย่างคนที่หนี่งต้องการ "เจ้าแม่กวนอิม" มาโปรด อย่างคนที่สองระรู้แจ้งได้จากพระสงฆ์ ส่วนคนที่สามจะต้องไม่ใช่พระธรรมดา ต้องเป็นพระที่ดุ ที่มีเมตตา กรุณามากจึงจะเปลี่ยนเขาได้ คล้าย ๆ กับให้เข้าใจผู้เรียนเป็นสำคัญ
- ในบรรดานิสิตทั้ง 11 คนนั้น ผมสังเกตุเห็นว่า จะมีฝีมือ ความพร้อม ความเหมาะสมที่จะเป็นครูได้แตกต่างกัน บางคนถึงกับท้อเมื่อเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการฝึกสอน ผมจึงเล่าประสบการณ์การสอนครั้งแรกของผมให้ฟังว่า ในเทอมแรกของการเป็นครูนั้น ผมล้มเหลวและคิดว่า ตนเองคงไม่เหมาะกับอาชีพครูเป็นแน่แท้ คือ เกือบจะถอดใจไปแล้ว แต่พอสอนในเทอมต่อ ๆ มา จึงได้ทราบว่า ตนเองเหมาะที่จะเป็นครูรักในอาชีพครูเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ก็สิบกว่าปีแล้ว ยิ่งมีความสุขและภูมิใจในอาชีพครู
- ผมได้ให้ความสำคัญกับ "อุดมการณ์และความฝัน" มาก ผมมองว่า ในการฝึกงานนิสิต 1 ปีเต็มนี้เป็นการลงสนามฝึกที่สำคัญยิ่ง ที่จะเป็นบุญเก่าที่เขาจะนำไปใช้ในอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้าต่อไป เพราะฉะนั้นควรฝึกให้หนัก และเสนอให้ผู้เรียนทำการ AAR แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ด้วยเวลาน้อยไม่ได้ถ่ายทอดสุนทรียสนทนาให้กับเขา แต่ก็ได้ให้เขาตั้งใจฟังและจดจำ Key Word ที่สำคัญต่างไปศึกษาเพิ่มเติม คือ สังคมแห่งการเรียนรู้กับแนวคิดภูเขาน้ำแข็ง สุนทรียสนทนา Theory U, Deep Listening เป็นต้น
- อีกประเด็นหนึ่งผมได้ยกตัวอย่างหนังเรื่อง Freedom Writers หนังที่สร้างจากเรื่องจริง ที่พึ่งได้ดูจากช่อง HBO เป็นหนังเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาจนประสบความสำเร็จ เพื่อหวังจะสร้างแรงบันดาลใจให้เขาฝึกงานให้เข้มข้นต่อไป มีผู้เขียนวิจารณ์ไว้ที่นี่ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gewoonleven&month=12-2007&date=16&group=3&gblog=33