ผมได้ฟังปริศนาธรรมเรื่องนี้จาก พระอาจารย์ประสงค์ จากวัดชุมแสงท่านกรุณาเทศน์เล่าให้ฟัง
พระอาจารย์เริ่มเรื่องด้วยคำถามว่า "ถ้ามีขี้ลอยน้ำมาติดที่หน้าบ้านของเรา เราจะทำยังไง" ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ให้เอาไม้เขี่ยมันออกไป"
พระอาจารย์ก็ถามต่อว่า "เขี่ยเสร็จแล้ว ขี้ลอยไปแล้ว ไม้นั้นเราทำยังไง" ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า "ก็ต้องโยนทิ้งไป"
คราวนี้พระอาจารย์ก็บอกว่า "นั่นแหละ... มีคนบางพวก ไม่ยอมทิ้งไม้เขี่ยขี้นั้นไปเฉยๆ ไม่รู้เสียดายอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าเหม็นแต่ก็หยิบกลับขึ้นมาดมอยู่เรื่อย ไม้เขี่ยขี้ เหม็นๆ น่ะ"
พระอาจารย์เล่าเรื่องจบเพียงแค่นี้ ทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมให้เอามาคิดต่อ...
เห็นด้วยกับผมมั้ย... คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็นแต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...ไม่โง่ก็โรคจิตนะ
เคยเป็นบ้างมั้ย เวลามีใครมาทำให้เราโกรธ จนเรื่องต่างๆ เหตุต่างๆ ที่ทำให้เราโกรธมันดับไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังเก็บมาคิดมาแค้นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เสียดายอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำให้เป็นทุกข์ แต่ก็เก็บความคิดแค้นมาเผาใจอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ต้องเรื่องโกรธก็ได้... เรื่องอะไรๆ ที่มันผ่านไปแล้ว แต่หลายครั้งเราก็ยังเก็บโน่นเก็บนี่มาคิด มากังวลมาเสียใจอะไรก็แล้วแต่
ผมคนหนึ่งล่ะที่เคยเป็น แล้วผมก็คิดว่าทุกคนก็คงเคยเป็นคราวหลังถ้าเป็นอีกลองบอกตัวเองสิว่า... แน่ะ... หยิบไม้เขี่ยขี้มาดมอีกแล้วนะเรา
คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็นแต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...ไม่โง่ก็โรคจิตนะ
ดูซิว่ายังจะอยากเก็บไม้เหม็นๆ ไว้ดมอีกมั้ย
ขออำภัย ที่ใช้ทับศัพท์ว่า ขี้ ครับ เพราะถ้าใช้ว่า ก้อนอุจจาระ กลัวจะไม่เห็นภาพ
มาฟังด้วยคน
สวัสดีอีกครั้งครับ พี่โย่ง สบายดียามราตรีนะครับ
ไม่เป็นไรครับกับคำว่า.....
วิจัยส่งแล้วไม่รู้ว่าเป็นยังไง
สู้ๆครับพี่ เราต้องสำเร็จ แน่นอน ปล่อยเหมือนขี้ลอยน้ำไปเลยครับ (แต่ของเราแบบติดเพชรด้วยนี่สิ)อิอิ
ทิ้งไม้ ทิ้งขี้ไปแล้ว
แต่เจ้ากลิ่นขี้มันมาวนเวียนอยู่แถวจมูก
กลิ่นแรงเสียด้วยครับ เหมือนกลิ่สตรอเบอรี่ครับ
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ทั้งสองที่แวะเวียนมาทักทายกัน
อิอิ ขำๆนะครับ ไม่ต้องเอามาคืนก็ได้ครับ ผมเผื่อแผ่อยู่แล้ว อิอิ