การเรียนรู้ตลอดชีวิตกับชาวนา (๑๗)
ขอนำรายงานของมูลนิธิข้าวขวัญ ตอนที่ ๑๗ มาลงต่อนะครับ การเรียนรู้ของชาวบ้าน ต้องการ “คุณอำนวย" คอยช่วยกระตุ้น ประสานงาน และอำนวยความสะดวก ในการเรียนรู้ร่วมกัน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกต่อการดูดซับความรู้จากภายนอก ผมประทับใจวิธีมองความสัมพันธ์ระหว่าง “คุณอำนวย” กับ “คุณกิจ” ชาวนามาก โปรดอ่านและตีความเอาเองนะครับ
ตอนที่ 17 “คุณกิจ” กับ “คุณอำนวย”
การเข้าไปลงพื้นที่ชุมชนของเจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ในฐานะคนนอกชุมชน ที่เข้าไปสมัครเป็นสมาชิกคนใหม่เป็นคนใน – ในชุมชน เข้าไปเป็นลูกเป็นหลานของชุมชน นักเรียนชาวนากินอยู่กันอย่างไร ก็ต้องทำตามเขาอย่างนั้น จากจุดนี้เอง... จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อย่าง “คุณอำนวย” (knowledge facilitator) ซึ่ง “คุณอำนวย” ต้องทำความรู้จัก ความเข้าใจในสภาพความเป็นวิถีชีวิตและความเป็นวิถีชุมชน “คุณอำนวย” จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน พร้อมๆกับพยายามเข้าไปฟังปัญหาจากเสียงเงียบของนักเรียนชาวนา “คุณอำนวย” จะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้เป็นคนในของชุมชนที่นักเรียนชาวนาสามารถพึ่งพาได้
การจัดการความรู้ในชุมชนที่เกิดขึ้นนี้ เป็นความร่วมมือกันระหว่างชุมชนกับมูลนิธิข้าวขวัญ ระหว่างนักเรียนชาวนากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ระหว่าง “คุณกิจ” กับ “คุณอำนวย” การจัดการความรู้ผ่านโรงเรียนชาวนา ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ถือเป็นเวทีของความร่วมมือ เป็นเวทีของการแลกเปลี่ยนความรู้ ร่วมกันใช้โอกาสต่างๆ เพื่อนำไปสู่การจัดการความรู้เพื่อการพัฒนา โดยที่ “คุณกิจ” กับ “คุณอำนวย”จะเป็นคู่หูที่ต้องร่วมกันทำงานและเรียนรู้ร่วมกัน
นักเรียนชาวนากับเจ้าหน้าที่จะต้องทำงานร่วมกันตามบทบาทหน้าที่ คุณกิจอย่างนักเรียนชาวนาต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมรักษาผลประโยชน์ ในขณะเดียวกัน ส่วนของเจ้าหน้าที่จะเข้าไปมีส่วนรวมเป็นคุณอำนวย คอยเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้การจัดการความรู้ และงานกิจกรรมได้เดินไปตามกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ
การช่วยกลุ่มรวมตัวเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งคุณกิจแต่ละคนจะก็ต้องช่วยเหลือกลุ่มในรวมตัว คุณอำนวยเพียงแต่ช่วยผลักดัน หากคุณกิจสามารถช่วยกลุ่มรวมตัวได้ ก็แสดงว่ากระบวนการจะถูกขับเคลื่อนไปได้เอง กลไกอยู่ที่กระบวนการกลุ่มที่คุณกิจถืออยู่ จนสามารถใช้เป็น สำหรับโรงเรียนชาวนาแล้ว เรื่องนี้น่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับคุณอำนวยที่ได้ลดบทบาทลงบ้าง คุณกิจจะเป็นคุณอำนวยแทน แต่ก็ไม่ทุกเรื่องเสมอไป บางครั้งก็ประสบปัญหาเรื่องการรวมตัวของคุณกิจ คุณอำนวยเห็นทีท่าว่าควรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ จึงผลักดันให้คุณกิจช่วยสร้างเงื่อนไขขึ้นมาใช้ร่วมกัน ผลักดันให้การรวมกลุ่มรวมตัวของคุณกิจเป็นที่สำเร็จ
เจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็น “คุณอำนวย” ทุกวาระทุกโอกาสเสมอไป ในบางจังหวะเจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนตนเองเป็น “คุณกิจ” บ้าง สิ่งใดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่จะต้องเปลี่ยนบทบาทจาก “คุณอำนวย” มาเป็น “คุณกิจ” คราวนี้สลับบทบาทกัน เพราะโรงเรียนชาวนายึดหลักการของการเรียนรู้ร่วมกันและการทำงานร่วมกันเป็นสำคัญ อย่างนี้ก็จะเข้าแนวคิดที่ว่า สามคนเดินมาด้วยกัน สองคนเป็นครู โอกาสที่จะร่วมเรียนรู้จึงเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ คุณกิจกับคุณอำนวยในกรณีนี้ คนเดียวจึงสลับบทบาทกัน หากคุณอำนวยไม่รู้ คุณกิจรู้ คุณกิจก็ต้องบอก เพื่อแลกเปลี่ยนร่วมเรียนรู้
หากคุณอำนวยเห็นว่ายังมีแหล่งการเรียนรู้ภายนอกที่น่าสนใจ อันจะเป็นประโยชน์ต่อ การเรียนรู้ของคุณกิจ ขณะที่คุณกิจเองก็สนใจในเรื่องใดๆนั้นด้วย คุณอำนวยจะประสานงานแหล่งการเรียนรู้อื่นให้ อย่างเช่น ไปเรียนรู้เรื่องเชื้อราไตรโครเดอร์มา ที่คลินิกสุขภาพพืช ภาควิชา โรคพืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ไปเรียนรู้จากเครือข่ายเกษตรกรชุมชนที่จังหวัดพิจิตร ไปเรียนรู้และเก็บเชื้อจุลินทรีย์ที่น้ำตกไซเบอร์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น จะเห็นได้ว่าคุณอำนวยจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของคุณกิจเป็นบทบาทสำคัญ
การเป็นคุณกิจ การเป็นคุณอำนวย ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือกลายไปเป็นเรื่องยาก สิ่งเหล่านี้ฝึกฝนได้ด้วยการเรียนรู้ ในโรงเรียนชาวนา คุณกิจ...สำคัญที่จะต้องมุ่งเรียนรู้ ทำไปด้วยเรียนรู้ไปด้วย ผลงานที่ออกมาคือรางวัลของการฝึกฝน จะสำเร็จหรือไม่ ? สำคัญอยู่ที่ว่าคุณกิจได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนทำไปหรือไม่ ?
แล้ว... คุณอำนวยอย่างเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนชาวนาต้องขยันทำงาน ต้องเป็นตัวกลางใน การประสานงานจากจุดต่างๆที่วิ่งไหลเข้ามาหาคุณกิจ คุณอำนวยจะช่วยรับมาแปลงสารให้กับ คุณกิจ จะได้เหมาะสมและเข้ากันได้ด้วยดี หากคุณกิจไม่รู้ คุณอำนวยรู้ คุณอำนวยก็ต้องบอก
ในโรงเรียนชาวนา ทั้งคุณกิจและคุณอำนวยจะต้องร่วมมือกันแล้วก็ต้องทำเพื่อให้เกื้อกูลกัน เกื้อกูลกันอย่างไร ? จึงใคร่ขอทบทวนและยกตัวอย่างสถานการณ์ที่จะแสดงภาพได้อย่างชัดเจน จากเรื่องของกองทุนปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่ผ่านมานั้น เราๆท่านๆจะเห็นได้ว่า นักเรียนชาวนาได้รับเงินงบประมาณมาจำนวนหนึ่ง เพื่อจะทำปุ๋ยหมักชีวภาพ นักเรียนชาวนาแต่ละคนก็ช่วยกันคิด แต่กลายเป็นต่างคนก็ต่างจะเอาอย่างนั้นจะเอาอย่างนี้ เป็นร้อยแปดพันเก้า ตามสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการวางแผนงาน โดยวกกลับมาถึงเรื่องหลักการของการฝึกหัดจัดการ ประเด็นจึงได้ข้อยุติในระดับหนึ่งไป
ต่อมาในสถานการณ์เรื่องของการเงินการบัญชี เมื่อพบว่าคุณกิจมีการทำบันทึกด้านการเงิน แต่ยังขาดทักษะในเรื่องการทำบัญชีต้นทุนการผลิต จากบันทึกการจัดซื้อวัสดุและวัตถุดิบรายวัน ไม่ได้แยกประเภท จึงไม่สามารถทราบได้ว่าอะไรในแต่ละชนิดมีมากน้อยหรือขาดเกิน คุณอำนวยจึงเข้าไปมีส่วนรวม คุณอำนวยเป็นผู้แนะนำให้ และคุณกิจฝึกทำบัญชีต้นทุนการผลิตใหม่ ทั้ง 2 ฝ่ายอาศัยการแลกเปลี่ยนความรู้ จนคุณกิจสามารถจัดทำต้นทุนการผลิตได้เองอย่างมีระบบและเป็นระเบียบ ทำให้บัญชีต้นทุนการผลิตของกองทุนปุ๋ยหมักชีวภาพปรากฏเป็นภาพชัดเจน สถานการณ์ได้ทำให้ได้บทเรียนเป็นประสบการณ์เพื่อการพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเองของนักเรียนชาวนานั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่งและเป็นอับดับแรกของโรงเรียนชาวนา นักเรียนชาวนาต้องเรียนรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพตนเองอยู่เสมอ พบว่า ศักยภาพของนักเรียนชาวนา มีด้วยกัน 3 ระดับ คือ
§ นักเรียนชาวนาผู้นำ
§ นักเรียนชาวนาผู้ตาม
§ นักเรียนชาวนาที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
กล่าวคือ นักเรียนชาวนาส่วนหนึ่งมีแววและแสดงแววความเป็นผู้นำออกมา แววในที่นี้เป็นเรื่องของความคิดความอ่าน ทักษะการเรียนรู้ ความมุ่งมั่นปรารถนา ยอมรับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า ด้วยเพราะเข้าใจคิด เข้าใจทำ จึงสามารถเป็นนักเรียนชาวนาผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีได้ จนสามารถนำความคิด ความรู้ ความเข้าใจของตนไปนำเสนอเป็นตัวอย่างให้กับเพื่อนๆและเครือข่ายได้อีกด้วย
ในขณะที่นักเรียนชาวนาอีกส่วนหนึ่งจะขอเป็นผู้ตาม ที่ค่อยๆทำตามแบบอย่างผู้นำทำเอาไว้ ผู้นำกับผู้ตามจึงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แบ่งปันกัน ผู้ตามจะสามารถเรียนรู้ได้จากผู้นำ จากกรณีในเรื่องสมุนไพรพื้นบ้าน นักเรียนชาวนาที่รู้จักสมุนไพร และเคยทดลองทำยาสมุนไพรสูตรต่างๆ ก็กลายเป็นผู้นำเรื่องสมุนไพร แล้วนำมาสิ่งดีเหล่านี้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆร่วมชั้นเรียน
ส่วนนักเรียนชาวนาอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากยังสงวนท่าที เพียงแต่บอกได้ว่า ขอดูก่อน ขอคิดดูก่อน นั่งแสดงถึงความไม่แน่ใจ ก็เห็นเขาว่ากันอย่างนั้นจะจริงหรือ ? จะได้ผลหรือ ? ซึ่งก็ไม่เคยทดลองและฝึกหัดเอง เกรงว่าเมื่อทำแล้วจะเกิดความเสี่ยงไปต่างๆนานา จึงได้แต่ลองๆทำตามๆกันไปก่อน หรือจะทำดี หรือจะหยุดดี จึงเกิดภาวะที่ยังไม่แน่ใจ จนยังไม่ได้ตัดสินใจ รอให้ได้แบบอย่างจนเห็นเป็นประจักษ์ จึงจะทำตามได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครอยู่ในสภาพใดๆ โรงเรียนชาวนามีภารกิจที่จะต้องส่งเสริมการจัดการความรู้ให้แก่คุณกิจทุกคนได้ร่วมกันเรียนรู้ เพราะโอกาสอยู่ในมือของคุณกิจทุกคน และ คุณอำนวยก็ยินดีและจริงใจต้อนรับทุกคน ถ้าพร้อมที่จะก้าวไปสู้เส้นทางเกษตรกรรมยั่งยืน ถนนกำลังรอคุณอยู่
สังคมไทยต้องการ คุณอำนวย ที่คิดแบบนี้ ปฏิบัติแบบนี้ เป็นหมื่นคน คืออย่างน้อยตำบลละ ๑ คน ก็ ๗ พันคนแล้ว และยังต้องการในภาคราชการและภาคธุรกิจ อีกจำนวนมาก สคส. และพันธมิตรกำลังช่วยกันหาทางขยายจำนวน คุณอำนวย ที่มีทั้ง ใจ หัว และมือ เพื่อทำหน้าที่ตามที่รายงานของ มขข. เล่าไว้ในตอนนี้
วิจารณ์ พานิช
๕ มิ.ย. ๔๘