ตื่นเช้าขึ้นมาพวกเราทุกคนทานอาหารกันไม่เต็มที่เท่าไร เพราะอดนอน (ไกด์นัดเวลา6.00น.เข้านอนตี3 ตื่นทุกชม.ตี 5 ลุก) เมื่อขนสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อยเราไม่หันกลับไปมองที่โรงแรมนั่นอีกเลยและตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาสเลือกจะไม่เลือกมาที่มาเลเซียอีกชั่วชีวิตนี้ (เป็นความคิดส่วนตัวนะคะ) เราเดินทางสู่เกาะปีนังเป็นสถานที่แรกของเราที่เราจะแวะในวันเดินทางกลับสะพานที่พาเราข้ามไปสู่เกาะปีนังมีความยาวเป็นอันดับ3 ของโลกยาวและส่วยมาก เมื่อข้ามถึงเกาะบ่ายโมงพอดีทานอาหารก่อนเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่เน้นตามแบบฉบับของอังกฤษ อาจเป็นเพราะปีนังเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ปัจจุบันในปีนังจึงยังคงเก็บบ้านขุนนางของอังกฤษไว้ให้ผู้ท่องเที่ยวได้ชม และที่พลาดไม่ได้ไกด์พาเราไปไหว้พระ ซึ่งเป็นวัดไทย ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพม่า มีความสวยคนละแบบแต่ที่ทั้ง 2 วัดเหมือนกันคือความใหญ่และความสง่าสงาม เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของคนไทยทุกคนที่ได้มีโอกาสไปกราบไหว้และได้รู้ว่าวัดไทยมีความสำคัญในหมู่เกาะปีนังอยู่ไม่น้อย จากนั้นได้เดินทางกลับจุดมุ่งหมายของเราคือด่าน 2 ด่านที่เราผ่านเข้ามา แต่ความรู้สึกไม่เหมือนกัน วันกลับนี้เรามีความสุขมากกว่าเพราะเราจะได้กลับไปยังแผ่นดินไทยของเรา บ้านของเราที่มีทั้งความรัก ความอบอุ่น ความคิดถึง รออยู่ เพราะตลอด 3 วันที่เราอยู่ที่มาเล เราไม่ได้โทรศัพท์กันเลยต้องปิดไว้ตลอด ก่อนเข้าด่านบ้านเราไกด์จอดให้พวกเราได้ซื้อของฝากที่ ดิวตี้ ฟรี (ปลอดภาษี) เพื่อฝากลูกหลานและญาติพี่น้องแต่ละคนหอบกลับกันมากโขอยู่ แต่ด่านนี้ถ้าใครสนใจจะข้ามไปซื้อของก็สามารถไปได้เพราะไม่ต้องเข้าประเทศเค้า(มาเลฉลาดเข้าใจหาเงินเข้าประเทศ เงิน 1000บาทของเราแลกเงินเค้าได้ 980 บาทหรือ 98 ริงกิตห์ ) เราทุกคนเดินทางถึงถิ่นหวานลานลั่นทม(จ.เพชรบุรี)กันด้วยความปลอดภัยทุกคน ในเวลา 8.00น.วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 7 กย เป็นอันสิ้นสุดการเดินทาง
ไม่มีความเห็น