การสรรหาครู


การสรรหาครูเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ ในการบริหารงานการจัดการศึกษาต่างๆ เพราะใครก็อยากได้คนดี

มาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กำหนดให้มี
องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับสถานศึกษาของรัฐและระดับเขตพื้นที่การศึกษา
เป็นข้าราชการ ในสังกัดองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูโดยยึดหลักการ
กระจายอำนาจการบริหารงานบุคคลสู่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา
             การสรรหาครูเป็นภารกิจที่สำคัญอันดับแรกของการบริหารงานบุคคลของ
ข้าราชการครู ก.ค. ในฐานะองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู จึงได้มี
การศึกษาและวิเคราะห์การดำเนินการสรรหาครูในอดีตจนถึงปัจจุบันจากเอกสารและ
งานวิจัย เพื่อปฏิรูประบบการสรรหาให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกัน ทั้งระบบการผลิตครู
ระบบการพัฒนาครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตามแนวปฏิรูปครูและบุคลากร
ทางการศึกษาในอนาคต โดยมี วิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ และแนวดำเนินการปฏิรูประบบ
สรรหาครู ดังนี้
        1. วิสัยทัศน์การสรรหาครู
             ปฏิรูประบบสรรหาเพื่อสรรหาครูเก่ง ครูดี มีความสามารถในการจัดการเรียน
การสอน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียน
มีความสำคัญที่สุด และต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม
ตาม ศักยภาพ
         2. วัตถุประสงค์
            2.1 เพื่อสร้างระบบสรรหาที่จูงใจคนเก่ง คนดี เข้าสู่วิชาชีพครู
            2.2 เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครูให้สูงขึ้น
        3. แนวดำเนินการปฏิรูประบบสรรหาครู
            3.1 กำหนดนโยบายและระบบการสรรหาครูให้สอดคล้องกับพระราช
บัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่ประกาศใช้แล้ว และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
ที่จะประกาศใช้ต่อไป
           3.2 ปฏิรูประบบการสรรหาครูรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากการสรรหาครูรูป
แบบเดิม โดยจะพัฒนาเกณฑ์และเครื่องมือประเมินเกณฑ์ให้มีคุณภาพและมีจุดเด่น
ดังนี้
            1) เกณฑ์ในการสรรหาครู จะต้องสะท้อนคุณภาพครูตามมาตรฐานวิชาชีพ
และระดับคุณภาพครู
            2) เกณฑ์ในการสรรหาครู จะต้องมีความสอดคล้องและเขื่อมโยงกับระบบ
ผลิตครู ระบบพัฒนาครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
            3) เครื่องมือในการประเมินเกณฑ์การสรรหาต้องมีคุณภาพสามารถวัด
คนเก่ง คนดี มาเป็นครูตามเกณฑ์ที่กำหนดได้จริง
            4) การสรรหาต้องมีเกณฑ์กลางที่มีความยืดหยุ่น และจูงใจให้คนเก่ง
คนดีมาเป็นครูรุ่นใหม่
            5) การสรรหาครูต้องกระจายอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา
สรรหาครูได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดย ก.ค. เป็นผู้วางระบบหลักเกณฑ์
และวิธีการสรรหา รวมทั้งระบบการติดตามประเมินผล
            6) วิธีการสรรหาครูจะต้องมีหลายวิธี ทั้งวิธีการสรรหาจากบุคคลทั่วไป
และการสรรหาลักษณะพิเศษ เช่น การสรรหานักเรียนทุนมาเป็นครู และพนักงาน
ของรัฐ
            7) การเข้าสู่วิชาชีพครูจะต้องให้มีการทดลองปฏิบัติการสอน เป็นระยะ
เวลา 2 ปี และเมื่อการประเมินตามหลักเกณฑ์แล้ว จึงจะบรรจุเป็นครูหรือพนักงาน
ของรัฐ
            8) ให้มีระบบกำกับติดตามและประเมินผลการสรรหาครูอย่างเป็นระบบ
ครบวงจร

นั่นจาก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ครับ

ส่วนนี่ บัญญัติใหม่ อิอิ ที่ไม่ต้องหยุดสำหรับครู ผู้ที่ทำอาชีพอื่นใช้ด้วยก็ได้ครับ พี่น้อง

ครู 11 ต้อง

1. ต้อง รู้ก่อน

2. ต้อง  สอน   ทวนซ้ำ

3. ต้อง  ทำ   ให้เห็น

4. ต้อง  เน้น   ปฏิบัติ

5. ต้อง  จัด   เสริมกำลังใจ

6. ต้อง  ชี้   พิษภัยให้กลัว

7. ต้อง  ทำตัว   ใกล้ชิดศิษย์

8. ต้อง   กล่อมจิตให้เกิดศรัทธา

9. ต้อง   รักษากติกาอย่างเคร่งครัด

10. ต้อง   วัดและประเมินผลอย่างเที่ยงตรง

11. ต้อง   ดำรงความรักความเมตตาไว้ให้ถาวร

ครู 12 ไม่

1. ไม่   หน้าบึ้ง  หน้างอ

2. ไม่  ด่าทอ   หยาบคาย

3. ไม่   มาสอนสายเป็นประจำ

4. ไม่   ชักนำให้เชื่อโชคลาง

5. ไม่   พูดอย่างทำอย่าง

6. ไม่   วางท่าข้าเยี่ยม

7. ไม่   ลืมเตรียมการสอน

8. ไม่   ลืมนำอุปกรณ์มาใช้

9. ไม่   แต่งกายหวือหวา

10. ไม่   วิ่งหาอบายมุข

11. ไม่   ก่อทุกข์ให้ผู้อื่น

12. ไม่  ฝืนใจสอน

เป็นไงครับ สิบเอ็ดต้องกับสิบสองไม่ ถูกใจครูพันธ์ใหม่หรือไม่

ง่วงแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้อง ฮิ้วๆ

หมายเลขบันทึก: 207657เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2008 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท