ในเวทีประชุมเกษตรอำเภอประจำเดือน เกษตรอำเภอทุกอำเภอ และเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท พร้อมกันเข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบาย และแนวทางส่งเสริมการเกษตร โดยมีนายรังสรรค์ กองเงิน เกษตรจังหวัดชัยนาทเป็นประธาน
หลังจากกล่าวถึงคำสั่ง และนโยบายต่างๆ ทั้งของกรมส่งเสริมการเกษตร และจังหวัดชัยนาท ซึ่งได้มีคำสั่งลงมา (Top down) ให้พื้นที่ดำเนินการมีหลากหลายเวลาแต่ส่วนใหญ่จะเป็นคำสั่งที่จะให้เร่งรีบดำเนินงานให้แล้วเสร็จด่วนที่สุด ที่ฟังแล้วทอดถอนใจกันเฮือกๆ รอจนเวทีเปิดโอกาสให้เกษตรอำเภอสรรคบุรี (นายวิชัย มาฆพัฒนสิน) จึงได้รับฟังเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งที่ได้รับฟังมาแล้วจากพี่อัญชัญ นุ่นละออง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว มาหลายครั้งตั้งแต่เริ่มโครงการพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร สิ่งที่สร้างความสนใจคือแผนภาพแห่งความคิด (Mind Map) ที่แสดงแผนการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนที่วางไว้อย่างลงตัว พร้อมการนำเสนอของเกษตรอำเภอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแยม แฝงไว้ด้วยความจริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายจากเกษตรจังหวัดชัยนาท การนำเสนองานหรือความคิดนั้นไม่ใช่ครั้งแรกของเกษตรอำเภอ เพราะจากการประชุมหรือเวทีหลากหลายงานแต่ละครั้ง จะได้รับการนำเสนอเป็นประจำ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการนำเสนอด้วย Mind Map ซึ่งขีดเขียนด้วยปากกาเคมีลงบนกระดาษฟาง ซึ่งดูเหมือนธรรมดา แต่คงไม่ธรรมดาเมื่อมองถึงจิตใจของผู้นำเสนอถ่ายทอดแนวคิด และความรู้สึกลงบนแผ่นกระดาษนี้ ต่างจากที่ผู้เขียนเคยใช้โปรแกรม Mind Map นำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ผ่านเครื่องฉายสู่สายตาผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งดูเหมือนแข็งและไร้ความรู้สึกทั้งที่ได้ใส่เทคนิคนำเสนอ จึงได้ทราบถึงสัจธรรมและอำนาจของงานศิลป์ที่ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยมือ แม้ไม่ทันสมัยแต่ได้ใจผู้ชม
จากการนำเสนอของท่านเกษตรอำเภอสรรคบุรีครั้งนี้ อดไม่ได้ที่จะต้องนำกล้องถ่ายรูปที่ถูกวางไว้ในตู้ เนื่องจากไม่ได้ประสงค์ที่จะหยิบขึ้นมาใช้งาน ด้วยเห็นว่าวันนี้คงเป็น วันพักผ่อนของกล้องที่ได้ผ่านงานมาหนักมานาน แต่แล้วต้องเร่งรุดบรรจุแบตเตอร์รี่ ให้พร้อมบันทึกภาพเพื่อประกอบการนำเสนอ แต่สบายอยู่ที่ไม่บันทึกตามคำบอกเล่าเพราะมีประเด็นสำคัญอยู่ที่ Mind Map กล่าวโดยสรุปประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. กำหนดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทุกวันจันทร์
2. กำหนดให้มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบภารกิจตามความถนัด
3. เน้นที่ข้อมูลได้ปรับปรุงข้อมูลอำเภอให้เป็นปัจจุบัน โดยผ่านเวทีหารือของเจ้าหน้าที่ในสำนักงานเกษตรอำเภอ กำหนดให้มีการรวบรวมข้อมูลมือ 2 ซึ่งจากหน่วยงานต่างๆ เช่น พัฒนาที่ดิน เกษตรจังหวัด ท้องถิ่น ( อบต. เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน) ปกครอง (อำเภอ พัฒนาการ) และการจัดข้อมูลมือ 1 เป็นข้อมูลเชิงลึก โดยจะเก็บข้อมูลการพืชเป็นรายแปลง โดยเน้นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของอำเภอ ในเบื้องต้นจะจัดเก็บข้อมูลการผลิตข้าว โดยใช้เครื่องวัดพิกัด GPS ในการเก็บข้อมูลพิกัดแปลงที่ดิน และจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดประกอบแปลงนา และการปฏิบัติในการปลูกข้าวของเกษตรกร โดยข้อมูลที่จัดเก็บจะนำมาประมวลผลและจัดทำเป็นระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยจะนำมาเชื่อมกับข้อมูลอื่นๆที่มีอยู่แล้ว ของหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการวางแผน และสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อไป เช่น
- ข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และข้อมูลเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ของกรมส่งเสริมการเกษตร
- ข้อมูลชุดดิน/ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน ของกรมพัฒนาที่ดิน
- ข้อมูลการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินของมหาวิทยาลัยเกษตรกร
4. มีการปรับปรุงคณะกรรมการศูนย์ฯ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล
5. เน้นศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำตำบล (ศบกต.) เป็นกลไกลขับเคลื่อนงานเบ็ดเสร็จ การจัดการองค์ความรู้ เบ็ดเสร็จ ด้านเอกสารวิชาการ เผยแพร่ ข้อมูลพื้นฐานตำบล คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ มีการเชื่อมโยงระหว่างภาคี วิทยากร ปราชญ์ชาวบ้าน
6. แผนพัฒนาการเกษตร โดยผ่านเวทีประชาคม ศบกต. อปท. คณะกรรมการหมู่บ้าน จัดทำแผนพัฒนาการเกษตร 3 ปี แผนพัฒนาการเกษตร 1 ปี และเสนอของบประมาณจาก อปท. ซึ่งในแต่ละตำบลมีทั้งได้รับการสนับสนุน และไม่ได้รับการสนับสนุน
เวทีหารือในสำนักงานเกษตรอำเภอ
ได้ข้อสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดจัดประชุมชี้แจ้งทำความเข้าใจ
การดำเนินงานและการถ่ายโอนภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตรสู่ อปท. ให้กับปลัดและเจ้าหน้าที่ของอปท. ทุกตำบลทีสำนักงานเกษตรอำเภอ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2551 จากการจัดประชุมชี้แจ้งพบจุดอ่อนในการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล ที่ผ่านมาสรุปดังนี้ (ข้อมูลจากปลัดประจำตำบล) ดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ไม่ทราบเงื่อนเวลาในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งตามปฏิทินในเดือนมีนาคมจะมีการทบทวนแผนและกำหนดให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนของทุกปี เพื่อประชุมพิจารณาอนุมัติแผน ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานมีการส่งแผนให้ล่าช้าหลังการประชุมอนุมัติเรียบร้อยแล้ว หลายหน่วยงานไม่มีการประสานและบูรณาการในการจัดทำแผนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างคนต่างทำ โดยเฉพาะการจัดเวทีประชาคม
2. ข้อมูลที่ได้จากการทำแผนมีความหลากหลาย ซ้ำซ้อน และมีการของบประมาณรวมกันแล้วเกินมากกว่าจำนวนงบประมาณที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้สำหรับการพัฒนาท้องถิ่น
3. การบริหารงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร
4. ในการเสนอแผน จะทำหนังสือประสานอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการประสานด้วยวาจา ใช้ความคุ้นเคยใกล้ชิด และความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้บริหาร หรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
5. การจัดส่งแผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล ไม่มีรายละเอียดของโครงการ กิจกรรม ขั้นตอนวิธีการดำเนินงาน และงบประมาณในการดำเนินงานในส่วนย่อย ส่วนใหญ่เขียนแค่ชื่อโครงการและงบประมาณ ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ทราบรายละเอียดของโครงการที่แท้จริง ทำให้บางครั้งไม่สามารถสนับสนุนงบประมาณได้
6. ไม่จัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ และไม่ชี้ชัดหรือระบุว่าว่าอะไรเป็นแผนงานเป็นนโยบายหลักหรือที่สำคัญเร่งด่วนของหน่วยงานที่จะขอรับการสนับสนุนเป็นอันดับแรกๆ
7. พระราชบัญญัติการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฉบับใหม่ ต้องเริ่มที่การจัดทำแผนของชุมชน โดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านที่มาจากตัวแทนของกลุ่มอาชีพต่างๆ ในชุมชน เป็นคณะทำงานในการจัดทำแผนชุมชนโดยตำแหน่ง และแผนพัฒนาท้องถิ่นมีการแต่งตั้งตัวแทนของหน่วยงานรัฐประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน
8. การเรียนรู้ ของเจ้าหน้าที่ ได้จากเอกสารวิชาการ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาคี เกษตรกร และจากการศึกษาดูงาน ส่วนเกษตรกรได้จากนักวิชาส่งเสริมการเกษตร เอกสาร ศูนย์เรียนรู้ อบรม ศึกษาดูงาน และภาคี
การดำเนินงานของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล ( ศบกต. )
จะดำเนินงานด้านบริการแบบเบ็ดเสร็จ จัดเวทีการจัดการองค์ความรู้ ข้อมูลพื้นฐาน การสร้างวิทยาการ การจัดการอบรม รวมถึงการให้บริการคลินิกเกษตร จัดเฉพาะตามสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงการประสานงานกับภาคีให้บริการสู่ประชาชน โรงเรือน นักเรียน และนักศึกษา
จากการนำเสนอแผนและการปฏิบัติงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรใหม่ โดยใช้ Mind Map โดยลำดับขั้นตอนให้เข้าใจได้ง่ายและน่าสนใจ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับฟังอย่างน่าสนใจ หวังว่าแนวคิดต่างๆ ตามระบบส่งเสริมการเกษตรใหม่ จะได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้ข้อมูล ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิชาการ จากการประสานงานเพื่อการรับความร่วมมือจากภาคี เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐ ประชาชน เกษ๖รกร สถาบันเกษตรกร และองค์กรต่างๆ และการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีส่วนร่วมของชุมชน ควบคู่กับการจัดการความรู้เพื่อการพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ประจักษ์
ขอให้ได้สูตรที่อร่อยกว่านะครับ สู้ๆๆ จะได้กล้วยตากสูตรอาจารย์ประจักษ์