ปัสสาวะ


บำบัด

ปัสสาวะบำบัด คือการใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรคโดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย

ประวัติของปัสสาวะบำบัด

                ตำราไทยโบราณหลายเล่ม กล่าวถึงการใช้ปัสสาวะรักษาโรค ในพระวินัยปิฎกเขียนไว้ว่า พระภิกษุปฎิบัตินิสสัยสี่ ให้ฉันน้ำมูตรแช่ผลสมอเพื่อแก้โรคต่างๆ

                ปกติปัสสาวะเป็นกรดอ่อนๆ จะมีสีเหลืองอ่อนๆไปจนถึงขาวใส ถ้าปริมาณปัสสาวะน้อยปัสสาวะก็จะข้นและมีสารในนั้นมากกว่าปัสสาวะใสขึ้นกับอาหารที่ที่รับประทานและสุขภาพของคนนั้นๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนียอาหารที่รับประทานเข้าไปก็ทำให้มีกลิ่นได้ ปัสสาวะของคนปกติจะมีรสเค็มๆถ้าปัสสาวะเข้มมากอาจมีรสขมมากๆซึ่งสิ่งที่รับประทานเข้าไปยังมีผลต่อสีและรสของปัสสาวะด้วย

                ในคนที่เป็นโรคดีซ่านปัสสาวะจะเป็นสีเหลืองขมิ้นกระทั้งเป็นสีน้ำตาล คนที่เป็นโรคไตหรือทางเดินปัสสาวะก็อาจขุ่นหรือเป็นสีแดงถ้ามีเม็ดเลือดแดงออกมากับปัสสาวะด้วย สารต่างๆในปัสสาวะ 95% เป็นน้ำ

25% เป็น ยูเรีย และ 25%เป็นสารอื่นๆเป็นส่วนผสมของเกลือแร่ เกลือ ฮอร์โมน เอ็นไซม์ และภูมิคุ้มกัน สารต่างๆเหล่านี้แม้จะมีปริมาณน้อยในปัสสาวะแต่พบว่าอยู่ในรูปแบที่มีศักยภาพสูง เมื่อดื่มเข้าไปจะซึมผ่านเยื่อบุกระเพราะอย่างรวดเร็วและเกิดผลต่อร่างกาย  เมื่อดื่มปัสสาวะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น  และอัตราเผาผลาญในร่างกายสูงขึ้น   ปัสสาวะของแต่ละบุคคลจะมีผลต่อการทำงานในร่างกายของแต่ละคน  โดยจะทำหน้าที่เป็นวัคซีนธรรมชาติ เป็นตัวต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส  ต่อต้านสารก่อมะเร็ง  ทำให้เกิดสมดุลกับฮอร์โมนและช่วยเรื่องภูมิแพ้

                วิธีการใช้ปัสสาวะบำบัด  มี 2 แบบ  คือ

1.      แบบใช้ภายใน

ดื่ม  ดื่มปัสสาวะตอนเช้า ช่วงกลางของปัสสาวะโดยเริ่มจาก 5-10 หยด  ก่อนแล้วค่อย

เพิ่มจนถึง 1 แก้ว ประมาณ  100 cc.  มีประโยชน์ในการรักษาโรคทั่วไป

                        ล้างพิษ  ดื่มปัสสาวะตลอดทั้งวัน ( ยกเว้นตอนเย็น ) และดื่มน้ำสะอาดด้วย  เป็นการล้างพิษออกจากร่างกาย  โดยทำให้เลือดสะอาดขึ้น  พิษจะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางอุจจาระ  เหงื่อและทางหายใจ

                       กลั้วคอ  เมื่อมีอาการเจ็บคอ  ปวดฟัน  และเมื่อมีอาการไอเป็นหวัด

                       สวนทวาร  โดยการสวนปัสสาวะเข้าไปในทวาร  เพื่อล้างลำไส้และเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย

                       หยอดหู, ตา  เมื่อมีอาการหูและตาอักเสบ  โดยการใช้ปัสสาวะผสมกับน้ำสุกที่สะอาดหยอดหูและตา

                       สูดเข้าจมูก  สูดเอาปัสสาวะสดๆตอนเช้าเข้าจมูกทั้งสองข้าง เพื่อล้างโพรงจมูก สำหรับคนที่เป็นไซนัส  เป็นหวัด  ภูมิแพ้ ( น้ำมูกไหลเป็นประจำ )

            2.  แบบใช้ภายนอก

                 ทาและนวดผิวหนัง โดยการนวดร่างกายทั้งหมดหรือบางส่วนทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออก จะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้หรือผิวหนังที่โดนแดดเผา

                       ล้างเท้า  กรณีมีปัญหาที่ผิวหนังและเล็บเท้า

                สระผม  ช่วยทำให้ผมสะอาด  นุ่มสลวย และทำให้ผมดกขึ้น

ปัสสาวะสามารถรักษาอาการปวดหลัง  แผล  แผลไฟไหม้  ภูมิแพ้  หืดหอบ  ไมเกรน  มะเร็ง  ผิวหนังผื่นแพ้  กามโรค  ปวดตามข้อ  โรคเก๊าส์  ท้องผูก  มาลาเรีย  หวัด  ตับอักเสบ  ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง  ความดันโลหิตสูง ฯลฯ

                การประเมิน

1.      ด้านความปลอดภัย  ปัสสาวะโดยธรรมชาติเป็นน้ำสะอาดปราศจากเชื้อ  และมีสารประกอบพิเศษมากมายที่มีประโยชน์ทางการแพทย์  ไม่เคยมีรายงานว่าคนดื่มน้ำปัสสาวะแล้วตาย  และการดื่มน้ำปัสสาวะไม่มีผลข้างเคียง

2.      ด้านประสิทธิผล  โรคที่ได้ผลดีจากปัสสาวะบำบัด

โรคหอบหืดและภูมิแพ้

ท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ

พวกบิดเรื้อรังจากเชื้ออะมีบา

โรคมะเร็งบางรายขึ้นกับระยะของโรค

โรคทั่วไป  เช่นโรคผิวหนัง, โรคหวัด, ไอเรื้อรัง, หลอดลมอักเสบ, ไข้จากเชื้อไวรัส, และแบคทีเรีย

หมายเลขบันทึก: 206187เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2008 23:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 08:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท