อรรถกถา มัจฉชาดก (ปลาขอฝน)
ในอดีตพุทธกาลนานมาแล้ว
มีดวงแก้วแห่งโลกาฟ้าสดใส
กำเนิดพ้นตัณหากิเลสใด
สละตนออกไปไกลทุกข์ทน
ทรงสั่งสอนชนใฝ่ให้รู้ตาม
เห็นความงามความดีทุกที่หน
ผู้ล่วงทุกข์บวชตามสละตน
ได้มรรคผลตามกาลผ่านพ้นภัย
คราครั้งหนึ่งฝนแล้งแห้งกันดาร
ขาดช่วงนานดินแห้งแหล่งน้ำไหล
บรรดาข้าวพืชผลทนอย่างไร
ต่างเหี่ยวเฉาสิ้นไร้น้ำไม่มี
ริมสระโบกขรณีเชตวัน
ศาสดาทรงรำพันเห็นถ้วนถี่
เหล่าฝูงกาพากันรุมจิกตี
ปลาเสือกสนลนลานหนีในโคลนตม
พระมหากรุณาบรรดาสัตว์
ทรงชี้ชัดทุกข์ภัยที่ขื่นขม
จำเราต้องช่วยสัตว์พ้นระทม
ให้ฝนตกพร่างพรมโลกทันใด
"ดูกรอานนท์ ขอผ้าอาบน้ำด้วย"
ศิษย์งงงวยไต่ถามตามสงสัย
ไม่ต้องถามหยิบผ้าให้เร็วไว
เราจะใช้กำลังแห่งเมตตา
ทรงนุ่งผ้าประทับยืนข้างสระน้ำ
อธิษฐานจิตนำขึ้นไปหา
ท้าวสักกะเทวราชสั่งวลา
เทวดาแห่งฝนดลบันดาล
จ้าวเทวารีบสั่งวลาหก
ทำฝนตกลงมามหาศาล
บรรดาสัตว์ใหญ่น้อยสาธุการ
กรุณาพาพ้นผ่านทุกข์ลำเค็ญ
พื้นแผ่นดินชุ่มฉ่ำน้ำไหลบ่า
รวมลงมาเต็มสระที่แลเห็น
ด้วยขันติกรุณาที่บำเพ็ญ
เกิดชุ่มเย็นทุกภัยไม่พ้องพาน
ทรงตรัสแก่ภิกษุที่ชุมนุม
เราเคยคุมฝูงปลาพาพ้นผ่าน
ถึงเวลาฝนแล้งน้ำกันดาร
อธิษฐานเช่นนี้เคยมีมา
น้ำพระทัยกรุณาพาฝนตก
เป็นสาธกนิทานผ่านปัญหา
ท่านทรงเหล่าแก่ภิกษุด้วยเมตตา
อุทาหรณ์สอนเรามาแต่เก่ากาล
ในที่ใดเดือดร้อนแล้งกันดาร
ย่อมต้องการเมตตามหาศาล
ราวสายฝนพราวฟ้าพรมประทาน
ให้พ้นพาลทุกข์ภัยที่เบียดเบียน...
สาธุ...เพิ่งรู้ประวัติวันนี้ ได้ยินแต่แห่ปลาช่อนขอฝน เป็นยังนี้นี่เอง
ได้รู้ประวัติวันนี้นี่เองแห่ปลาช่อนขอฝน ต่างๆ
คติอยุ่ตรงในค่ะ