ภาพนี้เป็นคลองอีกสายที่ไม่ขุดด้วยแบคโฮ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ จะเห็นว่าระดับน้ำสูงกว่านาครับ คลองที่ถูกขุดไปกว้างกว่านี้ 2- 3 เท่า
ใต้สะพานไม้หมาก เป็นคลองที่ขุดแล้ว และเต็มไปด้วยต้นกก และไม่มีน้ำไหล สังเกตุความลึกครับ สูงท่วมศีรษะนะครับ
ภาพล่าง พื้นที่รถจอดเป็นคันคลองครับ ด้านหน้ารถเป็นคลองที่โดนขุดลอกครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ผลที่ตามมาคือนาร้าง คลองเหือด รกร้าง ไร้ชีวิต น้ำไม่ไหล ถ้ารู้ว่าจะเกิดผลเช่นนี้ ผมจะคัดค้านการขุดลอกคลองตั้งแต่เด็กๆ แล้ว หรือถ้าทำได้ ถมคลองปล่อยให้ต้นไม้คลุมคลองเหมือนเดิม จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์คลองได้เหมือนเดิม
ที่นี่เป็นเสมือนเถียงนา หรือเพิงพักในยามลงนา ซึ่งปีนี้ สองหนุ่มได้ไปนั่งพัก หลังการลงแรงดำนาอย่างสนุก
ความจริงที่ไม่มีในตำรา
เมื่อ 4 - 5 ต.ค. 51 ผมไปพิจารณาดูผืนนา(ของชาวบ้าน)ที่ติดคันคลอง ผมเห็นว่าเป็นนาร้างอยู่ประมาณ 7-10 ปี แล้ว จึงไปเอ่ยปากขอใช้ประโยชน์ ซึ่งเขาก็อนุญาตให้ใช้ฟรีไม่ต้องเช่า
พื้นที่กว้างประมาณ 40 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งแห้งแล้งแต่อยู่ใกล้บ้าน น่าจะพลิกฟื้นทำนาได้ หากสามารถซ่อมฝายยกระดับน้ำขึ้นมา อาจต้องเอาแทรคเตอร์ดันดินลงไปกลบถมพื้นฝาย แม้หน้าแล้งก็ยังสามารถปลูกมันเทศปลูกผักได้
ทฤษฎีบางทีก็ใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ ต้องอาศัยประสบการณ์ในการสอน ผมว่าหากขุดลอกแล้วทำเป็นชลประทาน แบบคอนกรีต น่าจะเหมาะสมเหมือนกันนะครับ แต่ก็คงจะติดเรื่องงบประมาณอีกนั่นล่ะ ผมเคยเห็นบางที่ทำแบบคอนกรีตนี้ก็ดีนะครับ ถ้าจัดการดีๆ สมัยผมเด็กๆ นาของผมยังเป็นแบบนี้เลย ทำนาได้ทั้งปี เพราะน้ำในชลประทานมีตลอด จะปลูกผักก็ได้ แต่สมัยนี้พื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นหมู่บ้านไปแล้วล่ะครับ ต้านแรงนายทุนไม่ไหว เขาขายเราก็ต้องขายตาม ไม่งั้นไม่มีทางออก 5 5 5
แถวบ้านผมก็มีถูกถมที่สร้างบ้านครับ แต่ที่นายังไม่เปลี่ยนมือครับ คงเพราะอยู่ห่างจากเมืองมากมั้ง
จนถึงวันที่ตอบบันทึกนี้ทุกอย่างยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเข้าทุ่ง ต้องขับแทรคเตอร์อ้อม 2 ก.ม. เพื่อไปที่นาที่ห่างเพียง 200 เมตร ครับ แถมเจอปัญหาถูกดำนาปิดทาง ผมต้องแก้ไขโดยการเจรจาขอเว้นที่ให้เท่าทางเข้าออก แล้วไถนาชดเชยพื้นที่ให้เขาประมาณ 2 - 3 เท่า ครับ เพื่อแลกกับทางเข้าออกที่สะดวกและได้ตลอดฤดู
พื้นที่ที่ผมเข้าไปบุกเบิกนาร้าง ตอนนี้ได้ 4 แปลงแล้วครับ เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ครับ ทำนาดำไปแล้ว 3 แปลง อีกแปลงกำลังเจรจาข้อตกลงกันอยู่ ถ้าไม่มีคนดำนา ก็จะใช้วิธีการหว่านครับ ที่ว่างนาร้างแถวนั้น ยังสามารถทำได้อีกหลายสิบไร่ครับ หรือถ้าจะทำกันจริงๆ สามารถทำได้เป็นร้อยเป็นพันไร่ครับ
ที่บอกว่า ลอกคลองให้น้ำไหลสะดวกนั้น ลอกคลองหรือขุดแต่งริมตลิ่งกันแน่ครับ บางครั้งผมมองว่า มันน่าจะมีผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ เช่นแถวบ้านผม ที่ตุยง อบจ. ก็มาขุดลอกริมตลิ่ง (ไม่ได่ทำให้คลองลึกลงไปเลย ) ทำให้ต้นไม่ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ริมตลิ่ง ต้องตายไป ทำให้ไม่มีอะไรยึดดินไว้ เมื่อฝนตกลงมา หน้าดินที่อยู่ริมตลิ่ง ก็จะไหลลงคลองอีก ก็จะต้องหางบประมาณ มาขุดอีก ผมมองว่า นี้คือการล้างผลานงบประมาณครับ และผลที่ตามมา จากการที่ไม่มีต้นไม้ ขึ้นอยู่ริมคลอง ก็ทำให้ พวกปลาปู ที่เคยมีอยู่อย่างมาก ต้องหายไป ชาวบ้านที่เคยหากินกับปูปลาที่เคยมีอยู่ ต่างก็บ่นไปต่ามๆกัน ว่าตั้งแต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ พวกเค้าต่างหาปูปลาไม่ได้กันเลยครับ ก็น่าเห็นใจนะครับ ที่ไม่สามารถทำนาได้ ความจริงถ้าคลองมีน้ำลึก น่าจะหาประโยชน์ จากความลืกของน้ำคลองนะครับ เพราะที่เห็นระยะนี้ หลายพื้นที่ มีการเลี้ยงปลาหรือ กบในกระชังกัน น่าจะลองดูนะครับ.....
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ชนันท์
ตอบ คุณเสวก ใยอินทร์ ผมเห็นข่าวปีนี้น้ำในเขื่อนมีไม่ถึงครึ่ง น่าเป็นห่วงอีกแล้วครับ พื้นที่เขตชลประทานภาคเหนือ-กลาง ทำนาใช้น้ำกัตลอดปี แถวโคกโพธิ์ ปัตตานี บ้านผมอยู่เขตชลประทานแท้ๆ น้ำมีตลอดปี แต่ทำนาปีละครั้งยังไม่ได้เลยครับ ปล่อยนาร้างว่างเปล่า สำหรับความคิดเห็นของลุงบูล ตรงกับความคิดของผมเรื่องต้นไม้ริมตลิ่งครับ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ขณะที่เรารณรงค์แหล่งวางไข่และที่หลบภัยของปลา แต่เรากลับทำลายต้นไม้ริมตลิ่ง อ้างว่าเพื่อให้การะบายน้ำได้ดี แต่เชื่อไหม น้ำหลากชนิดระบายไม่ทันปีละประมาณ 15 วันเอง แต่ขุด-ตัดต้นไม้ถาวรตลอดชาติเลย ปลาปูจึงหายไปจากธรรมชาติไงครับ