การแต่งงานแบบภูไท


ติดปีกให้ความรักโบยบิน...เหนือจินตนาการ

การแต่งงานแบบภูไท


ขั้นที่ 1 ทาบทามพ่อล่าม แม่ล่าม

เมื่อฝ่าย ว่าที่เจ้าบ่าวได้แจ้งเรื่องให้ ญาติพี่น้อง พ่อ แม่ ได้ทราบถึงจุดประสงค์ที่จะทำการแต่งงาน เมื่อมีความพร้อมแล้ว และทุกคนเห็นชอบก็จะมีการปรึกษา หารือกัน และกันว่าจะไปทาบทามครอบครัวไหนมาเป็นพ่อล่าม หรือเป็นล่ามในการติดต่อกับญาติฝ่ายเจ้าสาวให้ เมื่อมีชื่อครอบครัวและหัวหน้าครอบครัวที่เห็นว่ามีค วามเหมาะสม ตามคุณสมบัติของการเลือกเป็นพ่อล่าม-แม่ล่ามแล้วก็จะไปทาบทาม โดยอาจมีการหมายไว้หลายคู่เผื่อทาบทามแล้วครอบครัวที ่ไปปฏิเสธไม่รับ ก็ไม่มีการกล่าวโทษหรือโกธรกัน เพราะถือว่าเป็นการเสี่ยงทายอีกลักษณะหนึ่ง

คุณสมบัติเบื้องต้นของครอบครัวที่จะเป็นพ่อล่าม-แม่ล่าม มีดังนี้

1. เป็นครอบครัวที่มีผู้นำครอบครัว ทั้งสามี - ภรรยาอยู่พร้อมหน้า ขยันขันแข็ง และเป็นที่ยอมรับเรื่องการประพฤติตน ในการครองเรือน สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในปัจจุบันและภายภาคหน้า ได้

2. ต้องไม่มีประวัติการอย่าร้าง ทะเลาะเบาะแว้ง ตบตีกัน หรือมีสถานภาพเป็นหม้าย

3. คนในชุมชนให้การยอมรับว่าเป็นผู้มีความประพฤติดี เหมาะสมแก่การเป็นพ่อ-แม่คนที่สองของคู่สมรสได้

4. มีอายุมากกว่าคู่สมรส และอยู่ในฐานะที่จะว่ากล่าว ตักเตือน บอกสอน หรือสนับสนุนคู่บ่าวสาวให้ควรค่าแก่การถือเอาเป็นแบบ อย่างในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม

5. คนที่จะเป็นพ่อล่าม-แม่ล่ามจะมีลูกล่ามได้เท่ากับจำนวนบุตรของตนเท่านั้น เช่นมีบุตร 3 คนก็จะเป็นพ่อล่าม-แม่ล่ามให้คู่สมรสที่แต่งงานได้แค่ 3 คู่เท่านั้น แต่มีข้อยกเว้นว่าหากจะเป็นล่ามให้เกินจำนวนลูกของตน เอง ครอบครัวของเจ้าบ่าวต้องทำพิธีบายศรี-สู่ขวัญ ให้กับคนที่จะเป็นพ่อล่าม-แม่ล่ามของลูกชายตนเอง เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่ดี ที่อาจจะเกิดตามความเชื่อของคนภูไทว่า มันจะแพ้” (เกิดสิ่งไม่ดี เช่น เจ็บป่วย ไม่สบายหรือเกิดเรื่องราวอื่นๆ)

เมื่อเล็งเป้าหมายครอบครัวที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้ นได้แล้ว พ่อ-แม่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวก็จะ

เตรียมตัวไปทำการทาบทามครอบครัวดังกล่าว โดยการเตรียมสิ่งของดังนี้ คือ ดอกไม้ เทียนคู่ เป็นเครื่องขอสมมาบอกกล่าว (มีดอกไม้ 2 ดอก เทียน 2 เล่ม) เตรียมถือไปด้วย ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมในการไปทาบทามที่ถือปฏิบัติ

เมื่อไปถึงบ้านของครอบครัว เป้าหมายหลังแรกที่จะไปทาบทาม พ่อ-แม่ว่าที่เจ้าบ่าวก็จะเกริ่นถาม

ผู้นำครอบครัวที่จะทาบทามให้เป็นพ่อล่าม-แม่ล่าม สำหรับลูกชายของตนด้วยภาษาพื้นบ้าน

คือภาษาภูไท ว่า

เป็นซะเลอเด้....มื่อคืนฝันดีอยู่...แหน่บ่อหน้อหรือมื่อคืนฝันว่าซะเลอ ฝันดีอยู่บ่” (เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนฝันดีบ้างหรือเปล่า ? ฝันว่าอย่างไร)

ถ้าครอบครัวเป้าหมายตอบว่าฝันไม่ค่อยดี ก็จะให้เขาไขความฝันให้คนที่ไปทาบทามรู้

เมื่อได้ฟังความฝันที่เขาตอบว่าไม่ดี ก็จะไม่ทำการทาบทามให้เป็นพ่อล่าม-แม่ล่าม แต่จะยังคงบอกกล่าวเป็นการเชิญชวนให้เข้าร่วมงานมงคล ของลูกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแทน แล้วก็จะจากไป และไปยังบ้านเป้าหมายต่อไปเพื่อถามในลักษณะเดิม

                แต่กรณีที่ถามบ้านแรกแล้วเขาตอบว่าฝันดี ก็จะรีบแจ้งให้ครอบครัวนั้นทราบว่าวันนี้เอาข่าวดีมา ให้ เอาสิ่งมงคลมาฝากไว้ให้ช่วยดูแลสั่งสอนช่วย และก็จะแจ้งให้ทราบจุดประสงค์ที่มาหาที่บ้านเพื่อให้ ครอบครัวเป้าหมายได้ทราบจุดประสงค์ และถามความคิดเห็นว่าพร้อมที่จะรับเอาสิ่งมงคลที่มาม อบให้หรือเปล่า ถ้าเขารับก็จะมอบธรรมเนียมคือดอกไม้ เทียนคู่ ที่เตรียมมามอบให้แก่ครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้ถือว่าเป็นการรับปาก รับคำในการจะช่วยรับเป็นบุตรชายอีกคน และเป็นธุระต่อไปในการไปสู่ขอทาบทามว่าที่เจ้าสาว โดยพ่อ-แม่ ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ครอบคร ัวที่รับเป็นพ่อล่ามฟังทุกเรื่อง ทุกขั้นตอนจนเป็นที่เข้าใจแล้วก็จะลากลับเพื่อบอกข่า วแก่ดีแก่ญาติๆ ที่รอรับฟังความคืบหน้าที่บ้านและเตรียมดำเนินการขั้ นต่อไป

 


ขั้นที่ 2 การโอม (ทาบทามเพื่อหมั้นหมาย : สู่ขอลูกสะใภ้)

บทบาทนี้ถือเป็นภาระสำคัญของพ่อล่าม-แม่ล่ามที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการออกหน้าแทน พ่อ-แม่ว่าที่เจ้าบ่าวในการไปพูดคุยกับญาติฝ่ายว่าที่เจ้ าสาวหรือลูกสะใภ้ในอนาคต โดยอาจส่งคนไปบอกนัดหมายเจรจากับญาติ (เจ้าโคตร) ฝ่ายเจ้าสาว โดยนัดหมายวัน เวลา ที่เหมาะสม โดยสถานที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่บ้านพ่อ-แม่ ของว่าที่เจ้าสาว

ในอดีตสิ่งที่ที่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวต้องเตรียมให้พร้ อมก่อนการไปโอม ก็คือการเตรียมกระหยังไป่ (ภาชนะใส่ของชนิดหนึ่งคล้ายตระกล้า สานด้วยหวายหรือไม้ไผ่ มีด้วยลวดลายงดงาม ) ซึ่งต้องจัดหาให้ครบ 4 ใบ ( อัน/ หน่วย) โดย ในแต่ละใบก็จะมีการบรรจุข้าวต้มมัดบรรจุในกระหยังละ 4 คบ (ข้าวต้ม 1 คบจะมี 3 กีบมัดใส่กันต้มจนสุก) มีอ้อยกระหยังละ 4 ท่อน และกล้วยกระหยังละ 1 หวี รวมแล้วก็จะมีข้าวต้ม 16 คบ มีอ้อย 16 ท่อน กล้วย 4 หวี ในกระหยังไป่ 4 ใบที่ต้องเตรียมไป รวมทั้งเงินสินสอดที่ต้องเตรียมไว้เผื่อญาติเจ้าสาวเ รียกค่าสินสอด ซึ่งในอดีตมีการให้ค่าสินสอดทั้งตามฐานะของฝ่ายหญิงแ ละตามแต่ญาติทั้งสองฝ่ายจะทำการตกลงกันได้

เมื่อถึงวันตามกำหนดนัดหมายพ่อล่ามก็จะนำขบวนญาติฝ่า ยว่าที่เจ้าบ่าวแห่ไปที่บ้านว่าที่เจ้าสาวพร้อมสิ่งข องที่เตรียมเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติไปมอบให้ญาติผ ู้ใหญ่ฝ่ายหญิงตรวจนับดู เบื้องต้น และอาจทำการตกลงค่าสินสอด โดยส่วนใหญ่ในอดีตค่าสินสอดอาจไม่มากแต่ฝ่ายชายต้องม ีเรือนหอโดยอาจไปสร้างในพื้นที่ดินของฝ่ายเจ้าสาวหรื อของตนก็ได้ เมื่อทำความตกลงร่วมก็จะนัดหมายกำหนดช่วงวันเวลาแต่ง งาน เมื่อญาติฝ่ายว่าที่เจ้าสาวตกลงรับสินสอดและธรรมเนีย มและตรวจนับเสร็จเป็นที่พอใจก็จะรับไว้ ถ้าญาติผู้ใหญ่ตกลงไม่ได้ก็จะไม่รับและส่งคืนสิ่งของ ทั้งหมดก็ถือว่าการเจรจาไม่สำเร็จ อาจต้องล้มเลิกหรือต้องกลับมาเตรียมเพื่อกลับไปเจรจา ใหม่ ตามธรรมเนียมภูไทหากญาติฝ่ายว่าที่เจ้าสาวตกลงรับหมั ้นจะรับกระหยังไป่ไว้สองใบพร้อมของที่บรรจุส่งคืนแก่ พ่อล่ามและญาติฝ่ายเจ้าบ่าว คืนมาสองใบเพื่อให้นำข้าวต้ม กล้วย อ้อยที่อยู่ในกระหยังกลับมาแจกหรือมอบให้กับญาติฝ่าย ชายเป็นการนำบอกกล่าวถึงงานมงคลที่จะมีขึ้นในอนาคตแล ะแจ้งให้ญาติรับทราบ ฝ่ายหญิงก็จะรับไว้ สองใบ เช่นเดียวกันเพื่อจะได้นำข้าวต้ม กล้วย อ้อย ที่บรรจุไว้ ส่งมอบหรือแจ้งข่าวให้ญาติฝ่ายตนได้ทราบ ซึ่งถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ ์กับญาติมิตรในการกระจายข่าวสารและเชื่อมความสัมพันธ ์ และแจ้งให้ทราบถึงการเตรียมตัวเพื่อสร้างครอบครัวใหม ่หรือการจะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ซึ่งโดยปกตินิยมจัดให้มีงานแต่งในเดือนคู่คือ เดือน 2 เดือน 4 และ เดือน 6 เท่านั้น ส่วนเดือน 8 เดือน 10 ไม่ทำเพราะผิดจารีตประเพณี (คะลำ)

ขั้นที่ 3 การตัดไม้เพื่อทำเสาขวัญ เฮีอนสู่ (เรือนหอ) และการเตรียมงานแต่ง

หลังเจรจาตกลงกันได้ด้วยดี ฝ่ายชายต้องรีบดำเนินการตามข้อตกลง คือ รีบจัดหาไม้เพื่อทำเรือนหอ และทำการก่อสร้างโดยให้ความสำคัญกับการตัดและเลือกต้ นไม้ที่มาตั้งเป็นเสาขวัญ (เสาเอก) โดยมีพิธีกรรมคือคนที่เป็นพ่อล่าม พ่อ แม่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวก็ไปคัดเลือกต้นไม่เนื้อแข็งคั ดต้นที่มีลักษณะดี เพื่อทำเป็นเสาขวัญ ซึ่งไม้ที่นิยมคือ ไม้จิก ไม้แดง ไม้ประดู่ ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง โดยจะมีการทำพิธีก่อนล้มต้นไม้เพื่อตัดเป็นเสา โดยจะมีการพูดเพื่อเบิกเสาหรือแฮกเสาขัวัญ ว่า

ไม้ต้นนี้คือเต่าสิมาสี ใบมันฮีคือหางนาค ง้ามันตากคือหางหงส์ ง้ามันก่งคือเป็นต๋าห้อยถ๋งเงินล้าน ก้านเล็กก้านน้อยคือข่อย ข้าสิมาสู่ แท้น้อเมื่อพูดจบพ่อล่ามก็จะก็จะทำการถากหรือฟันที่เปลือกไ ม้เพื่อเป็นพิธีก่อนทำการตัดลงเพื่อทำเป็นเสาขวัญ และในวันดังกล่าวก็จะตัดไม้ได้เพียงต้นเดียวเท่านั้น

ซึ่งหลังจากวันดังกล่าวว่าที่เจ้าบ่าวและญาติ รวมทั้งพ่อล่าม อาจมาช่วยว่าที่ลูกล่ามในการพิจารณาและเตรียมวัสดุใน การสร้างบ้านช่วยพ่อ-แม่ว่าที่เจ้าบ่าวอีกแรง อาจให้คำปรึกษาในการไปดำเนินการตัดไม้เพื่อนำมาทำเป็ นส่วนประกอบบ้านจนครบและเตรียมสร้างจนแล้วเสร็จ โดยส่วนใหญ่นิยมปลูกเรือนหอด้วยลักษณะบ้านเสา 9 ต้น มี 2 ห้องคือห้องนอน และโถงบ้าน (เกย)สำหรับพักผ่อนอาศัย ระหว่างทำเจ้าบ่าวอาจเกณฑ์ญาติพี่น้องมาช่วยกันตัด เลื่อยไม้และดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเพื่อให้ทั นช่วงเวลาที่นัดหมาย  ส่วนว่าที่เจ้าสาวและญาติๆก็จะช่วยกันทำเครื่องสมมา

โดนเร่งมือในการทอผ้า ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม ตามแต่จะจัดเตรียม ซึ่งอาจประกอบไปด้วยผ้าห่ม ที่นอน หมอน ผ้าถุง ผ้าขาวม้า ผ้าตัดเสื้อ กระเป๋าสะพาย (ย่าม) และของที่จำเป็นต้องใช้(ของชำร่วย) ซึ่งเตรียมไว้สำหับมอบให้ญาติฝ่ายสามีเป็นสินน้ำใจแล ะกล่าวขอบคุณ ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้ใช้เมื่อเริ่มใช้ชีวิตครอบครัว โดยจะทำให้ทันกำหนดวันงานแต่ง ญาติๆฝ่ายหญิง ที่ว่างจากงานก็จะมาช่วยกันทำเครื่องสมมา (สมนาคุณ)

 

 

ขั้นที่ 4 วันแต่งงาน
กิจกรรมวันแต่งงานนอกจากจะเป็นวันสำคัญในชีวิตของคู่ บ่าว-สาว แล้วยังถือเป็นวันสำคัญของพ่อล่าม- แม่ล่ามที่จะต้องมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่แทนพ่อแม ่เจ้าบ่าวในการออกหน้านำขบวนเจ้าบ่าวเข้าพิธีแต่งงาน ที่บ้านของเจ้าสาวหรือที่เรือนหอที่สร้างไว้
โดยพ่อล่าม- แม่ล่ามก็จะแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสวยงาม เดินนำขบวนแห่เจ้าบ่าวจากบ้านพ่อแม่ไปยังบริเวณงาน ลักษณะเด่นของพ่อล่ามที่สังเกตได้ง่ายคือจะถือง้าว และสะพายย่าม เดินนำหน้าและมีภรรยาหรือแม่ล่ามเดินตามหลัง แล้วตามด้วยเจ้าบ่าวที่แต่งตัวหล่อสุดๆ ตามมาติดๆ ด้วยญาติฝ่ายเจ้าบ่าวถือสัมภาระที่จำเป็นเช่น ขันหมาก ถาดบรรจุสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ทำพิธีอื่นๆ

ซึ่งในย่ามที่พ่อล่ามสะพายจะบรรจุสิ่งของดังต่อไปนี้- อูบหมาก ซึ่งภายในจะบรรจุ หมาก พลู แสด ปูนเคี้ยวหมาก และอุปกรณ์การเคี้ยวหมาก ยาสูบ โดยสิ่งเหล่านี้ที่ต้องเตรียมในอดีตคนจะชอบเคี้ยวหมา ก สูบบุหรี่ ขณะเจรจาหรือพูดคุยพบปะกัน  น้ำเต้า บรรจุน้ำ ไว้ใช้ประกอบการเคี้ยวหมาก และแสดงว่าไม่ได้แล้งน้ำใจแสดงความ พร้อมเมื่อต้องการใช้ โดยอาจให้เจ้าบ่าวช่วยถือ

- เครื่องราง - ของขลัง มีความเชื่อว่าเป็นจะเป็นตัวเสริมความมงคล เช่น งาช้าง นอแรด วัตถุมงคลอื่นๆ มีความเชื่อว่าสิ่ง เหล่านี้จะทำให้คู่สมรสค้าขายได้คล่อง เป็นเครื่องรางที่เรียกเงินเรียกทอง และคุ้มภัย จากสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็น

- เงินทุนที่เตรียมมอบให้ลูก (นิยมมอบเงินเก่า เช่น เงินหัวโลน เงินพด เงินด้วง เงินฮาง  เงินไผ่ เงินเจ้าเก่า(เงินช้างสามเศียร สมัย ร.5) เงินทุนที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ง้าว หรือดาบ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นได้ทั้งอาวุธในการป้องกันภัย และเครื่องมือทำมาหากิน ตัด ใช้สำหรับตัด ถาง ป่าเพื่อทำการเกษตร โดยช่วงพิธีแห่ พ่อล่ามจะเป็นคนถือ หรือสะพายก็ได้

ในการเข้าร่วมเดินขบวนแห่เจ้าบ่าว พ่อ-แม่ และญาติเจ้าบ่าวจะมีการเตรียมของที่ใช้ร่วมพิธีงาน

วันแต่งงานที่พิเศษแตกต่างออกไปคือ จัดให้มีญาติหรือผู้ติดตามหาบกระช้าแฮป (ตระกล้าที่ใช้ไม้ไผ่สานใบเล็กๆ สำหรับใส่ของต่างๆ) จำนวน 2 หาบ ๆ ละ 8 ใบ ซึ่งภายในกระช้าแฮป จะประกอบไปด้วย ไข่ไก่ต้มสุกกล้าช้าแฮปละ 1 ใบ ใบคูณ ใบยอ หมาก พลู เพื่อใช้สำหรับมอบให้แก่ญาติผ่ายเจ้าสาวเป็นการมอบเพ ื่อคารวะและให้เขารับทราบพิธีการแต่งงานของคู่สมรส

เมื่อขบวนแห่เจ้าบ่าวที่เดินทางมาจากบ้านถึงบริเวณบ้ านเจ้าสาวหรือที่จัดงานก็จะแห่เจ้าบ่าว และญาติๆไปที่เรือนหอที่มาก่อสร้างไว้แล้ว (ส่วนใหญ่เรือนหอของคนภูไทมักก่อสร้างในที่ดินของฝ่า ยหญิง) และพ่อล่ามจะมีการร้องถามญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเพื่อขอ อนุญาตนำเจ้าบ่าวขึ้นบนเรื่อนหอโดยร้อถามว่า

พ่อเฒ่าเอ้ย.....ลูกเขยมาแล้ว ไขป่องเอี่ยมเยี่ยมเบิ่งลูกเขย แน่เด้อเมื่อไปถึงบริเวณบ้านที่จัดงาน ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเมื่อได้ยินเสียงขบวนร้องทัก ก็จะมาคอยต้อนรับและเชื้อเชิญขึ้นไปบนบ้านหรือ เรือนหอ พ่อล่ามก็จะเป็นคนนำขึ้นเรือนหอ แล้วนำเดินเข้าไปยังห้องนอนที่มีการจัดเตรียมไว้แล้ว และพ่อล่ามก็จะตรงไปยังเสาขวัญ (เสาเอก) ของบ้านเพื่อที่จะนำย่ามที่สะพายมาไปแขวนที่เสาขวัญ และช่วงของขั้นตอนนี้ทุกคนที่ขึ้นไปบนเรือนหอต้องยืน และห้ามนั่งจนกว่าจะทำพิธีแล้วเสร็จและได้รับอนุญาต โดยมีพิธีกรรมในการเสี่ยงทายโดยระหว่างที่จะตอกตะปูเ พื่อห้อยย่าม และจะตั้งคำถามว่า

พ่อล่ามจะหาที่ตอกตะปูเพื่อห้อยย่ามบนเสาขวัญ และพูดเป็นคำถามว่า นี่บ้อ...ดอนจบดอนดี ดอนค้ำดอนคูณ” (ตรงนี้หรือที่เป็นที่มงคล)

ญาติๆที่เข้าร่วมพิธีกรรมก็จะตอบว่า มิแม้น” (ไม่ไช่)  พ่อล่ามก็จะขยับหาที่ใหม่บนเสาขวัญและจะถามด้วยคำถาม เดิมอีกครั้ง ญาติก็จะตอบว่า ไม่ไช่เช่นเคย (มิแม้น)

จนถึงการถามครั้งที่สาม พ่อล่ามจะขยับหาที่ที่เหมาะแล้วถามญาติอีกครั้ง ครั้งที่สามนี้ญาติๆจะตอบว่า

แม้น...แล้ว บ่อนนี่หล่ะ บ่อนมั่นแก่นแน่นขนาย บ่อนมั่นคงขนงอยู่ บ่อนมั่งบ่อนมี บ่อนเศรษฐีมั่งมีเงินล้าน บ่อนซุ่ม บ่อนเย็น

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้จากบรรดาญาติ พ่อล่ามก็จะทำพิธีตอกตะปูเพื่อห้อยย่ามและง้าว (ดาบ) ที่ถือมาแล้วก็จะบอกให้เจ้าบ่าวและญาติๆฝ่ายเจ้าบ่าว ยืนรอบนบ้านโดยห้ามนั่ง และพ่อล่าม-แม่ล่ามก็จะรีบลงจากบ้านเพื่อไปรับตัวเจ้าสาวที่รออย ู่บ้านพ่อ-แม่ ของฝ่ายหญิง หรือจะเรียกแทนตัวพ่อ-แม่ผ่ายหญิงว่าเป็นพ่อดอง-แม่ดอง และจะรับตัวมาเพื่อประกอบพิธีกรรมต่อไป

ช่วงเวลาเดียวกันที่มีการแห่เจ้าบ่าว มาที่บริเวณบ้านที่จัดงาน และระหว่างที่ฝ่ายเจ้าบ่าวและพ่อล่ามทำพิธีตอกตะปูสะ พายย่ามอยู่ดังรายละเอียดด้านบน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านเจ้าสาวก็จะมีพิธีกร รมในการเสริมความมงคลที่เชื่อว่าจะนำความสมบูรณ์พูนส ุขแก่เจ้าสาวในการเรียกบุตร พ่อ-แม่และญาติฝ่ายหญิงก็จะทำพิธีกรรม โดยการกางมุ้งขึ้นที่บ้านตนเองเพื่อเป็นกลอุบายตามพิ ธีและจะมีการคัดสรรเอาเด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเด ือนมาจำนวน 4 คน แล้วก็จะให้เด็กเหล่านี้ประจำอยู่คนละด้านของมุ้งแล้ ว พ่อ-แม่ว่าที่เจ้าสาวก็จะทำพิธีโยนข้าวต้ม (หรือขนม) เข้าไปในมุ้งแล้วให้เด็กๆเข้าไปแย่งข้าวต้มกันในมุ้ง และนั่งกินกันในมุ้ง โดยพิธีกรรมนี้ทำขึ้นด้วยความเชื่อว่าจะเป็นการเสริม ขวัญและมงคลให้แก่เจ้าสาวให้มีพลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์และจะได้มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง มีลูกหลายๆคน และที่ให้เด็กเข้าไปแย่งกันในมุ้ง ก็เพื่อเป็นกลอุบายที่ว่าหากเจ้าสาวมีลูก เด็กที่เป็นลูกทุกคนจะรักใคร่กันและไม่หลงลืมถิ่นฐาน บ้านเกิดและจะมีความผูกพันกัน หรือตุ้มโฮมกัน มุ้งก็เปรียบเทียบกับท้องของแม่ โดยพิธีกรรมนี้จะทำก่อน วันแต่งงานหรือในวันงานเพื่อรอช่วงที่พ่อล่าม-แม่ล่ามจะมารับตัวว่าที่เจ้าสาวไปดำเนินพิธีกรรมอื่น ๆก็ได้โดยเจ้าสาวก็จะเรียกพ่อล่ามแม่-แม่ล่าม ว่าปู่ล่าม-ย่ามล่ามแทนเพื่อให้เรียกติดปาก เมื่อมีลูกก็จะพาลูกเรียกอย่างนี้เสมือนพ่อ-แม่ฝ่ายสามี แต่มีคำว่า ล่ามเข้ามาต่อท้ายเพื่อให้รู้เท่านั้นเอง

ส่วนพ่อ-แม่ จริงๆของสามีจะเรียกปู่ หรือย่า เมื่อมีลูกแล้ว ขณะที่ไม่มีลูกก็จะเรียกแทนตัวว่าคุณพ่อ คุณแม่เหมือนเรียกพ่อแม่ตนเองก็ได้

หมายเลขบันทึก: 205269เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2008 11:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 19:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คักหลาย อย่างกินดองแบบผู้ไทบาง แต่คงทำไม่ได้แล้ว เพราะกินดองแบบผู้ลาว ไทอีสานแล้วล่ะ ขอบคุณความรู้สาระทางเผ่าพันธุ์ผู้ไท

ว่าจะจัดงานแบบภูไท แต่ว่ามันยากไป แต่อยากรู้ว่าเค้ามีชุดแต่งงานไหมนะ แบบที่เป็นต้นฉบับภูไทเราน่ะ

แล้วเป็นภูไท บ้านไหนล่ะคะ เราวาริชฯเด้อ ภูไท + ลาว ฮิๆๆๆ

จะเป็นเขยภูไทเดือน4ครับขอบคุณมาก

ที่คำบงอำเภอห้วยผึ้งจังหวัดกาฬสินธุ์


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท