วันนี้ดิฉันไปร่วมการสัมมนาวิชาการเรื่อง “ตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (ฟรี) มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คนจนเจ้าภาพอดปลื้มใจไม่ได้ที่นักธุรกิจให้ความสนใจเกินคาด ดิฉันขอสรุปการสัมมนาจากท่านวิทยากรทั้งหมด 6 ท่านดังนี้
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอินเดีย
-มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ราว 1.2 พันล้านคน คาดว่าในปี 2015 อินเดียจะมีประชากรมากกว่าจีนเพราะอินเดียไม่มีการคุมกำเนิด ถือว่าผิดหลักศาสนา
- เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- มีมหาเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก
- มีอัตรการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน
- มีการเติบโตของ GDP 9-10% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการซื้อสูงขึ้น
- อินเดียมีประชากรระดับมหาเศรษฐีราว 50 ล้านคน พวกนี้ซื้อสินค้ามียี่ห้อ คนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมีราว 300 กว่าล้านคน
- เมืองท่าสำคัญคือมุมไบ เชนไน บังกาลอ นิวเดลี กัลกัตตา
- ชาวอินเดียราว 600 ล้านคนเป็นมังสวิรัติ เคร่งครัดมาก บางเมืองทานปลาได้ บางแห่งทานไข่ได้บางแห่งได้กลิ่นยังไม่ได้เลย
- พวกที่เคร่งครัดจะไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลย แต่บางคนก็ดื่มมาก
- ชาวอินเดียมีความเหนียวแน่นในเรื่องเครือข่ายมาก
- ชาวอินเดียฉลาด ชอบคิด ชอบศึกษาวิจัย เขารู้เขาและรู้เรา
ลักษณะหรือธรรมชาติของชาวอินเดีย
- เราอย่าไปติดที่รูปลักษณ์ของชาวอินเดียที่ผิวดำ แต่คบไปนานๆ จะทราบว่าเขาเป็นคนน่ารัก
- ชาวอินเดียมีความอดทนสูง
- ชาวอินเดียจะไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่สตางค์เดียว
- อินเดียต้องต่อสู้ตลอดเวลา เขาถูกปล้นสมบัติไปในอดีตจากเจ้าอาณานิคมไปมาก ดังนั้นเขาจึงมีการปกป้องตนเองและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศสูงมาก
- ชาวอินเดียเป็นคนช่างพูด รู้มาก มีเหตุผล ใช้อารมณ์มาก
- ธุรกิจเป็นแบบครอบครัว ผู้อาวุโสยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ
- อินเดียเป็นประเทศที่มีข้อมูลมาก หาข้อมูลได้ง่าย ชาวอินเดียกระหายที่จะทำธุรกิจ
- อินเดียถือว่าเขาเก่งที่สุดในเอเชีย และถือว่าเป็นมหาอำนาจ
- อินเดียเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ใหญ่
- อินเดียคิดช้า ทำช้า ค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำ เพราะฉะนั้นอย่าบีบบังคับให้เขาตัดสินใจ อย่ารีบร้อน
- ชาวอินเดียถือเรื่องจิตใจเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องเปลี่ยนทัศนคติในการคบหากับชาวอินเดียเพราะเขาอ่านสายตาเราออก “เจองูกับเจอแขก ต้องศึกษาแขกเพื่อให้เขาช่วยจับงูให้” (คุณพินิจ กังวานกิจ)
- ชาวอินเดียระแวงคนแปลกหน้า การเข้าไปเจาะตลาดควรไปในงานแสดงสินค้าที่จัดโดยภาครัฐทั้งสองประเทศก่อน หลังจากนั้นจะแอบไปตะลุยเองก็ได้
- อินเดียไม่สั่งสินค้าทีละมากๆ เพราะต้องการนำสินค้าไปลองตลาดก่อน อีกทั้งเขาไม่มีโกดังใหญ่ๆ ไว้เก็บสินค้า ร้านค้าของคนอินเดียส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ซื้อน้อยๆ แต่ซื้อนานๆ ก็ทำให้การค้าขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
-ชาวอินเดียให้ความสำคัญกับครอบครัว ให้เกียรติผู้หญิง
- ชาวอินเดียไม่ปฏิเสธ แต่ใช้วิธีเลื่อนไปเรื่อยๆ แสดงว่าเขาไม่สนใจแล้ว
- เรื่องวรรณะยังมีอยู่ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน
- ชาวอินเดียมองไทยว่าเป็นคนน่ารัก น่าคบ
การเตรียมตัวเข้าไปทำการค้า
- ต้องมีความมุ่งมั่นว่าเราจะสามารถเจาะตลาดอินเดียได้ อย่าท้อแท้
อย่ารำคาญ และอย่าท้อถอย การเริ่มต้นแม้จะยาก แต่ผลที่ได้จะคุ้มค่าในภายหลัง
- ต้องเตรียมตัวหาความรู้ทั้งกฎระเบียบด้านการลงทุน วัฒนธรรม
ภาษา อดทนต่ออุปสรรคต่างๆ และฝึกทานอาหารอินเดียไปบ้าง
- สินค้าอะไรก็ขายได้ หากเพียงแต่เราต้องไปสำรวจตลาดก่อน และ
ปรับสินค้าให้เข้ากับตลาดอินเดียให้ได้
- การเจรจาธุรกิจต้องเดินทางไปพบปะให้รู้จักกันก่อน การให้นามบัตร
พร้อมคุณวุฒิเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเตรียมการนำเสนอสินค้า พร้อมการถามตอบคำถามให้ดี
- การติดต่อการค้า : อินเดียจะ
1) ขอดูราคาก่อน เราไม่ควรบอกผ่านมาก
2) ขอดูตัวอย่าง เราสามารถส่งรูปภาพไปให้ดูทาง
อีเมล์ก่อน พร้อมรายละเอียด
3) ต่อจากนั้นขอดูตัวอย่างจริง (มั่นใจว่าขายได้)
4) สุดท้ายเขาจะคุยเรื่องราคาอีกรอบ หากต้นทุนผันผวนก็สามารถบอกราคาใหม่เขาได้ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลานานพอควร (เรียนแล้วว่าต้อง อดทน)
- ควรมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีจิต
- เขานิยม business dinner อินเดียอาจมาสาย แต่เราต้องไปตรงเวลา เวลาเริ่มราวสามทุ่ม
เป็นต้นไป ก่อนอาหารควรใช้เวลาคุยธุรกิจให้เสร็จเพราะเมื่อทานอาหารเสร็จ งานเลี้ยงเลิกราทันที
- อย่าพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ เพื่อนบ้าน ควรคุยเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม ภาพยนตร์
- การจดทะเบียนเรื่อง brand ต้องทำก่อนเข้าไปอินเดีย เพราะอาจมีการละเมิดลิขสิทธิ์ได้
- หากต้องการข้อมูล หรือคำแนะนำ ท่านสามารถติดต่อกระทรวงพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี ได้
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเข้าไปเจาะตลาดอินเดียนะคะ
------------------------
หากท่านต้องการติดอาวุธทางปัญญาก่อนจะเข้าไปเจาะตลาดอินเดีย สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาวัฒนธรรมและการพัฒนา วิชาเอก "อินเดียศึกษา" รอบแรกจะเปิดรับสมัครในเดือนตุลาคม เสียค่าเรียนถูกแบบหลักสูตรปกติ แต่เรียนวันเสาร์-อาทิตย์ สนใจติดต่อได้ที่ โทร. 02-800-2323, 02-800-2308-14 ต่อ 3308 หรือเข้าชม www.lc.mahidol.ac.th
เรียนอาจารย์โสภนา
ขอบคุณครับที่นำเรื่องนี้มาบอกเล่า
เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับที่ หน่วยงานต่างๆ จะเห็นความสำคัญของอินเดียและผู้ประกอบการไทยจะเริ่มต้นไปบุกอินเดียซะที
ผมดีใจที่มีการสัมมนาแบบนี้
แต่ก็นึกเสียดายที่ จากในภาคราชการด้วยกัน ยังไม่มีการ KM กันมากนัก
คงต้องช่วยกันครับเพื่อให้เอกชนไทยได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
นอกจากนั้น ในหนังสือพิมพ์โพสต์ ทูเดย์ ฉบับทุกวันจันทร์ จะมีเรื่อง "สำรวจอินเดีย" เพื่อเป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่จะกระตุ้นคนไทยครับ
เรียน ท่านพลเดช ที่เคารพ
ใช่ค่ะ พวกเราคงต้องช่วยกันเชียร์นักธุรกิจไทยให้กล้าลุยมากขึ้น ดิฉันเห็นแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดีมากค่ะ เพราะนำข้อมูลมาให้ทราบกันขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ลุยไปก็ปิดโอกาสตัวเอง เราต้องช่วยกันต่อไปค่ะ
ด้วยความเคารพ
โสภนา