วันที่ ๑๘ ส.ค. ๕๑ ผมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบาย สวรส. มีการอภิปรายกันเรื่องการทำหน้าที่ของ สวรส. ให้เกิดความคึกคัก ให้เป็นที่ยอมรับนับถือภายในประเทศ
ผมมีความเห็นว่า สวรส. โชคดีมาก ที่ในปัจจุบันวงการด้านสุขภาพ มีการสร้างข้อมูลจากกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งโดย สช., สสส., มสช., สปสช., ฯลฯ จุดสำคัญคือการมองเห็น “ข้อมูล” จากกิจกรรมเหล่านั้น และรู้จักจัดกระบวนการเพื่อให้นักวิชาการเก่งๆ ในสาขาที่ไม่ค่อยมีคนนึกถึง ว่าจะมีส่วนสำคัญในตั้งโจทย์วิจัย และตอบโจทย์โดยการเข้าไปจัดระบบการเก็บข้อมูลให้มีคุณภาพ แล้วดำเนินการการวิเคราะห์ สังเคราะห์ออกมาเป็นความรู้เชิง generic ตัวอย่างของนักวิจัยเช่น นักเศรษฐศาสตร์ นักมนุษยศาสตร์ เช่นนักปรัชญา นักประวัติศาสตร์ นักมานุษยวิทยา
โดยวิธีการจัดการงานวิจัยเช่นนี้ จะมีผลให้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในด้านการขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทย เป็นตัวสร้างความรู้ในระดับพรมแดนความรู้ มีการตีความสภาพที่เกิดขึ้นจริงในสังคมด้วยทฤษฎีใหม่ๆ หรือมีการสร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมาอธิบายปรากฏการณ์
นี่คือความท้าทายต่อสถาบันจัดการงานวิจัยอย่าง สวรส. ที่จะพัฒนาทักษะใหม่ด้านการจัดการงานวิจัยที่ไม่มีใครมี คือทักษะในการจัดการให้นักวิจัยเฉพาะทาง หรือนักวิจัยทางลึก (disciplinary) เข้ามาคลุกกับ “สนามรบ” จริงของการสร้างสรรค์ระบบสุขภาพ เอา “สนามรบ” เป็นสนามสร้างความรู้ใหม่ ให้นักวิจัยเฉพาะทางจากหลายสาขาวิชา เข้ามาร่วมกันทำงานวิจัยสร้างความรู้ใหม่ ทฤษฎีใหม่ในศาสตร์ของตน
ผมอิจฉาผู้บริหารของ สวรส. เสียจริงๆ ที่มีโอกาสในการทำงานเปิดอ้ารอรับเช่นนี้
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ส.ค. ๕๑
กราบเรียนท่าน อ.หมอวิจารณ์ที่เคารพ
ตอนนี้...เครื่องปรุงนั้นมีพร้อมและเกือบครบแล้วสำหรับที่จะลงมือปรุง ... สำหรับกุ๊ก (ซึ่งเปรียบก็คือ สวรส.) นั้นก็เหมือนจะจดจ่อต่อการปรุงอาหารนี้... คนรอชิมก็กำลังรอชิมอยู่เช่นเดียวกัน
เหลืออีกนิดเดียว ก็จะเกิดจุดคลิก ... รอลุ้นอยู่เหมือนกันค่ะว่า ... กุ๊กฝีมือดีนี้ท่านจะมีกระบวนการท่าเจ็งๆ ต่อการนำเครื่องปรุงนี้มาคลุกเคล้าให้เป็นอาหารอันรสเลิศอย่างไรบ้างเท่านั้นเองค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
กะปุ๋ม