ชีวิตติดค่าย...ความประทับใจที่ไม่เคยลืม (ย้อนหลังนานไปหน่อย..)


ผมชอบการแลกเปลี่ยน เรียนรู้จากคนทุกคน

ชีวิตติดค่าย...ความประทับใจที่ไม่เคยลืม

         ผมว่าชีวิตคนหัวฟูๆอย่างผมนี้คงขาด ค่าย ไม่ได้แน่ๆ ผมเลือกที่จะทิ้งงาน  ขาดเรียน  แล้วเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าขอติดรถไปออกค่าย ผมทำมันมาตลอด  คงเหมือนอุลตร้าแมนที่ขาดแสงอาทิตย์ไม่ได้ ไม่งั้นพลังก็หมด  (ฮ่าๆๆ)      ผมแสนที่จะเบื่อบรรยากาศในมหาลัยที่มีห้องเรียนแคบๆ  รถราเยอะๆ  อาจารย์ที่ท่องตำรามาสอน สื่อสารกับนิสิตราวกับว่าพวกผมจะสามารถเข้าใจมันเป็นอย่างดี ผมว่าชีวิตจริงของคนที่จบมหาวิทยาลัยออกไปคงมีเพียงไม่กี่สาขาหรอกที่จะได้ใช้ทุกวิชาที่เรียนมาตลอดหลายปี เอาออกมาใช้   ที่เห็นๆก็น่าจะมีแค่แพทย์และพยาบาลเท่านั้นที่จะได้ควักออกมาใช้อย่างคุ้มค่า  นอกนั้นก็มีอย่างละนิดหน่อย 

      การศึกษาเมืองไทยผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันน่ะว่าทุกวันนี้   ไอ้ที่เรียนแล้วก็สอนกันจริงๆมันเวิร์กหรือป่าว  ผมว่าเราย่ำอยู่กับที่ไม่ได้หมุนตามโลกเลย  คนที่การศึกษาสูงๆ จบออกมาก็มีแต่จะกอบโกยเข้าหาตัว  ทั้งๆที่เค้าก็สอนให้เป็นคนดี รู้จักเอื้อเฟื้อ  ผมไม่รู้ว่าจะโทษคนเรียนหรือว่าคนสอนดี  คนเรียนก็เรียนอย่างเดียว เชื่อโดยที่ไม่เคยเอาสิ่งที่เค้าสอนมาลองทำดู ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะเอาไปใช้ยังไง ... ก็โทษที่คนสอนอีกนั่นแหล่ะ  สอนได้ บอกได้ แต่ไม่เคยให้เค้าลองทำดูจริงๆ คงเป็นเพราะคนสอนก็จำเค้ามาอีกทอดเหมือนกันมั้งผมว่า ....ความสับสนหลายๆอย่างจึงทำให้ผมกล้าที่จะลองออกจากกรอบเดิมๆ มาสู่ห้องเรียนแห่งโลกของความเป็นจริงที่ผมอยากแสวงหาความรู้มากกว่าห้องสมุด   อินเตอร์เน็ต  นิตยาสาร  หรือห้องเรียนอันน่าเบื่อที่ผมเคยใช้ชีวิตอยู่กับมัน    ผมชื่นชอบและหลงใหลกับมันอย่าง  บ้าคลั่ง  มากมาย   ไม่รู้จะใช้คำไหนที่จะมาบรรยายให้มันตรงกับความรู้สึกในใจผมของผมได้  แต่ก็พอที่จะพูดกับใครๆได้ว่าผมชอบการแลกเปลี่ยน เรียนรู้จากคนทุกคน   ที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงที่ผมอยากจะมามากหลังจากได้ยินเรื่องราวมานานมากแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสัมผัส จนวันนึงพี่ชายที่ผมนับถือแกมาบอกว่ามีโครงการผ้าป่าหนังสือสายธารความรู้สู่เด็กและเยาวชน วันที่ 27-28 มิถุนายน 2551  ศูนย์ศึกษาศิลปะธรรมชาติเด็กรักป่า ที่จะทำร่วมกันกับหลายๆชมรมและมหาวิทยาลัยต่างๆที่จังหวัดสุรินทร์  ที่สำคัญ สถานที่ที่จะไปคือ พื้นที่ของเด็กรักป่า หลายปีแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติที่ผมรัก   คืนวันที่ 26 มิถุนายน  ผมแทบไม่ได้นอนเพราะต้องจัดการกับงานที่ยังค้างคา จนไม่ได้ไปช่วยพี่ๆเตรียมของที่จะไปสุรินทร์ ถึงกระนั้นก็ยังไม่เสร็จ

         6 โมงเช้า ผมรีบลุกจากที่นอนกับทรงผมที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะเรียกว่าเป็นทรงผม เพราะมันยุ่งเหยิงเหลือเกิน   คงจะเหมือนกับชีวิตผมหล่ะมั้ง   แต่ทางออกที่ดีที่สุดคงจะมีแต่ธรรมชาตินี่แหล่ะ ที่ช่วยผมทุกๆเรื่อง เครียดก็เข้าป่า  ไม่สบายใจอยากเขียนเพลง  อยากเขียนรูป  ก็เข้าป่า (มันช่างยอดมากครับพี่น้อง)   ถ้าให้พูดถึงเรื่องนี้ผมว่าผมคงออกหนังสือได้เลยแหล่ะ ห้าโมงเช้าเราเดินทางไปถึงบ้านแสลงพันธ์ พื้นที่ของเด็กรักป่า    มีคำ 2 คำที่ผมคาดหวังไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะได้มาที่นี่ คือ ผมจะต้องได้อะไรกลับ เพื่อ เพิ่มลงตรงกลางของชีวิตของผม และผมจะต้องให้อะไร  เพื่อ คนที่นี่ ไม่มากก็น้อย    

แต่งเพลงให้พี่หน่อยและพี่จืด แห่งเด็กรักป่า จังหวัดสุรินทร์

 ถ่ายรูปรวมหาเอง...ใครหล่อใครสวยดูเอาครับ

  จบค่ายนี้ผมตอบได้อย่างภูมิใจเลยว่าไม่เสียดายแม้แต่น้อยที่ผมขาดเรียนมา   ได้เห็นและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆอย่างสนุกสนาน  มิตรภาพที่ดียังคงได้รับจากทุกคนในค่ายครั้งนี้   ผมคงบอกใครหลายคนได้ว่าผมไปเจออะไรมาบ้าง  แต่คงให้เค้าซึมซับไม่ได้  เรื่องอย่างนี้คงต้อง เห็น ต้องทำ และเรียนรู้เอาเอง

 

สายธารความรู้สู่เด็กและเยาวชน วันที่ 27-28 มิถุนายน 2551 ศูนย์ศึกษาศิลปะธรรมชาติเด็กรักป่า

หมายเลขบันทึก: 203484เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 00:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พี่อ่านเรื่องนี้หลายรอบแล้ว...
อ่านจากต้นฉบับที่ต้องนำมาทำหนังสือทำมือ

การเรียนยังเป็นเรื่องสำคัญสุดสำหรับชีวิต  ซึ่งนั่นหมายถึง  ทำกิจกรรมแล้วต้องไม่เสียการเรียน

พี่เองก็คงแนะนำเรื่องนี้ได้ไม่เต็มปากนัก  เพราะตัวเองก็ล้มเหลวมากับเรื่องเหล่านี้

....

เป็นกำลังใจให้ ..

นี่เป็นเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึงจากค่ายที่ส่งเข้ามารวบรวมเป็นหนังสือหรือเปล่า ...

แต่หนังสือเด็กรักป่า พี่ยังทำไม่เสร็จเลย อิอิอิ ...

ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท