พืชผักที่จัดว่ามีการดูแลบำรุงรักษายากที่สุดชนิดหนึ่ง เห็นจะต้องยกเอา คะน้า เข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย เพราะเป็นผักค่อนข้างที่จะอ่อนไหวในเรื่องของ หนอน แมลง และโรคต่างๆ ที่เข้ามารบกวนมากกว่าพืชผักโดยทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนอนนั้น จะเข้ามาทำลายเร็วมาก เพียงคืนเดียวก็สามารถนำความเสียหายมาสู่เกษตรกรได้เลยครับ จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรใช้วิธีการผลิตแบบปลอดสารพิษแล้วมักจะไม่ค่อยได้ผล เลยต้องหันไปใช้แต่วิธีการแบบดิม ๆ คือใช้ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง มิหนำซ้ำพ่อค้ายาได้ตั้งราคาไว้แพงกว่ายาที่ใช้ในพืชผักชนิดอื่นๆ ด้วยซ้ำ นอกจากชาวบ้านจะต้องเจอกับต้นทุนที่สูงในเรื่องของปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแล้วยังจะต้องมาถูกซ้ำเติมกับค่าเมล็ดพันธุ์ที่แพงตามมาอีก สาเหตุเช่นนี้ทำให้แทบจะหาคนที่ปลูกพืชชนิดนี้แทบไม่ได้เลยทีเดียว คือน้อยมาก ๆ นั่นเอง
แต่ถ้าจะปลูกกันจริงๆ ส่วนมากเกษตรกรส่วนใหญ่ก็จะปลูกกันในรูปแบบที่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงอย่างเต็มที่ จึงจะสามารถปลูกคะน้าแล้วมีความสามารถที่จะมีคะน้าไว้ขายได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะมีความเชื่อฝังรากลึกจากในอดีตที่ผ่านมาว่าปลูกคะน้าถ้าไม่ใช่ยาฆ่าแมลงก็จะไม่ได้กินไม่ขาย เพราะจะถูกหนอนและแมลงทำลายเสียหายหมด สาเหตุจากความเชื่อนี้จึงทำให้ ผักคะน้า เป็นผักที่ยังคงครองแชมป์ในเรื่องของการมีสารพิษปนเปื้อนติดหนึ่งในห้าอยู่เสมอ และปริมาณการผลิตที่มีอยู่ในท้องตลาดก็น้อยมากจนไม่เพียงพอต่อการส่งออก ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วในอดีตประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีความต้องการผักชนิดนี้อยู่มาก
รูปแบบการปลูกแบบปลอดสารพิษนั้นมักจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันในหมู่ผู้ปลูกผักคะน้า เพราะมีความรู้สึกว่าไม่น่าจะทำได้ หรือในบางครั้งไปพบกับผู้ปลูกบางราย ซึ่งอาจจะเป็นมือใหม่ขาดประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจในวิธีการทำแบบปลอดสารพิษอย่างถูกต้องครบถ้วน แล้วไปเห็นว่าเขาทำแบบปลอดสารพิษแล้วไม่สำเร็จ จึงยิ่งฝังลึกลงไปในความเชื่อเพิ่มขึ้นไปอีกว่า ปลูกคะน้าแบบปลอดสารพิษนั้นไม่น่าจะทำได้ ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ต้องถอยห่างออกจากวิธีการปลูกผักชนิดนี้ในรูปแบบปลอดสารพิษมากขึ้นไปอีก เพราะไปยึด ไปติดกับความคิด ความเชื่อที่ได้พบได้เห็นมาอย่างไม่ถูกต้องและครบถ้วนนี้ จึงทำให้ ไม่ประสบความสำเร็จในด้านนี้กันสักเท่าไร
เกษตรกรสมัยใหม่ควรจะทำการค้นคว้าศึกษาหาข้อมูลเสริมทักษะให้มีความรู้ความชำนาญเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะได้นำมาผลิต คะน้าปลอดสารพิษ ให้มีปริมาณมากเพียงพอต่อความต้องการของตลาดเพราะมีประชากรเป็นจำนวนมากที่ชอบทานผักคะน้า แต่เนื่องจากทราบความเป็นมาของการผลิตในบ้านเราแล้วกลัวในเรื่องสารพิษตกค้างจึงมีหลายๆ ท่านไม่กล้ากินและหันหลังให้กับผักชนิดนี้โดยสิ้นเชิง และถ้าเราสามารถผลิตผักชนิดนี้ในรูปแบบปลอดสารพิษได้ก็ถือว่าเป็นโอกาสทางการตลาดอย่างมากทีเดียว เพราะมีน้อยรายมากที่จะสามารถผลิตได้ในรูปแบบนี้และยิ่งมีความความชำนาญและความสามารถในการผลิตได้มากจนเพียงพอต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมาก็จะยิ่งช่วยทำรายได้ให้แก่ตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่ ญี่ปุ่น ตรวจพบสารพิษเกินค่ามาตรฐานในผักคะน้าที่นำเข้าจากบ้านเรามากขึ้นทุกปี ๆ จึงทำให้เขาลดการนำเข้าผักคะน้าเข้าประเทศของเขาลดต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะเกษตรกรบ้านเรายังไม่มีความสามารถเพียงพอในการที่จะดูแลรักษาหรือผลิตผักคะน้าในแนวทางปลอดสารพิษได้ ในระยะหลังๆ จึงผลิตเพียงแค่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศเพียงอย่างเดียว
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreeangro.com
Email : [email protected] วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
ไม่มีความเห็น