........ปัญหาไม่ได้เกิดเพราะพระพุทธศาสนา แต่เกิดเพราะเราไม่เป็นพุทธเท่าที่ควรต่างหาก
........คำถามที่สำคัญที่สุด เราต้องการเป็นพุทธไหม ถ้าต้องการให้เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เราต้องการพุทธศาสนาในลักษณะไหน พระพุทธศาสนาในความเข้าใจของเรานั้นเป็นอย่างไร
.......พุทธศาสนามีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนศาสนาอื่น ท่าทีต่อศาสนาอื่นนั้นชัดเจนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เรามองเขาด้วยความเคารพและหวังดี เป็นเพื่อนในการสร้างความดี แต่เราต้องรู้ว่าเรามีอะไร
…..ศาสนาพุทธมีความเชื่อว่าการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้ามีจริง เพราะถ้าไม่เชื่อเราจะหากำลังใจจากไหนมาปฏิบัติ ซึ่งมีความสำคัญอยู่ในแง่ที่พิสูจน์ศักยภาพของมนุษย์ เพราะพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง การตรัสรู้ของท่านเป็นการดับกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นแก่ตัว และสิ่งเศร้าหมองทั้งหลายทั้งปวงให้หมดสิ้น การกระทำเช่นนั้นเป็นการพิสูจย์ว่าอยูในวิสัยที่มนุษย์จะกระทำได้ ถ้าใครที่นับถือศาสนาอื่นมาถามเราว่าชาวพุทธเชื่อเรื่องอะไร เราตอบได้เลยว่า เชื่อในความสามารถของตนเอง ที่จะพ้นจากความทุกข์ และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง
...มนุษย์ถึงจะมีสัญชาตญาณเหมือนสัตว์อื่น เช่นสัญชาตญาณทางเพศ สัญชาตญาณการป้องกันตัว แต่ขณะเดียวกันยังมีความสามารถอยู่เหนือสัญชาตญาณนั้น
....พุทธศาสนาสอนว่าชีวิตของเราในปัจจุบันรับอิทธิพลจากสิ่งที่เราเคยกระทำ สิ่งที่เราเคยพูด สิ่งที่เราเคยคิด ความเชื่อถืออะไรทั้งปวงในอดีตในลักษณะวัตถุดิบ เราต้องยอมรับ แต่ข้อสำคัญคือเราจะทำอย่างไรกับวัตถุดิบเหล่านี้ต่อไป เป็นเรื่องของเรา ....กรรมเก่ากรรมใหม่ทำให้เราเป็นทุกข์ทางใจไม่ได้ถ้าเรามีศีล สมาธิ และปัญญา
พระพุทธศาสนาสอนว่า เราควรพิจารณาชีวิตของตนและถามตนเองว่า เราอยู่เพื่ออะไร เราต้องการชีวิตอย่างไร เดี๋ยวนี้เรากำลังสร้างเหตุปัจจัยของชีวิตเช่นนั้นหรือไม่ ทำอย่างไรเราจึงจะมีชีวิตที่เราภูมิใจได้ ทำอย่างไรเราจึงจะมีชีวิตทั้งที่มีประโยชน์ต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคม ทำอย่างไรเราจึงจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริง
………พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนว่าความสุขและความจริงเป็นเรื่องเดียวกัน.....ตราบไดที่เราไม่เข้าใจความจริงของตัวเรา ความจริงของธรรมชาติ ยังไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเราและธรรมชาติ เราจะมีความทุกข์ตลอดเวลา ไม่มากก็น้อย ไม่เปิดเผยก็เก็บกด
คุณค่าของชีวิตอยู่ที่คุณธรรม ไม่ใช่โลกธรรม....เมื่อเรามีความสุขจากวุฒิภาวะภายใน เหมือนกับเรากลายเป็นมหาเศรษฐี ให้เท่าไหร่ก็ไม่จนสักที เพราะยิ่งให้ยิ่งมีความสุขมากขึ้น .........ยิ่งมีปัญญา ยิ่งเข้าใจในชีวิตของตนเอง ยิ่งอยากจะสร้างประโยชน์ ยิ่งอยากจะลดหรือดับความทุกข์ของคนอื่นด้วย
คนที่รอบครอบจริงๆแล้ว ไม่ได้คิดแต่ความสุขเฉพาะหน้า แต่คิดถึงคนที่ยังไม่เกิดด้วย......ต้องการให้เมืองไทยเป็น sustainable development (การพัฒนาที่ยั่งยืน) แต่ถ้าหากเราไม่พัฒนาจิตใจคน ไม่ช่วยให้คนเราเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนา เชื่อว่าในที่สุดแล้ว ต้องประสบความล้มเหลว
ในความเป็นจริงแล้วเมืองไทยมีโชค มีบุญมาก ทรัพยาการในทางจิตวิญญาณยังมีมากพอสมควร ปัญหาอยู่ที่ว่าเราไม่ใช้ทรัพยากรนี้ให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ในการนำพาประเทศชาติ ให้เป็นไปเพื่อสังคมอันสันติสุขที่สอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนา
เราทุกคนมีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในงานนี้.....ด้วยความเชื่อมั่นว่าทำดีได้ดี เหมือนกับที่เรารดน้ำพรวนดิน ให้พวกเราสร้างต้นไม้แห่งความดีความงามให้มีขึ้นกับชีวิตของตัวเอง ในสังคม ในประเทศชาติของตัวเอง จะเป็นบุญอย่างยิ่ง
จากหนังสือ ไฮเทคไฮทุกข์
โดย ท่านชยสาโร ภิกขุ
มาอ่านและลงชื่อไว้ครับ
อ่านและมีความรู้
สวัสดีค่ะ
อะไรเอ๋ย
อิอิ มีปัญหาเหมือนกันค่ะ
เป็นคนไทยด้วยค่ะ เป็นคนพุทธด้วยน่ะค่ะ
และมีปัญหาด้วยค่ะ แต่ก็มีปัญญาด้วยน่ะค่ะ อิอิ
ขอบคุณน่คะ สำหรับบันทึก
มีกลอนข้องพระมากว้ากคับ เมืองไทยเป็นเมืองพุทธบริสุดด้วยศินแจ๋มใส่ รักชาติ สาสกระสัตไทยเทิดทูนไว้อย่ายำยี่
รัก ผลมชื่อผลมวิหาร สุกสำราญ เป็นเครื่องบงชีอะใบอย่ามุกเป็นทุกไม่ดี คระยันทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณ พระบอกมาครับ