การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในด้านธุรกิจประกันภัย


การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในด้านธุรกิจประกันภัย

          ในโลกธุรกิจการแข่งขันเกิดขึ้นกับทุกๆ อุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันที่ความเร็ว แข่งขันกันที่ความสามารถว่าใครจะมีมากกว่า แข่งขันกันที่ความถูกต้องว่าใครจะทำงานได้ถูกต้องแม่นยำกว่า หรือแข่งขันกันที่เทคโนโลยีว่าใครจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้มากกว่า ในธุรกิจของวงการประกันภัยก็เช่นกันที่นอกเหนือจากความน่าเชื่อถือของบริษัท (Brand Images) แล้ว ความรวดเร็วก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่บริษัทประกันภัยหลายๆ บริษัท ต่างพยายามหยิบยกนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์

          หนึ่งในสิ่งที่นำไปใช้ชี้วัดเรื่องของความคุณภาพในการให้บริการของบริษัทประกันภัยคือความเร็วที่พนักงานประกันภัยหรือตัวแทนของบริษัทประกันภัยไปถึงลูกค้าหลังจากที่มีการแจ้งเหตุจากลูกค้า ซึ่งตั้งแต่ไหนแต่ไรความคาดหวังของลูกค้าที่เลือกใช้บริการของบริษัทประกันภัยในแต่ละเจ้าก็หวังไว้ว่าเมื่อแจ้งเหตุแล้ว พนักงานเคลมจะมาถึงจุดเกิดเหตุอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องมาก่อนพนักงานเคลมของคู่กรณีมาถึง เพื่อที่จะให้บริษัทประกันภัยตกลงกันในเรื่องรายละเอียดโดยมีลูกค้าเป็นผู้ให้ข้อมูลรวมถึงให้ข้อมูลเหตุการณ์ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ก่อนที่จะถึงเหตุการณ์ในขั้นตอนของการเจรจาระหว่างตัวแทนของบริษัทประกันภัยคุยกันเพื่อต่อรองค่าซ่อม ใครเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดนั้น เราอาจจะไม่ทราบว่าการที่ตัวแทนของบริษัทประกันภัยมาถึงเราอย่างรวดเร็วและไม่หลงไปที่ใดนั้น ล้วนมาจากเทคโนโลยีที่คอยช่วยเหลือให้ตัวแทนของบริษัทประกันภัยมาถึงลูกค้าโดยเร็วที่สุด

          ความรวดเร็วอย่างแรกคือการให้โทรศัพท์มือถือเป็นตัวบอกว่า ณ ขณะนี้โทรศัพท์เครื่องนี้อยู่ที่ตำแหน่งใดในพื้นโลก ที่จริงเรื่องของการติดตามตัวผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น เราคงได้เคยพบได้ยินกันมาแล้วบ้างจากสื่อโฆษณาต่างๆ ซึ่งจากแนวคิดจากการที่โทรศัพท์มือถือสามารถติดตามได้นี่เอง จึงเป็นการนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการแจ้งเหตุของลูกค้าที่ช่วยให้เจ้าหน้ารับแจ้งสามารถบอกได้ว่าขณะนี้ลูกค้าอยู่ที่ตำแหน่งใด เนื่องจากบางครั้งในการแจ้งเหตุจากลูกค้านั้นเกิดขึ้นในกรณีที่เหตุการณ์ชุลมุน อยู่ในที่ห่างไกลสัญญลักษณ์หรือตำแหน่งบอกพิกัดต่างๆ หรืออาจจะแจ้งในกรณีตอนกลางคืนไม่สามารถระบุตำแหน่ง พื้นที่ใดๆ ลงไปได้ หรืออื่นๆ ซึ่งถ้าบริษัทประกันใช้เทคโนโลยีดังกล่าวก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ที่รับแจ้งได้เป็นอย่างดีว่าเหตุที่เกิดนั้นอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด ไม่ต้องสร้างแรงกดดันให้กับลูกค้ามากนักในกรณีที่เกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือมีลักษณะเป็นถนนสายยาวๆ เช่น มอเตอร์เวย์ ถนนเพชรเกษม หรือถนนมิตรภาพเป็นต้น

          ส่วนอีกเทคโนโลยีที่กำลังจะเป็นที่นิยมคือการใช้เครื่อง PDA ที่มี GPS เป็นอุปกรณ์ในงานด้านประกันภัย ซึ่งก็มีทั้งการใช้ในการติดตามพนักงานเคลมว่าตอนนี้พนักงานเคลมไปถึงตำแหน่งที่เกิดเหตุแล้วหรือยัง หรืออยู่ ณ ที่ใดในตอนนี้ หรือเอาไว้สำหรับ Call Center ตรวจสอบว่าพนักงานเคลมคนใดอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด เพื่อที่จะได้ไปถึงที่จุดเกิดเหตุได้เร็วที่สุด อีกทั้งเครื่อง PDA เองก็ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ส่งข้อมูลกลับบริษัทประกันหรือข้อข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลกรมธรรม์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ที่จริงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำหรับงานด้านประกันภัยยังมีอีกมาก ไว้ในโอกาสต่อไปผมจะกลับมานำเสนออีกครับ

ไปเรื่องอื่นๆ http://gotoknow.org/blog/xxl/toc

 

 

หมายเลขบันทึก: 201925เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2008 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท