"งานสิ่งใด งานสิ่งใด แม้ใครละเลยทิ้งปล่อย มัวแต่คอย เฝ้าแต่คอย หวังคอยแต่เกี่ยงโยนกลอง ไม่มีเสร็จ ไม่มีเสร็จรับรอง จำไว้... ทุกคนต้อง ทำงาน เราต้องช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกัน"
เล่าต่อเรื่องดี ๆ ที่ได้รับมาจากการอบรมป้องกันภาวะหมดไฟ ฯ อาจารย์หมอประเวชท่านพูดประโยคหนึ่งที่รู้สึกประทับใจมาก "ปัญหาจริง ๆ แล้วไม่เป็นปัญหา แต่วิธีแก้ปัญหาต่างหากที่เป็นปัญหา" สงสัยเราจะชอบทำตัวเป็นปัญหา แต่เจ้าตัวดีก็จัดการวิธีแก้ปัญหาของเจ้าตัวนี้อย่างรักและสงสาร เจ้าตัวดีตัวนี้เลยยังวุ่นวายอยู่เรื่อย
เราลองมาดูกันนะคะว่าวิธีการจัดการกับปัญหาแบบไม่ก่อให้เกิดปมปัญหาที่แกะไม่ออกตามมา อาจารย์แนะนำว่าอย่างไร
- ที่จริงก็เป็นแบบที่เราๆ ท่าน ๆ หลายคนก็รู้อยู่แล้ว แต่การฝึกให้ชินมันต้องทำบ่อย ๆ จนชาค่ะ เริ่มง่าย ๆ จากวิธีคิดที่ต้องปรับให้ถูกต้อง คิดรอบด้าน ยืดหยุ่น หาสิ่งดี ๆ คิดบวก ในเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้เสมอ ๆ ใช้เหตุผล และคิดตามความเป็นจริง "สัมมาทิฏฐิ" เป็นอันดับแรก
- ต่อจากนั้น ก็ต้องดูว่าที่ผ่านมาเวลาเรามีปัญหา เราใช้วิธีการอะไรเข้าไปลงมือจัดการกับมัน เพราะส่วนใหญ่ขณะที่เครียด คนส่วนใหญ่มักใช้ทั้งความพยายามแก้ปัญหา และการจัดการอารมณ์ อย่าลืมนะคะ 448 ถ้าลืมไปที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/microcosm/200355
- อาจารย์สอน "บันไดห้าขั้นของการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ" เหมือน HA คือ Plan Do Check Act หรือ อริยสัจ 4 ของพรพุทธองค์ ท่านก็ทรงตรัสไว้เช่นกัน
- ขั้นที่หนึ่ง คือ ทำความเข้าใจ ตอบคำถามให้ได้ว่า เรื่องที่เรารู้สึกว่าเป็นปัญหานั้น เป็นปัญหาอย่างไร อันนี้สำคัญมากเพราะถ้ามีคนมาถามว่า "ที่คุณไม่ชอบ (ขี้) หน้าคน ๆ นี้ มันเป็นปัญหาอย่างไร" อะไรต่อมิอะไรต่าง ๆ คงพรั่งพรูออกมา จนคว้าแทบไม่ทัน รึเปล่า
- ขั้นที่สอง ตั้งเป้าหมาย เรื่องนี้ดิฉันไม่ค่อยอยากพูดถึง เพราะส่วนใหญ่ชีวิตดิฉันจะ "เข็มขัดสั้น" (คาดไม่ถึง) ตลอด อาจารย์เขียนในเอกสารบรรยายไว้ว่า คนส่วนใหญ่มักเสียเวลาและพลังงานไปกับการคิดวนเวียนที่ตัวปัญหา หรือคิดแต่จะมองหาคนผิด ฯลฯ (ใครโดนบ้าง ยกมือ) การแก้ปัญหา คือ คิดถึงเป้าหมายในอนาคต ไม่ใช่อดีตที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
- ขั้นที่สาม ค้นหาทางเลือก วิธีคิดที่เหมาะสม ยืดหยุ่นจะช่วยให้มองเห็นทางออกที่หลากหลาย ดิฉันมักเลือกที่จะนอนพักเอาแรงแล้วค่อยว่ากันใหม่พรุ่งนี้เช้า ไม่งั้นคิดไม่ออก ทางเลือกมักมีมากกว่าหนึ่งเสมอ มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ถ้าเราเลือกทางที่ให้ผลรวมที่พอใจมากที่สุด ก็อย่าลืมยอมรับด้านลบของเรื่องนั้น และมีวิธีการจัดการกับมันที่ชัดเจน
- ขั้นที่สี่ ลงมือทำ อันนี้เป็น หัวใจสำคัญ เพราะถ้าไม่ทำอะไร ๆ ก็เป็นปัญหา คิดถึงที่เพลงที่เคยฝึกร้องตอนอบรมทักษะการทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์กับ รศ.ประยุทธ เกิดนวล เนื้อเพลงบอกว่า "งานสิ่งใด งานสิ่งใด แม้ใครละเลยทิ้งปล่อย มัวแต่คอย เฝ้าแต่คอย หวังคอยแต่เกี่ยงโยนกลอง ไม่มีเสร็จ ไม่มีเสร็จรับรอง จำไว้... ทุกคนต้อง ทำงาน เราต้องช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกัน" การอดทนและรอคอยจะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
- ขั้นที่ห้า สรุปเพื่อเรียนรู้ สุดท้ายคือถ้าทำสำเร็จก็สรุปเพื่อเป็นประสบการณืในอนาคต และบอกต่อใน G2K ถ้าไม่ได้ผลก็จะช่วยให้เราทบทวน ปรับปรุงวิธีที่ใช้ว่าเราเข้าใจปัญหาที่ชัดเจนเพียงพอหรือไม่
- หลายปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบช่วยให้เดินขึ้นบันไดได้สำเร็จ นอกจากตัวเราแล้ว เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรมีความสำคัญอย่างยิ่ง จะเครียดมากหรือไม่ ก็เพราะคนใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องนั่นแหละ การทำใจ ใช้อารมณ์ขัน ขำขำกับบางเรื่อง ก็อาจจะช่วยให้เมฆหมอกคลี่คลายไปได้เยอะ
- ใครมีวิธีเก๋ไก๋ในการเอาชนะวิธีแก้ปัญหา ก็ส่งคำตอบมานะคะ จะหารางวัลไปแจกให้ถึงบ้านเลย
" เรื่องราวของคนคนหนึ่ง ไม่สำคัญเท่ากับ
เรื่องนั้นเป็นปัญหาสำหรับเขาอย่างไร ? "