ซำเหนือเมื่อหน้าหนาว(๓)


ซำเหนือเป็นเมืองหลวงของแขวงหัวพัน

              รถผ่านหมู่บ้านอีกหลายแห่งจนเข้าเขตเชียงทองซึ่งเป็นเมืองเล็กระหว่างหลวงพระบางกับหัวพัน  การเดินทางในแขวงหัวพันท่านไม่มีทางจะหลบเลี่ยงภูดอยไปได้  ถนนเลียบผ่านหมู่บ้าน  บริเวณที่ราบเพียงมักจะเป็นหมู่บ้านของลาวลุ่มซึ่งหมายรวมเอากลุ่มที่พูดภาษาไททั้งลาว ไทดำ ไทแดง และไทขาว  บริเวณที่สูงขึ้นดอยไปอีกนิดมักเป็นหมู่บ้านลาวเทิงซึ่งหมายถึงกลุ่มพูดภาษามอญเขมร ได้แก่ ขะมุ ข่าเม็ด และกลุ่มอื่นๆ  การเดินทางขึ้นดอยลงดอย  ถนนคดเคี้ยวไปเรื่อยๆ  จะหักกี่โค้งก็จำไม่ได้เสียแล้ว  ที่บ้านเมืองเฮียมแวะที่หัวน้ำคานถ่ายรูปหลุกที่ใช้พลังน้ำตำข้าว  มีมองข้าวเรียงรายกันอยู่  ชาวบ้านอาศัยน้ำทำนาที่อยู่รอบๆหมู่บ้าน  บริเวณที่อยู่ใกล้แม่น้ำซึ่งใกล้บ้านเรือนด้วยจะปลูกผักอยู่ในเขตส่วนครัวที่ล้อมด้วยรั้วตาแสงกันสัตว์เลี้ยงเข้าไป

              รถวิ่งผ่านหมู่บ้านลาวเทิงหลายหมู่บ้าน  จะรู้ว่าเป็นลาวเทิงหรือไตนั้นดูใต้ถุนบ้านก็รู้แล้ว  บ้านไตจะมีกี่ทอผ้าอยู่ใต้ถุนแทบทุกบ้าน  เผลอๆก็มีผู้หญิงสาวบ้างแก่บ้างนั่งทออยู่  แต่หมู่บ้านลาวเทิงไม่มีเพราะกลุ่มนี้ใช้กี่เอว  นั่งทอกันอยู่บนเรือน  ลักษณะเรือนเหล่านี้เหมือนเรือนลื้อที่เสาเรือนตั้งอยู่บนก้อนหิน เรียกกันว่าเสายองหินหรือเสาวางอยู่บนก้อนหินเพื่อกันปลวกกัดกินไม้หากเอาเสาไม้ฝังลงไปในดิน  ข้างๆถนนบางครั้งจะมีลาวเทิงเดินกันเป็นกลุ่มเอาไม้ฟืนหรือของที่เก็บหาหรือล่าได้จากป่ากลับไปหมู่บ้าน  มีการเผาถ่านข้างๆทางเพื่อขายให้กับคนในหมู่บ้านหรือเมือง  

              หลังจากขับรถมาเรื่อยๆก็แวะกินข้าวกลางวันตอนเกือบๆสี่โมง  ย้ำเกือบๆสี่โมงจริงๆนะเออ  คุณบุญส่งเลือกแวะกินที่น้ำตกข้างทาง  เป็นน้ำตกที่สวยแต่อยู่ไกลเกินกว่าที่ใครๆจะมาเที่ยวได้  กินข้าวเหนียวกับปลาย่างและแจ่วพริกป่น  พังเสียงน้ำตกไปด้วย แม้จะเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนแต่คนในท้องถิ่นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ดูเหมือนจะมีความพยายามทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีร่องรอยของร้านขายอาหารและอื่นๆอยู่ด้วย แต่ร้างไปนานพอสมควร  หากเป็นเมืองไทยคงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพร้อมๆกับขายสินค้าOTOPไปแล้ว  พยายามหาจุดขายกันเหลือเกิน  ใจคอจะขายกันไปถึงไหนจ๊ะ 

              ก่อนถึงซำเหนือมีน้ำพุร้อน  สหายก็เลยเกิดความคิดว่าจะอาบน้ำพุร้อนก่อนเข้าซำเหนือ  ปรากฎว่าต้องขับรถเข้าไปอีกสามกิโลเมตรแล้วก็พบว่าน้ำพุร้อนอยู่เลยทุ่งนาออกไปติดอยู่กับเชิงดอยเล็กๆ  แต่เหลือเชื่อว่ามีคนไปอาบเยอะด้วยนะ  คนละห้าพันกีบเท่ากับประมาณยี่สิบบาท  จนห้องน้ำเต็ม  ก็เลยต้องเดินกลับโดยจ่ายค่าเข้าไปเที่ยวชมคนละพันกีบ  เมื่อเข้าเขตเมืองซำเหนือต้องประทับใจกับถนนที่กว้างขวาง แต่รถน้อยดีจัง มีอาคารแบบตะวันตกที่ฝรั่งเศสเคยสร้างไว้หลงเหลืออยู่บ้าง คุณบุญส่งเธอพิถีพิถันในการเลือกที่พักน่าดู  ค่ำแล้วแต่จะพักทันทีไม่ได้  คุณบุญส่งเธอจะต้องลงไปสัมภาษณ์และดูสถานที่ให้เรียบร้อยก่อน  ซึ่งก็นับว่ารอบคอบดี  แวะสัมภาษณ์ไปสองแห่งและถามชาวบ้านอีกด้วยนะ  นักวิจัยอายเลยล่ะเพราะเธอมีการรีเชคข้อมูล  ในที่สุดทั้งหลายก็ไปสยบที่โรงแรมชั้นหนึ่งของซำเหนือ  ชื่อโรงแรมแคมซำเพราะอยู่ข้างแม่น้ำซำ  ติดกับตลาดอีกด้วยนะ  น้ำร้อนถูกใจจริงๆ  ได้อาบน้ำอาบท่าหลังจากนั่งรถมาทั้งวัน  สบายอกสบายใจจริงๆ  สองทุ่มกว่าแล้วต้องออกไปหาอะไรกินกันที่ร้านใกล้ๆตลาด  เดินดูรอบๆ อากาศหนาวจริงๆ  คุณบุญเจ้อบอกว่า นี่แหละซำหนาวล่ะ  ได้ร้านที่ถูกใจ แถมยังบริการเปิดเพลงที่เรา(สหายลาว)ชอบอีกด้วย ที่ผนังร้านมีผ้าไตแดงสวยๆแขวนอยู่เต็ม  แต่ติดราคาไว้น่าสยดสยอง  มีฝรั่งนั่งกินข้าวผัดอยู่ด้วย แต่ที่นี่ฝรั่งยังน้อยกว่าที่หลวงน้ำทา ที่โน่นนะฝรั่งเดินสะดุดหัวแม่เท้ากันเองเลยล่ะ หลังจากนั้นก็มีน้องสาวมาจากเซียงขวางพาญาติกลุ่มใหญ่มาเลี้ยงม่วนซื่นกัน ผู้หญิงลาวดื่มสุรายาดองเป็นของธรรมดา  แต่ยังไม่เคยเห็นใครเมาอาละวาดซักที อาหารเย็นถูกปากถูกใจสมาชิก  มีต้มส้มปลา  ยำผัก ยำไก่ และผัดผัก  แซ่บหลาย  คงเพราะความหิวด้วย  ดีใจที่มาถึงซำเหนือแม้จะค่ำจนมองไม่เห็นอะไรแล้วก็ตาม     

              ซำเหนือเป็นเมืองหลวงของแขวงหัวพันซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสปป.ลาว  ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ ๖๕๐ กิโลเมตร  มีพื้นที่ประมาณ ๑๖,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร  เป็นภูเขาหินปูนที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณเก้าสิบเปอร์เซนต์ เป็นเขตที่มีภูเขามากที่สุดของลาว สหายลาวบอกว่าความจริงเรียกว่าหัวภูก็ได้  บริเวณนี้มีเทือกเขายาวเหยียดเข้าไปถึงเขตเวียตนาม ภูสูงที่สุดได้แก่ภูหวดสูงถึง๒,๔๕๒  เมตร  ยังมีภูอื่นๆ ได้แก่ ภูปาน ภูเลย ภูปั่น ภูผาที่ ภูผาลวม เป็นต้น  และมีพื้นที่ป่าที่หลงเหลือจากการตัดโค่นและระเบิดประมาณสามสิบแปดเปอร์เซนต์ของพื้นที่ภูเขา  พื้นที่การเกษตรประมาณ๑๖,๐๐๐ เฮคตาร์หรือ ๙๙,๘๒๔ ไร่โดยประมาณเช่นกัน  นอกจากพื้นที่ราบหุบเขา  มีทุ่งหญ้าคาและหญ้าอื่นๆที่ขึ้นตามธรรมชาติ สามารถใช้เลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย ม้าและแพะมีแม่น้ำสำคัญหล่อเลี้ยงพื้นที่การเพาะปลูกและใช้สำหรับการเดินเรืออยู่สามสาย คือ น้ำม่า น้ำซำและน้ำเหนือ  อาณาเขตของหัวพันทางเหนือติดต่อกับจังหวัดซอนลา และทันห์หัวของเวียตนาม  ทางใต้ของหัวพันติดต่อกับจังหวัดเงอัน  ภายในประเทศติดต่อกับแขวงหลวงพระบาง และเซียงขวาง

หมายเลขบันทึก: 200987เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2008 21:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 20:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท