บทความในหนังสือพิมพ์ "มติชน" ฉบับวันพรุ่งนี้ อันเป็น "วันแม่" ของคนไทย
ได้พูดเรื่องราวของ "แม่" พระในบ้าน เขียนโดย กฤษณา พันธุ์มวานิช
จึงขอนำเสนอบทความนี้ลงบันทึก สำหรับลูกทุกคนในวันมหามงคล ดังนี้
"แม่" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำนิยามว่า หมายถึง หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก หรือคำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
ตามคำนิยามวรรคแรก คือ หญิงในฐานะเป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูกนั้น มาจากศัพท์บาลีว่า "มาตา" ซึ่งแปลได้ 2 นัย คือ
- แปลว่า มารดา หมายถึง ผู้นับ
- แปลว่า มารดา หมายถึง ผู้ให้ดื่มนม
ชีวิตของเราที่ประกอบด้วยรูปและนาม หรือ ร่างกายกับจิตใจนั้น เราถือกำเนิดมาจากแม่ ถ้าไม่มีแม่ชีวิตของเราจะอุบัติมาในโลกไม่ได้เลย และคำแรกที่มนุษย์เราพูดได้คือคำว่า "แม่"
คำว่าแม่นี้จะซึ้งอย่างไรนั้นจะทราบได้ก็ต่อเมื่อเราไม่มีแม่สำหรับไว้ร้องเรียกกันต่อไป คือ เมื่อท่านได้ตายจากไปแล้ว ลูกที่ยังมีแม่ไว้ร้องเรียกอยู่อาจจะยังไม่รู้จักซาบซึ้งในคำว่า "แม่" ทั้งนี้ ก็เพราะจิตของลูกถูกบดบังด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือความมืดบอด้วยอวิชชา อันเกิดมาจากความรักความห่วงใยของแม่ที่ปรารถนาให้ลูกของท่านมีความสุข ความเจริญ และความดี
ความปรารถนาดีของแม่บางครั้งจึงถูกตีความจากลูกว่าเป็นความจู้จี้ขี้บ่นรำคาญ ทั้งนี้ เพราะแม่ที่ปรารถนาดีต่อลูกย่อมไม่ละเลย ไม่ปล่อยให้ลูกทำอะไรตามใจตัว จะคอยดุด่าว่าบ่นแนะนำสั่งสอนตลอดเวลา บางครั้งก็ลงอาญาทำโทษก็มีด้วยความปรารถนาดี
เช่นนี้จึงทำให้ลูกตีความปรารถนาดีของแม่ผิดไปกว่าลูกเหล่านั้นจะทราบ จะเห็นความสำคัญของผู้เป็นแม่ก็ต่อเมื่อไม่มีแม่สำหรับไว้ดุด่า บ่นอีกต่อไปแล้ว เมื่อนั้นลูกเหล่านั้นจะมีความว้าเหว่ ขาดความเป็นอบอุ่นในชีวิตและรู้สึกอิจฉาคนที่มีแม่ไว้ร้องเรียก
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสยกย่องผู้เป็นแม่ไว้ว่า พรหมาติ มาตาปิตโร ปุพพาจริยาติ วุจจเร อาหุเนยยา จ ปุตตาน ปชาย อนุกมุปภาฯ
แปลว่า มารดาบิดา บัณฑิตกล่าวว่า เป็นพรหม เป็นบูรพาจารย์ เป็นผู้ควรแก่วัตถุที่ควรบูชา เป็นผู้อนุเคราะห์แก่บุตร
มารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร เป็นบูรพาจารย์ เป็นอาหุเนยยบุคคลแล้ว บางแห่งพระพุทธองค์ยังยกย่องว่า เป็นเทพเจ้าของลูก เป็นบุพการีของลูก ที่ว่าเทพเจ้านั้น หมายถึง เป็นเทพประจำบ้านที่ลูกควรบูชา ที่ว่าเป็นบุพการีก็เพราะแม่ได้อุปการะลูกมาก่อนใคร ๆ ทั้งหมด อุปการคุณของแม่นี้ลูกทุกคนควรระลึกถึงเพราะในสังคม ปัจจุบันลูกบางคนก็เห็นคนอื่น เห็นสิ่งอื่นสำคัญกว่าแม่ของตนเอง
จะเห็นได้จากพฤติกรรมของลูกในปัจจุบันไม่น้อยที่แม่คอยตักเตือนว่ากล่าวไม่ให้คบเพื่อนชั่วลูกจะไม่เชื่อฟัง เห็นว่า เพื่อนเป็นคนดี และก็ดีกว่าแม่ของตนเสียอีก เมื่อแม่ว่ากล่าวหนัก ๆ เข้าก็หนีออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อน
บางคนไว้ผมยาวสกปรกรุงรัง แม่ตักเตือนให้ไปตัดให้สั้น ลูกก็ไม่ปฏิบัติตาม เห็นว่า ผมบนศีรษะสำคัญกว่าแม่ ยอมออกจากบ้าน ไม่ให้แม่เห็นหน้าอีก เพราะหวงทรงผมของตน ลูกบางคนรักยาเสพติด รักกัญชา รักผงขาว รักการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ รักสนุกที่จะเที่ยวกลางคืนมากกว่ารักแม่ของตน
ลูกบางคนรักเมียรักผัวมากกว่ารักแม่ของตน ถึงกับทอดทิ้งเพราะเห็นว่าเมียหรือผัวสำคัญกว่าก็มี ลูกที่กล่าวมานี้ เป็นลูกที่ทำให้แม่ผิดหวัง เกิดทุกข์โทมนัสใจย่อมหาความสุขความเจริญในชีวิตได้ยาก
อุปมาว่า บุญคุณของแม่นั้นเป็นเสมือนแผ่นฟ้ากว้าง ถ้าเราจะนำแผ่นดินทั้งหมดนี้มาม้วนเข้าแทนปากกา เอาน้ำในมหาสมุทรทั้งหมดแทนน้ำหมึก แล้วจดจารึกพระคุณของแม่ก้ไม่สามารถจะจดได้หมด
อันความกตัญญู คือ รู้บุญคุณ กตเวที่คือตอบแทนบุญคุณของผู้เป็นแม่นั้น พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ว่า ลูกทุกคนควรบูชาแม่ของตนด้วยควรปฏิบัติตามหลัก 5 ประการ ดังนี้
1. ท่านเลี้ยงเรามาก่อน เราต้องเลี้ยงท่านตอบ ลูกทุกคนต้องระลึกถึงถึงเสมอว่า มารดาบิดาได้เลี้ยงเรามาก่อน การเลี้ยงลูกจนกว่าจะเจริญเติบโต มีการศึกษา มีความสามารถประกอบกิจการต่าง ๆ ได้นั้น ต้องลำบากมาก่อน ต้องคอยประคมประหงม อาบน้ำ ชำระร่างกาย ยามป่วยไข้ต้องอดหลับอดนอน คอยเฝ้าดูแล ฉะนั้น เมื่อเราเจริญเติบโตขึ้นสามารถทำกิจการต่าง ๆ ได้แล้วท่านแก่เฒ่าลงต้องเลี้ยงดูท่านเป็นสุข อย่าให้มารดาบิดาต้องเดือดร้อนในการหาเลี้ยงชีพ เวลาท่านเป็นเจ็บป่วยต้องตั้งใจรักษาพยาบาลป้อนข้าว ป้อนน้ำ นวดเฟ้น ปรนนิบัติท่านดุจท่านเคยปฏิบัติเรามาก่อนเพื่อให้ท่านเป็นสุข
2. ช่วยทำกิจของท่าน คือ มารดาบิดามีกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งกิจภายในบ้านก็ตาม เราควรช่วยทำกิจของท่านให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย โดยท่านไม่ต้องหนักใจหรือห่วงใยในกิจกรรมนั้น ๆ
3. ดำรงวงศ์สกุล คือ จะต้องปฏิบัติตนดำรงตระกูลให้ยั่งยืนถาวร สร้างความเจริญให้แก่วงศ์ตระกูลด้วย คุณสมบัติและวัตถุสมบัติ เป็นที่นิยมนับถือของคุณสมบัติและวัตถุสมบัติ เป็นที่นิยมนับถือของประชาชน อย่าให้ตระกูลของตนเสื่อมหรือถูกติฉินนินทาในทางชั่วร้าย วงศ์ตระกูลเคยบำเพ็ญตน เคร่งครัดในศาสนาหรือบุญกุศลมาอย่างไร บุตรธิดาก็ควรปฏิบัติอย่างนั้น ตลอดจนรักษาจารีตประเพณี ทรัพย์สินมรดกของท่านให้คงอยู่
4. ปฏิบัติตนให้เป็นผู้ควรรับทรัพย์มรดก ผู้ที่ควรแก่การเป็นทายาทสืบวงศ์สกุลนั้น ต้องประพฤติตนดีสุภาพเรียบร้อย ไม่เป็นคนหมกหมุ่นอยู่ในอบายมุข อันเป็นทางผลาญทรัพย์สมบัติของท่านให้หมดต่อไป
5. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วก็ควรทำบุญอุทิศให้ บุตรธิดาจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า มารดาบิดาท่านเป็นผู้ให้เราก่อนเริ่มแต่ให้เลือดเนื้อชีวิต ความรู้แก่เรา บางท่านให้ทรัพย์มรดกมากมาย อุปการคุณเหล่านี้บุตรธิดาจะต้องระลึกถึงเสมอแม้ว่า ท่านจะล่วงลับไปแล้วก็ต้องทำบุญอุทิศให้ท่านตลอดไปด้วยความกตัญญูกตเวทีตามกำลังของเรา
:) ............................................................................................................................... (:
"ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี" ... วันแม่คงไม่ใช่วันพรุ่งนี้เพียงวันเดียว แต่ทุก ๆ วันก็เป็นวันแม่ของลูกทุก ๆ คน ... ไม่ต้องบอกอะไรใช่ไหมครับว่า คนที่เป็นลูกทุกคนต้องปฏิบัติตัวอย่างไร :)
แหล่งอ้างอิง
กฤษณา พันธุ์มวานิช. แม่พระในบ้าน. มติชน (12 สิงหาคม 2551) : หน้า 6.
ขอบคุณอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ... ลูกที่ดีคนหนึ่งของประเทศไทย
แม่อาจารย์ถามว่า "เมื่อไหร่ อาจารย์จะมีแฟนสักที ?" หรือเปล่าครับ อิ อิ :)
ไม่ใช่ครับอาจารย์ แม่จะถามว่า เมื่อไร จะแต่งงานเสียที ฮือๆๆๆๆๆๆๆ
อ้าว "เมื่อไหร่จะมีแฟนสักที ?" เป็นคำถามแรก
คำถามต่อมาก็ต้อง "เมื่อไหร่จะแต่งงานสักที ?" ครับ
ส่วนคำถามที่สาม ก็ต้อง "เมื่อไหร่จะมีลูกสักที ?" อิ อิ
อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ... อยู่ในระดับสองแล้วหรือครับ อิ อิ โอ้ ไม่น่าเชื่อ ๆ พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง :)
มาอ่านและลงชื่อไว้ครับ
ขอบคุณครับ คุณ กวิน ... ยินดีรับการลงชื่อไว้ก่อน ครับ :)
ต้อมรักแม่ค่ะ ^^ แต่เป็นรักที่ไม่แสดงออกเสียด้วย คงเพราะคุ้นชินกับการไม่ค่อยพูด-ไม่ค่อยคุยกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
และวันแม่ของต้อมก็มีอยู่ทุกๆ วัน ^^
มาลงทะเบียนไว้ค่ะ อิอิ
วันแม่คือทุกๆวันค่ะ
ผมฝาก จูจุ๊บ แม่ผ่านทางโทรศัพท์ เมื่อวานแล้วครับ
คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ แต่ภาระยังมี ก็ยังต้องอยู่ สู้กันไป
ขอบคุณมากครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :) ..
ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี ครับ